7 พ.ย. 2020 เวลา 03:00 • นิยาย เรื่องสั้น
MovieTalk ภูมิใจเสนอ "บางบอกดิก 2" ตอนที่ 9
กระท่อมปลายนาของกำนันข้าว
ตอนนี้มีคนย้ายเข้ามาพักอยู่ในสองสามวันแล้ว ไม่ใช่ใครที่ไหน ภาพ เทวารักษ์ ที่ความจำเสื่อม
ภาพนั่งมองทุ่งนาสีเขียวสด ในสมองเขามีแต่ความทรงจำในอดีตที่ลางเลือน แต่ความทรงจำเมื่อเร็ว ๆ นี้ นับแต่กลับมาถึงบางบอกดิก จนกระทั่งได้พบกับแม่ฉัตร ที่ตกใจเมื่อเห็นเขา และท่าทีกำนันข้าวเมื่อเห็นเขา รวมทั้งทีกระอักกระอ่วนใจเมื่อทั้งหมดนั่งล้อมวงทานข้าว
ในวงมีกำนันข้าวที่มีแม่ฉัตรนั่งทางขวาถัดมาก็คือปาม ส่วนฝั่งซ้ายของกำนันข้าวคือปิ๊กและตัวภาพที่ตำแหน่งนั่งตรงข้ามกับกำนันข้าวพอดี
ระหว่างทานข้าว ภาพก็สบตากับแม่ฉัตร แต่ทุกครั้งที่สบตาก็ทำให้แม่ฉัตรมีท่าทีลุกลน แต่เมื่อเขาหันมาสบตากับปาม ก็จะเห็นแววตาขุ่นมัวบางอย่างในนั้น ในขณะที่แววตาก็ปิ๊กเต็มไปด้วยความสงสัยว่าผู้ชายที่มานั่งร่วมวงทานข้าวด้วยเป็นใคร อะไร ยังไง
แต่ที่ภาพรู้สึกได้คือ กำนันข้าวจะมีปฏิกริยาทุกครั้งที่เห็นแม่ฉัตรออกอาการ สิ่งที่ภาพรู้สึกได้คือความอึดอัดใจของตนเอง และความกระอักกระอ่วนใจในวงทานข้าว
คืนนั้นกำนันข้าวให้ภาพนอนที่ห้องรับแขก เขานอนแทบไม่หลับทั้งคืน เพราะเมื่อหลับมันมีภาพอะไรบางอย่างในความคิด ภาพไม่แน่ใจว่ามันคือความฝัน หรือมันคือความทรงจำ
ภาพรู้สึกเหมือนกำลังเดินตากฝนเหมือนคนบ้าจนฟุบหลับไปกลางถนน แล้วมันก็ตัดมาเป็นภาพอยู่ในป่า เขายิงต่อสู้กับใครก็ไม่รู้ รอบ ๆ บริเวณมีซากสัตว์ป่าที่ถูกยิง มีไม้ที่ถูกตัด
บางคืนในความฝัน ภาพที่ภาพ เทวารักษ์เห็นก็คือ เขาเห็นหน้าแม่ฉัตร...น่าจะเป็นแม่ฉัตรสมัยสาว ๆ คุยอยู่กับตนเอง มันดูลางเลือน และก็มีภาพที่เขาถูกจับเหมือนนักโทษอยู่บนเกาะที่ไหนสักแห่ง
แต่บางคืนที่เขาหลับ ภาพที่เห็นคือเหมือนเขากำลังจะคว้าข้อมือของปามและโดดออกจากท้ายรถแต่แล้วก็กลายเป็นจมลงไปในน้ำ บางทีก็สลับกับภาพที่เห็นปามลงจากสามล้อ และยื่นส่งขนม ส่งถุงกาแฟให้กับเขา ความรู้สึกของภาพดูสับสน
ภาพ เทวารักษ์นึกสงสัยสิ่งที่เขาเห็นมันคือความฝัน มันคือความทรงจำที่หายไป หรือ มันคือภาพหลอน
ภาพอยู่ในบ้านกำนันข้าวด้วยความรู้สึกอึดอัดใจอยู่หลายวัน จนในที่สุดเขาก็เอ่ยกับกำนันข้าว
“กำนันข้าวครับ ผมอยากจะขอออกไปอยู่ข้างนอกครับ”
“หา..” กำนันข้าวอุทาน “ทำไมล่ะคุณภาพ”
