*** แผนผังการก่อสร้างปราสาทนครหลวงที่มีเค้ารแบบผังของปราสาทนครวัด สร้างเป็นฐานยกสูงซ้อนสามชั้นแบบพีระมิดขั้นบันได จัดวางมณฑปยอดปราสาททิศตามมุมและกึ่งกลางในแต่ละขั้น รวม 24 - 28 ยอด (ชั้นบนอาจมี แค่ 4) เชื่อมต่อด้วยอาคารระเบียงคดหลังคาเครื่องไม้ล้อมรอบอาคารประธาน ผสมผสานกับคติและงานศิลปะอยุธยา หันหน้าปราสาทไปทางทิศใต้เฉียงไปทางตะวันออกเล็กน้อยโดยไม่ทำบันไดทางขึ้น อีกสามด้านที่เหลือทำบันไดขึ้นและซุ้มประตูทางเข้าแบบไม่ผ่านตัวปราสาทไว้ทั้งสามด้าน โดยด้านหลัง-ทิศเหนือเฉียงตะวันตก เป็นทางเข้าจากท่าน้ำริมแม่น้ำป่าสักครับ
.
ผนังระเบียงคดของปราสาทนครหลวง ยังได้แสดงความสัมพันธ์กับรูปแบบระเบียงคดกึ่งโปร่งของปราสาทนครวัด ที่ด้านนอกจะมีผนังประดับหน้าต่างช่องเป็นลูกกรงหลอก กำแพงด้านในเป็นผนังทึบเพื่อวาดภาพจิตรกรรม (นครวัดเป็นภาพสลักนูนต่ำ) ระเบียงอีกฝั่งหนึ่งทำเป็นช่องโปร่ง รองรับเครื่องไม้หลังคาด้วยเสาก่ออิฐ
.
ปราสาทนครหลวงหันหน้าไปทางใต้ โดยดูจากตรงกลางของระเบียงคดฐานล่าง ที่ทำเป็นปราสาท 3 ยอด แบบปราสาทนครวัดแต่ไม่มีบันไดและประตูทางเข้าผ่าคูหาเรือนธาตุ ผังของฐานชั้นที่สอง เลื่อนถอยหลังห่างจากระเบียงคดของฐานชั้นล่างเกิดเป็นพื้นที่ว่าง จึงมีการเพิ่มมุขฐานขนาดใหญ่ยื่นออกมาอย่างตั้งใจ ซึ่งด้านบนของฐานชั้นที่ 2 ก็มีร่องรอยของฐานอาคารทรงปราสาท 3 ยอด รับตรงแนวกับระเบียงคดของฐานล่าง โดยมีหลุมสี่เหลี่ยมตื้น ๆ ที่ไม่ปรากฏช่องประตู (เพื่อใช้เป็นห้อง) จำนวน 4 หลุมครับ
.
ตามแผนผังของปราสาทนครวัด หลุมทั้ง 4 ที่ปราสาทนครหลวงนั้น จะตรงกับตำแหน่งของโถงระเบียง “พลับพลารูปกากบาท” (Cruciform Galleries) บริเวณด้านหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างฐานชั้นล่างกับชั้นที่สอง ที่ตั้งของ “สระน้ำศักดิ์สิทธิ์” ในความหมายของ “มหาสมุทรทั้ง 4” (ปิตสาคร ผลิกสาคร ขีรสาคร นิลสาคร) ที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ ศูนย์กลางจักรวาลในคติความเชื่อ ทั้งฮินดูและพุทธ
.
คติอยุธยาไม่คิดตามแบบนครวัด จึงเอาความเป็นจริงทางภูมิศาสตร์ที่ต้องวางผังปราสาทให้รับกับเส้นทางแม่น้ำป่าสัก จึงทำประตูทางเข้าไว้ด้านหลังทางทิศเหนือและด้านข้างให้รับกับเส้นทางจากตำหนักท่าเรือริมแม่น้ำครับ
.
แล้วพระเจ้าปราสาททอง จะสร้างปราสาทนครหลวงขึ้นเพื่ออะไร ? หากนับจากแรกสร้างในปี พ.ศ. 2174 จนถึงช่วงสวรรคต ในปี พ.ศ. 2199 ก็มีเวลาสร้างถึง 25 ปี ซึ่งหลักฐานทางโบราณวิทยาได้ชี้ว่า มีการก่ออิฐวางเอ็นรากฐานเป็นโครงสร้างขนาดใหญ่รองรับหมู่อาคารทั้งสามชั้น และมีระบบระบายน้ำอย่างสมบูรณ์ แต่มีร่องรอยการก่อหลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้องเพียงเล็กน้อย หลายจุดยังไม่มีการฉาบปูนปิดเนื้ออิฐ ไม่ปรากฏรูปประติมากรรมทางพุทธศาสนาหลงเหลือมากนัก คงมีแต่ซากพระพุทธรูปฐานพระพุทธรูปตามแบบวัดไชยวัฒนาราม อีกทั้งยังไม่ปรากฏลวดลายปูนปั้นประดับ จึงดูเหมือนว่าปราสาทนครหลวงจะหยุดสร้างและถูกทิ้งร้างไป
.
ในครั้งแรกสร้าง พระเจ้าปราสาททองอาจทรงโปรด ฯ ให้สร้างขึ้น ตามคติเดียวกับวัดไชยวัฒนาราม ที่สร้างขึ้นถวายเป็นพระราชกุศลแก่พระราชมารดา พระองค์อาจได้คิดสร้างปราสาทนครหลวงขึ้นอีกแห่งหนึ่ง เพื่อเป็น “พระเมรุมาศมหาปราสาท” แบบปราสาทนครวัดอันยิ่งใหญ่ และจึงค่อยถวายเป็นพระอาราม เพื่อบำเพ็ญพระราชกุศลแก่พระองค์ภายหลังการเสด็จสู่สวรรคาลัยในภายหลังครับ
.
แต่การเปลี่ยนแปลงความเชื่อในสมัยพระเจ้าปราสาททอง ที่ทรงเดินตามแนวทางการประกาศพระบรมเดชานุภาพ พระราชกฤษฎาภินิหารที่เหนือว่ากษัตริย์พระองค์ก่อน ภายหลังการเปลี่ยนราชวงศ์ใหม่ ทั้งการลบศักราช และการเฉลิมพระเกียรติว่า อดีตชาติพระองค์คือช้างป่าลิไลยก์ (ช้างป่าลิไลหัตถี) ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ที่ลงมาปกครองกรุงศรีอยุธยาเพื่อให้ผ่านพ้นจากกลียุค การสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ ในความหมายว่าในอนาคตพระองค์จะได้ตรัสรู้เป็นพระสุมงคลพุทธเจ้า (อนาคตโตทศพุทธ-อนาคตา ทสพุทฺธ-อนาคตพระพุทธเจ้า) ในวรรณกรรมคำฉันท์สรรเสริญพระเกียรติสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงปราสาททอง อาจได้ทัดทาน ทวีความไม่สบายพระราชหฤทัย ด้วยเพราะคติความเชื่อของอยุธยาที่แตกต่างไปจากคติฮินดูโบราณ การสร้างปราสาทเขาพระสุเมรุตามแบบปราสาทนครวัด อาจดูเหมือนพระองค์กำลัง “สาปแช่ง” ตนเอง ในช่วงเวลาที่พระองค์กำลังต้องสร้างพระบรมเดชานุภาพอย่างเข้มข้น เพื่อครอบครองราชบัลลังก์กรุงศรีอยุธยา
.