28 ต.ค. 2020 เวลา 10:48 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
สุนัขสองหัว และสุนัขไร้ร่าง
การทดลองน่าสะพรึงที่สุดของโลก
หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงได้ราวสิบปี ในงานประชุมศัลยศาสตร์ที่กรุงมอสโคววันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1954 แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ผู้มีนามว่า วลาดิเมียร์ เดมิคอฟ (Vladimir Demikhov) นำเสนอผลงานที่ทำให้โลกต้องตกตะลึง นั่นคือ การนำสุนัขตัวหนึ่งมาผ่าตัดประกอบกับสุนัขอีกตัว จนกลายเป็นสุนัขสองหัว!
* เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้อาจทำให้ผู้รักสัตว์หลายท่านรู้สึกจิตตก ส่วนผู้ที่ไม่ชอบเรื่องสยองขวัญ ไม่แนะนำให้อ่านต่อ*
วลาดิเมียร์ เดมิคอฟ ทำการตัดลำตัวลูกหมาอายุ 2 เดือนตัวเล็กๆที่กำลังน่ารักออกเป็นสองท่อน (ระหว่างกระดูกซี่โครงคู่ที่ห้าและหก) โยนอวัยวะสำคัญอย่างหัวใจและปอดของมันทิ้งไป แล้วเชื่อมเส้นเลือดแดงและดำใหญ่เข้ากับร่างกายของสุนัขพันธุ์อัลเซเชียนอายุ 4 ปี ที่ตัวใหญ่กว่า ระบบเลือดของสุนัขอัลเซเชียนกลายเป็นระบบค้ำจุนชีวิตของลูกหมา
หลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้นราว 3 ชั่วโมง สุนัขตัวใหญ่เริ่มลืมตา กะพริบตา ผ่านไปอีกพักใหญ่ๆมันก็เริ่มขยับหัว ผ่านไปราวหนึ่งวัน ลูกหมาเริ่มตื่นขึ้นบ้างและค่อยๆฟื้นคืนพลังจนสามารถกัดผู้ร่วมการทดลองคนหนึ่งถึงขึ้นเลือดออกได้
1
ในตอนนั้น สุนัขประหลาดสองหัว ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก สุนัขตัวใหญ่สามารถเดินเหินได้เป็นปกติ โดยมีหัวและขาหน้าของลูกหมางอกออกมา (ท่านที่ใจแข็งลองเปิดดูคลิปวีดีโอสุนัขตัวนี้จะพบส่วนผสมที่แปลกประหลาดระหว่างความน่ารักของสุนัขทั้งสองและความบ้าคลั่งของมนุษย์ที่ทำให้เกิดร่างพิดารแบบนี้ขึ้น)
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นได้เพียง 6 วัน สุนัขทั้งสองเสียชีวิตลงจากการติดเชื้อ การทดลองสุดพิสดารก็ควรจะจบลงเพียงเท่านี้ แต่ในความเป็นจริงมันกลับตรงกันข้าม สำหรับวลาดิเมียร์ เดมิคอฟ มันอาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เพราะหลังจากนั้นเขาได้ทำการทดลองในลักษณะนี้อีกกว่า 20 การทดลอง หนึ่งในนั้นเป็นการนำลูกสุนัขมาเชื่อมต่อกับร่างกายแม่แท้ๆของมัน!
แน่นอนว่าการทดลองดังกล่าวทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก่นด่าไปทั่วโลก อย่างน้อยๆก็มีการตั้งคำถามถึงจุดประสงค์และประโยชน์ที่ได้จากการทดลองสุดโหดนี้ แต่อีกด้านหนึ่ง ช่วงนั้นรัสเซียสามารถส่งดาวเทียมดวงแรกของโลก ชื่อ สปุตนิก-1 ขึ้นสู่ห้วงอวกาศได้สำเร็จ มีบางคนเปรียบการทดลองของเขาด้วยความชื่นชมว่าเป็นเหมือน "สปุตนิกแห่งวงการศัลย์ศาสตร์"
ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น ในปี ค.ศ. 1929 ศัลยแพทย์ชาวรัสเซีย Sergei S. Brukhonenko ทำการตัดหัวสุนัขออกมาใส่ไว้ในจาน แล้วเชื่อมต่อมันเข้ากับเครื่องมือที่สร้างการไหลเวียนโลหิต (autojector) เพื่อให้หัวสุนัขยังคงชีวิตอยู่ได้
เขาทำการพิสูจน์ว่าหัวสุนัขมีชีวิตอยู่จริงๆเพราะมันตอบสนองต่อสิ่งเร้าหลายอย่าง เช่น เมื่อทำการฉายไฟใส่ดวงตาสุนัขก็พบว่ารูม่านตาหดลง มีการกินอาหารที่ป้อนให้ ฯลฯ หัวสุนัขที่ปราศจากร่างมีชีวิตอยู่ในลักษณะนี้ได้นานราวครึ่งปี!
แน่นอนว่าระบบพยุงชีวิตเป็นกลไกที่ล้ำสมัยมาก ทั้งการพยายามควบคุมความดันให้สม่ำเสมอ ก็นับว่ายากมากๆแล้ว ยังไม่นับการทำให้ของเหลวที่ไหลเวียนไม่เกาะกันเป็นก้อนหรือเกิดการแข็งตัว ฯลฯ
การทดลองนี้นำมาซึ่งคำถามที่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเปลี่ยนจากหัวสุนัขเป็นหัวมนุษย์! เป็นไปได้หรือไม่ที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยอัมพาตให้ไม่ต้องติดอยู่ในร่างกายที่รอวันดับสลาย ฯลฯ
การทดลองสร้างสุนัขสองหัวสร้างแรงบันดาลใจให้กับ Robert White นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันให้พยายามทำการทดลองผ่าตัดย้ายหัวลิง (Head transplant)ได้สำเร็จในระดับหนึ่ง ช่วงปี ค.ศ. 1965 รายละเอียดการผ่าตัดย้ายศีรษะนั้นเต็มไปด้วยเรื่องน่าสนใจและมีการศึกษาความเป็นไปได้ต่างๆ รวมทั้งแง่ของจริยธรรมมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งในอนาคตจะเขียนเล่าให้ฟังแบบยาวๆครับ
แต่ในตอนนี้เราคงจะเห็นแล้วว่า ความก้าวหน้าทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์นั้นคงจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่มีสัตว์จำนวนมากที่ทุกข์ทรมานและเสียสละชีวิตไปในการทดลองต่างๆ จริยธรรมด้านสัตว์ทดลองจึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อป้องกันมิให้พวกมันทุกข์ทรมานน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้นั่นเอง
โฆษณา