“ผมคิดว่ามันน่าจะดีกว่าครับ ไม่อยากรบกวนกำนันข้าวให้นานไปกว่านี้”
“แล้วคุณจะไปอยู่ที่ไหน?” กำนันข้าวย้อนถาม
ภาพ เทวารักษ์นิ่งเงียบ เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร เพราะตนเองก็ไม่รู้จักใคร ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านะทำมาหากินอะไร
กำนันข้าวมองภาพ เทวารักษ์ด้วยความเห็นใจ เขายิ้มอย่างเป็นมิตรเหมือนเข้าใจความคิดของภาพ
“เอาอย่างนี้แล้วกัน คุณภาพไปพักที่กระท่อมปลายนาของผมดีไหม ถ้าไม่คิดว่ามันลำบากอะไร ที่นั่นน้ำท่า ไฟฟ้าก็เข้าถึงอยู่”
“จะดีเหรอครับ?” ภาพย้อนถาม
“หรือคุณภาพมีที่ไป?” กำนันข้าวย้อนถาม
ภาพเงียบลง กำนันข้าวจึงพูดต่อ “งั้นก็ไปอยู่ที่นั่นก่อน ถ้าคุณภาพมีหนทางอื่นก็ค่อยขยับขยายต่อไป”
ภาพ เทวารักษ์จึงย้ายมาอยู่ที่กระท่อมปลายนา เขารู้สึกสบายใจมากขึ้นกว่าตอนที่อยู่ในบ้านของกำนันข้าว แม้เขาจะรู้สึกว่าการได้อยู่ใกล้แม่ฉัตร ซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าทำไมเขารู้สึกดีทุกครั้งที่อยู่ใกล้แม่ฉัตร แต่ไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง
แต่เมื่อภาพมาอยู่ที่กระท่อมปลายนา เขากลับคิดถึงปามมากกว่า คิดถึงภาพที่เธอทำท่าปั้นปึ่งใส่เขาอย่างไม่มีเหตุผลนับตั้งแต่เขามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกับเธอในบ้านของกำนันข้าว
กำนันข้าวตั้งใจจะหางานให้ภาพทำ จึงเอ่ยถาม
“คุณภาพอยากทำงานอะไรที่นี่ครับ?”
“ผมบอกตามตรงนะครับกำนัน...ผมเองก็ไม่รู้ว่าผมทำอะไรได้บ้าง แต่ถ้าเป็นงานสุจริต หนักเบาผมก็ทำได้ครับ”
“เห็นปามบอกว่าเมื่อก่อน...ก่อนที่คุณจะความจำเสื่อม คุณเคยถีบสามล้อมาก่อน จะกลับไปทำอาชีพนั้นไหม?”
“ก็ดีครับ ผมว่ามันน่าจะใช่ตัวผมมั้งครับ” ภาพยิ้มรับ
แล้วในที่สุดภาพก็กลับมาถีบสามล้ออย่างเดิมอยู่ที่วินหน้าตลาด
กระทั่งบ่ายวันหนึ่ง มีชายคนหนึ่งเข้ามาทักทาย
“พี่มุบ”
ภาพที่นั่งอยู่ในรถสามล้อวินหน้าตลาดหันไปตามเสียง เห็นเป็นชายคนหนึ่งรูปร่างผอม
“พี่มุบจริง ๆ ด้วย”
ชายหนุ่มคนนั้นเรียกชื่อด้วยความดีใจ ในขณะที่ภาพงุนงง
“มุบ?...ใครครับ?...ผมชื่อภาพ ภาพ เทวารักษ์ครับ”
ชายคนนั้นอึ้งไปพักหนึ่ง พอดีกับที่ปามเดินมาจากท้ายตลาดตรงมาที่วินรถสามล้อ เธอเห็นชายคนหนึ่งกำลังคุยกับภาพเหมือนคนรู้จักกันดี
“ผมคือไร้ ท่าแร้ง ไงครับพี่” ชายคนนั้นคือ ไร้ ท่าแร้ง นั่นเอง “พี่คือเสือมุบ แห่งป่าพยนต์ไงครับ” ไร้พูดเบา ๆ เพราะกลัวใครได้ยิน
