28 ต.ค. 2020 เวลา 15:56 • ข่าว
สมชื่อ "รายการฟังหูไว้หู" ให้ข้อมูลรถไฟความเร็วสูงมั่วเพียบ
นั่งดูรายการรายการฟังหูไว้หูของ ช่อง 9 MCOTHD แล้วประหลาดใจมากครับว่า ทำไมถึงให้ข้อมูลเรื่องรถไฟความเร็วสูงได้ผิดมาก พิธีกรอย่างอาจารย์วีระ ธีระภัทร ก็พูดอย่างมั่นใจด้วยโดยบอกว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงสายอิสานไม่ใช่รถไฟความเร็วสูง เป็นรถไฟความเร็วปานกลางจะสามารถวิ่งทำความเร็วได้แค่ 150กม./ชม เพราะ กรุงเทพฯ - โคราช ระยะทางเพียง 253 กม. มี 6 สถานี วิ่งยังไงก็ไม่ถึง 250 กม./ชม. ทางพิธีกรคงไม่ทราบข้อมูลทางเทคนิคกระมังว่าอัตราการเร่งความเร็วของรถไฟมันทำอัตราเร่งระดับต้น 0 - 250 ได้โดยใช้ระยะทางไม่กี่กิโลเมตร ส่วนสถานีในแต่ละที่ก็ห่างกันมาก ดังนั้นมันสามารถทำความเร็วถึงได้อยู่แล้ว ซึ่งปกติก็ไม่มีรถไฟสายไหนบนโลกที่คงความเร็วสูงสุดได้ตลอดทั้งสาย เพราะมันต้องมีทั้งการลดความเร็ว การชะลอก่อนเข้าและออกจากสถานี ซึ่งมันเป็นปกติ ต่อให้จะเป็นรถไฟที่วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดที่ 350 หรือ 500 กม./ชม. ก็ตาม ดังนั้นเรื่องการที่รถจะวิ่งไม่ถึง 250 กม./ชม. แล้วจัดว่าเป็นความเร็วปานกลางเลยมันเป็นไปไม่ได้ เพราะประเภทของตัวรถ ระบบที่ใช้ และอัตราเร่งความเร็ว มันคือรูปแบบของรถไฟความเร็วสูง ข้อนี้พิธีกรไม่ควรมั่วในข้อมูลหรือขยายความให้คนดูแล้วเข้าใจผิด
ส่วนเรื่องรถไฟความเร็วสูงของรัสเซียก็ให้ข้อมูลผิดเช่นกัน เพราะรัสเซียมีรถไฟความเร็วสูงแค่เส้นเดียวเท่านั้นวิ่งจากกรุงมอสโก - เซนต์ปีเตอร์ อย่างที่อาจารย์พูดไปตอนแรก ซึ่งมีชื่อเรียกว่า "ซับซาน" วิ่งด้วยความเร็วที่ 250 กม./ชม. ระยะทาง 750 กม. ส่วนอีกสองสาย เช่น มอสโก - คาซาน ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของประเทศ ที่นำมารวมว่าเป็นโครงการรถไฟความเร็วสูงนั้น ยังเป็นแค่โครงการอยู่เลย รัฐบาลรัสเซียยังหางบประมาณทำไม่ได้เลย และรถไฟที่ไปคาซานยังเป็นรถไฟธรรมดาแบบหวานเย็น นี่ก็คือผิดดอกที่ 2
ดอกที่ 3 คือ โครงการรถไฟลาวจีน จากคุณหมิง - เวียงจันทร์ ไม่ใช่รถไฟความเร็วสูง และไม่ควรใช้คำว่ารถไฟความเร็วสูง เพราะแม้แต่สื่อของทั้งจีนและลาวก็ไม่ใช้ แม้เมื่อก่อนลาวจะเคยใช้เรียกก็ตาม แต่ตอนนี้ไม่เรียกแบบนั้นแล้ว เพราะว่ามันเป็นเพียงรถไฟความเร็วปานกลางเท่านั้น วิ่งไม่เกิน 160 กม./ชม. และเป็นแค่ทางเดี่ยวไม่ใช่ทางคู่วิ่งสวนกันก็ไม่ได้
