พลธนูหลังม้าแห่งยุคนโปเลียน
พอพูดถีง พลธนูหลังม้า หรือ Horse Archer หลายๆท่านคงจะนึกไปถึง กองทหารม้าอันยิ่งใหญ่ของเจงกิสข่านที่เคยพิชิตมาค่อนโลกในอดีต แต่เมื่อมาถึงการกำเนิดดินปืน อาวุธอย่างคันศรก็เริ่มหายไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝั่งยุโรปที่ในตอนหลังที่เริ่มหันมาใช้อาวุธปืนกันเป็นหลักจนเรียกได้ว่า ธนูแทบจะสูญพันธ์เลยทีเดียว (ไม่ก็แปรสภาพกลายเป็น กีฬา ไป) ถึงกระนั้น ในจักรวรรดิรัสเซียอันกว้างใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยชนเผ่าบนหลังม้า มากมายทางตอนใต้ของรัสเซียที่มีภูมิประเทศแบบทุ่งหญ้าสเตปป์ เหล่าชนพื้นเมืองพวกนี้ส่วนใหญ่มีเชื้อสาย เติร์ก มองโกล พวกเขาเหล่านี้มีทักษะในการขี่ม้าอันยอดเยี่ยม พร้อมกับอาวุธคู่ใจในตำนาน อย่าง ธนูคอมโพสิท ที่มีไว้ทั้งล่าสัตว์เพื่อดำรงชีพ หรือ ปลิดชีพศัตรูที่คิดย่างกราย
แน่นอนว่า จักรวรรดิรัสเซียจึงระดมพวกเขามาเป็นกองทหารอาสาใต้สังกัดคอสแส๊คก็ไม่ปาน โดยมีการประมาณการว่ากองทหารม้าอาสาจากทุ่งหญ้าสเตปป์ในปี ค.ศ. 1812 นั้นมีสัดส่วนดังนี้
- ชาวตาต้าร์ (Tartar) 4 กรม
- ชาวคัลมูล (Kalmyk) 2 กรม
- ชาวเชเชน (Chechen) 1 กรม
- ชาวบาสกิส ( Bashkir) 2 กรม
พวกเขาสวมเสื้อขนสัตว์และหมวกขนสัตว์ อารมณ์เหมือนม้าเบามองโกลในสมัยก่อนก็ไม่ปาน ส่วนใหญ่พวกเขามีหน้าที่เป็นกองลาดตระเวณและทำการโจมตีแบบฉาบฉวยมากกว่าเข้าปะทะตรงๆ
แทคติคของพวกเขานั้นก็คล้ายๆกับ พวกมองโกลนั้นคือขี่ม้าเขาวนรอบๆศัตรูก่อนจะยิงธนูเข้าใส่หวังบั่นท่อนกำลังข้าศึกให้มากที่สุด
พวกเขามีบทบาทอย่างยิ่งในการไล่ติดตามและก่อกวนกองทัพฝรั่งเศสที่กำลังถอยออกจากรัสเซียอย่างบอบช้ำ และได้มีส่วนร่วมสำคัญในการยุทธที่ ไลพิซซ์เมื่อปี ค.ศ.1813 การรบของพวกเขาได้ถูกบรรยายไว้โดยนายพลฝรั่งเศส ท่านบารอน มาร์บอต (Baron de Marbot) ที่ได้เผชิญหน้ากับพวก บาสกิส อย่างชัดเจน
"พวกป่าเถื่อนนั้นขี่ม้าเข้าวนรอบกองพันของเราอย่างรวดเร็ว พวกเขายิงลูกศรนับพันใส่เรา แต่ความเสียหายกับน้อยมาก เพราะพวกเขาเป็นแค่พลอาสาไม่รู้จักวิธีปรับรูปขบวนที่ถูกต้องลูกศรที่พวกเขายิงออกมานั้นไม่สามารถยิงออกมาเป็นแนวตรงๆได้ เพราะจะโดนคนข้างหน้า ดังนั้นพวกเขายิงธนูออกมาเป็นวิถีโค้ง หวังให้มันตกมาโดนพวกเรา ซึ่งนั้นยิ่งทำให้มันพลาดเป้า ลูกศร 9 ใน 10 ไม่ถูกเป้าหมาย การยิงลูกธนูบ่อยๆขนาดนี้จะทำให้พวกเขาหมดแรงไวมาก นอกจากธนูแล้วพวกเขาก็แทบไม่มีอาวุธอย่างอื่นเลย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาเป็นกองกำลังที่อันตรายน้อยที่สุดในโลก"
ถึงแม้จะดูถูกพวก บาสกิส ไปแค่ไหนตัวนายพลเองก็ได้รับบาดเจ็บโดยโดนธนูปีกที่ขา!!!
ฝรั่งเศสจึงตั้งชื่อเล่นให้พวกเขาว่า "คิวปิดจากตะวันออก"
แต่อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าพวกทหารม้าจากทุ่งหญ้าสเตปป์จะอ่อนเสียทีเดียว ในการยุทธที่ เฟียส์ - แชมป์ปัวนอย (Fère-Champenoise) ค.ศ. 1814 พวกคัลมูล สามารถทำลายขบวนสี่เหลี่ยมจัตุรัสของฝรั่งเศสได้และจับเชลยได้กว่าพันนาย!! และพวกเขายังใช้กลยุทธที่ฝรั่งเศสไม่เคยได้พบเคยเจอมาก่อนนั้นคือสงครามจิตวิทยา!!
ในช่วงการปิดล้อมปารีสปี ค.ศ. 1814 พวก คัลมูล 500 นายเอาเลือดสัตว์มาชโลมตัวเองจนแดงฉาน แล้วขี่ม้าวนไปรอบๆเมืองจนเกิดควันฝุ่งคลุ้งไปทั่วสร้างความอกสั่นขวัญหายให้ชาวฝรั่งเศสยิ่งนัก
ในที่สุดเมื่อปารีสยอมจำนนหน่วยของพวกชนทุ่งหญ้าสเตปป์ก็ได้รับเกียรติให้เข้าปารีสอย่างผู้พิชิต
แต่น่าประหลาดใจอย่างยิ่งเมื่อชาวสเตปป์พวกนี้ได้เข้าเมืองใน เยอรมัน ฝรั่งเศส พวกเขากลับไม่โชว์สันดานป่าเถื่อนออกมาแต่อย่างใดแต่กับทักทายและอวดข้าวอวดของให้ชาวเมืองได้รับชมอย่างเป็นมิตร
เช่นเมือง ไวมาร์ในเยอรมัน ชาวบาสกิสก็ได้มอบคันธนูและลูกศรให้กับชาวเมืองเป็นของขวัญ
เรียกได้ว่าม้าธนูเป็นหนึ่งในหน่วยรบที่ไม่เคยสิ้นฤทธิ์จริงๆแม้จะผ่านห้วงเวลาที่เคยยิ่งใหญ่สุดๆมาเกือบ 600 ปีก็ตาม
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