แต่ปามก็ได้ยินจนได้ เธอเดินมาทันได้ยินไร้พูดประโยคนั้นพอดี ในใจปามคิดขึ้น
“เสือมุบ...อย่าบอกนะว่า...พี่สามล้อ...เอ่อ...พี่ภาพคือเสือมุบ โจรที่ถูกล่าค่าหัว”
ปามจึงเดินถอยออกมานิดหนึ่ง และทำทีเป็นสั่งกาแฟจากรถเข็น แต่เธอแอบเงี่ยหูฟังการสนทนาของคนทั้งสอง”
“มันเกิดอะไรขึ้นกับพี่เหรอครับ พี่เหมือนจำผมไม่ได้” ไร้ย้อนถาม
“ผมประสบอุบัติเหตุครับ รู้สึกตัวอีกทีก็จำอะไรไม่ได้ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร ชื่ออะไร”
“หา...” ไร้อุทาน “แล้วพี่เป็นอะไรมากไหม นอกจากความจำเสื่อม”
“ก็เจ็บหัวเป็นบางทีนะครับ อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรครับ”
ไร้นิ่งงันครู่หนึ่ง ก่อนจะเล่าให้ฟังว่า ภาพคือเสือมุบที่เคยช่วยครอบครัวของเขาไว้ และกลายเป็นหัวหน้าโจรป่าพยนต์ มีลูกน้องหลายคน ล่าสุดคือภาพกับเขาและนายอำเภอธรรคกำลังไปช่วยลูกสาวทั้งสองของกำนันข้าว จนเป็นเหตุให้พลัดกัน
ภาพเหมือนเพิ่งพอจะเข้าใจเรื่องราวเพิ่มขึ้น แต่เขาก็มองหน้าไร้ด้วยความคลางแคลงใจบางส่วน
แต่ปามที่แอบได้ยินกลับตกใจยิ่งกว่า ที่เธอมารู้ความลับเบื้องหลังของภาพ ปามตัดสินใจเดินตรงไปไปหาทั้งคู่
ภาพที่มองข้ามไหล่ของไร้ ท่าแร้ง เห็นปามเดินตรงเข้ามาจึงเอ่ยทัก
“ปาม...ทางนี้”
ไร้จึงเงียบไม่พูดอะไรต่อ หันมาทักทายปาม “สวัสดีครับ”
ปามเอ่ยถามไร้ “พี่จะเรียกสามล้อพี่เขาไปส่งเหรอคะ? ปามจะได้ไปคันอื่น”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้ามาทักนึกว่าเจอคนรู้จักน่ะครับ” ไร้แก้ตัวน้ำขุ่น ๆ
“แล้วใช่คนที่พี่รู้จักไหมคะ?” ปามย้อนถาม มันเป็นคำถามหยั่งเชิง
ไร้อึ้งชั่วครู่ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “เชิญคุณน้องเลยครับ” ไร้ผายมือพร้อมกับหลีกทางให้
ปามก้าวขึ้นมานั่งบนรถสามล้อ และภาพก็เริ่มถีบรถออกไป เขาหันมามองหน้าไร้ครู่หนึ่ง ไม่พูดอะไรก็ตั้งหน้าตั้งตาถีบสามล้อต่อไป
ไร้ยืนส่งรถสามล้อคันนั้นครู่หนึ่ง เขารู้สึกหนักใจกับสถานการณ์แบบนี้เหลือเกิน ไร้รีบวิ่งไปที่รถปิคอัพ สตาร์ทรถและบึ่งออกไปทันที เขารู้ว่าเขาต้องทำอะไรบางอย่าง
ปามที่นั่งอยู่ในรถเอื้อมมือยื่นส่งถุงใส่ชาเย็นให้แก่ภาพ
“พี่ภาพคะ ชาเย็นที่พี่ชอบค่ะ”
ภาพชลอรถ หันกลับมาเขาเห็นรอยยิ้มของปาม และก็รับถุงชาเย็นนั้นมาแขวนที่แฮนด์รถ “ขอบคุณครับ”