อีกอย่างคือรถไฟจากจีนที่วิ่งผ่านลาว จะเข้าสูงไทยแบบวิ่งรวดเดียวตรงๆ นั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะโดยปกติแล้วรถไฟที่ต้องวิ่งข้ามแดนในประเทศที่ไม่ใช่อย่างสหภาพยุโรป ต้องมีการเปลี่ยนถ่ายหัวรถจักร หรือโบกี้ที่สถานีเชื่อมต่อปลายทาง และมีการตรวจสอบเรื่องเอกสารการเข้าเมือง ซึ่งเป็นแบบที่ใช้บนเส้นทางรถไฟจากฮานอย - ปักกิ่ง หรือ รถไฟสายทรานไซบีเรียที่เชื่อม 3 ประเทศทั้ง จีน มองโกเลีย และรัสเซีย ก็เป็นลักษณะนี้ ดังนั้นรูปแบบรถไฟที่มาจากจีนมาเวียงจันทร์แล้วข้ามมาหนองคายเพื่อเข้าสู่เส้นทางในประเทศไทยจะต้องเปลี่ยนหัวรถจักรแน่นอน และขนถ่ายทั้งสินค้าและผู้โดยสารมาขึ้นรถไฟในประเทศไทย เพื่อเก็บค่าระวางสินค้าและค่าทำเนียบการเข้าประเทศ เพราะหัวรถจักรของสายลาวจีนจะไม่สามารถมาวิ่งบนรางรถไฟความเร็วสูงของไทยได้เลย เพราะระบบ ความเร็ว ประเภทของรถแตกต่างกัน เพราะมันจะกระทบต่อความเร็วและความปลอดภัยของรถไฟความเร็วสูง ซึ่งไม่มีใครเขาทำกัน
คำนิยามของรถไฟความเร็วสูงมันกำหนดความเร็วเริ่มต้นที่ 250 กม./ชม. ตามที่ International Union of Railways หรือ UIC และ European Union Directive 96/48/EC, Annex 1 ที่นิยามว่า ระบบรถไฟซึ่งมีขบวนรถไฟและโครงสร้างพื้นฐานที่ออกแบบมาให้มีความสามารถพิเศษที่สามารถเดินรถได้ในสภาวะปกติมีความเร็วสูงกว่า 250 กม./ชม. บนเส้นทางที่ก่อสร้างใหม่ หรือความเร็วที่มากกว่า 200 กม./ชม. เมื่อรถวิ่งบนเส้นทางที่มีอยู่ในปัจจุบันแต่ได้รับการอัพเกรด
ดังนั้นพิธีกรไม่ควรให้ข้อมูลที่ผิด ถ้าไม่แม่นเรื่องข้อมูลจริงๆ เพราะมันจะลดทอนความน่าเชื่อถือของรายการลง ถ้าไม่รู้ก็ไม่ต้องพูดขยายความให้ดูเหมือนรู้ เพราะมันจะยิ่งโป๊ะ และคนที่รู้เรื่องนี้ก็มีอยู่ไม่น้อย
แต่ที่น่าสงสัยกว่าคือ การทำงานของสำนักข่าวไทย และช่อง 9 MCOTHD ไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเลยหรืออย่างไร ถึงปล่อยให้ออกอากาศแบบผิดๆ อย่างนี้ เพราะแม้ว่ารายการจะเป็นการผลิตโดยทีมนอก แต่พวกข้อมูลต่างๆ เป็นข้อมูลจากถังข่าวของสำนักข่าวไทย ดังนั้นจึงต้องเช็คความถูกต้องของข้อมูลก่นออกอากาศ
อีกอย่างข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับโครงการ หรือประเภทของรถไฟก็มีบนอินเตอร์เน็ต ค้นหาได้ง่ายด้วยเพียงแค่พิมพ์ Google ก็เจอแถมอยู่หน้าแรกๆ ไม่ต้องกดค้นหาไปหน้าลึกๆ ดังนั้นไม่น่าจะทำข้อมูลผิดได้ขนาดนี้
คงต้องฝากไปยังสื่อหลักทั้งหลายหรือสำนักข่าวต่างๆ ว่า ข้อมูลที่เผยแพร่ออกมามันส่งมาถึงประชาชนควรให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ยิ่งเป็นเรื่องทางเทคนิคง่ายๆ เหล่านี้ที่หาอ่านได้ทั่วไป ไม่น่าจะผิดพลาด และยิ่ง MCOT ปวารณาตัวเองเป็น "สำนักข่าวไทย" ยิ่งต้องมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือ และถูกต้องที่สุด อย่าให้ลดความน่าเชื่อถือด้วยการพลาดข้อมูลพื้นๆ แบบนี้
2
จนสมชื่อรายการที่ผลิตคือ "ฟังหูไว้หู" เชื่อถือในข้อมูลไม่ได้
โฆษณา