ปามนั่งเงียบ ในใจเธอกำลังพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวจากคำถามมากมาย
ถ้าพี่ภาพคือหัวหน้าโจรป่าพยนต์ ทำไมถึงมาถีบสามล้อ ทำไมถึงเป็นคนรับเธอกับแม่ฉัตรทุกครั้งโดยไม่ยอมเปิดเผยตัวเอง
ปามทบทวนเธอเจอพี่สามล้อคนนี้เมื่อไร และเธอพบว่าทุกครั้งที่เธอกับแม่ฉัตรเจอ ภาพจะสวมหมวกปิดหน้า และก้มหน้าตลอด ไม่เพียงเท่านั้นบนใบหน้าของภาพยังไว้หนวดอีกด้วย จนเหมือนไม่ต้องการให้แม่ฉัตรรู้ว่าคือภาพ เทวารักษ์ คนรักเก่าของแม่ฉัตร
แต่มันก็ตอบคำถามที่ปามเคยสงสัย ทำไมพี่สามล้อถึงเก่งกาจเกินกว่าจะเป็นคนถีบสามล้อ เพราะเขาคือหัวหน้าโจรป่าพยนต์นี่เอง เมื่อนึกถึงตอนนี้ปามก็รู้สึกเครียด เพราะทางการตามจับ พวกเถ้าแก่ส่งก็ตั้งรางวัลนำจับไว้สูงมาก ดีที่ว่าไม่เคยมีใครเจอหน้ากับเสือมุบมาก่อนเลย จึงไม่มีใครรู้ว่าเสือมุบหน้าตาเป็นอย่างไร
ภาพเองก็ครุ่นคิดเรื่องที่ชายหนุ่มชื่อ ไร้ ท่าแร้ง เล่าให้ฟัง แต่แล้วเขาก็รู้สึกได้ว่า วันนี้ปามเงียบผิดปกติ ไม่ชวนเขาคุยเหมือนทุกครั้ง
“วันนี้ทำไมปามดูเงียบไปครับ?”
ปามคล้ายรู้สึกตัว “ไม่มีอะไรค่ะพี่ แค่คิดอะไรเพลิน ๆ “ ปามรีบกลบเกลื่อน “แล้วพี่ละคะ ทำไมวันนี้ดูเงียบ ๆ ไป”
“ก็ไม่มีอะไรครับ ผมแค่คิดว่าคนเมื่อครู่มาทักผมว่าพี่มุบครับ แต่...ผมว่าเขาคงจำคนผิดมากกว่าครับ”
“แต่เขาดูสนิทสนมกับพี่ภาพมากนะคะ” ปามย้อนถาม
“นั่นสิครับ ไม่รู้เหมือนกัน” ภาพตอบอย่างจนใจ
รถสามล้อจอดตรงหน้าประตูรั้ว ปามลงจากรถพร้อมกับเอ่ยถามน้ำเสียงกึ่งประชด
“จะแวะเข้ามาไหมคะ เผื่อพี่ภาพจะได้เจอแม่ฉัตร หรือจะทานข้าวเย็นที่บ้านด้วยดีไหมคะ”
2
ภาพดูงุนงงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของปาม เขายิ้มแห้ง ๆ “ไม่ล่ะครับ ผมว่าจะกลับไปที่ตลาด รับผู้โดยสารอีกสักเที่ยวสองเที่ยวกแล้วก็หาซื้อข้าวห่อกลับไปทานที่กระท่อมปลายนาครับ”
ปามเหมือนเพิ่งรู้สึกตัวว่าเธอไม่ควรใส่อารมณ์กับภาพ เธอยิ้ม “ปามซื้อผัดไทมาฝากค่ะพี่ เอาเก็บไว้ทานตอนเย็นนะคะ”
ปามยื่นถุงใส่ห่อผัดไทยให้กับภาพ ก่อนจะวิ่งเข้าบ้าน ในขณะที่ภาพมองตามอย่างงุนงงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปมาของปาม ก่อนจะหันมามองที่ห่อผัดไทยพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างในใจที่ภาพเองก็อธิบายไม่ได้
ปามเดินเข้ามาในบ้าน เห็นแม่ฉัตรอยู่ในครัว กำลังจะเตรียมทำอาหาร เธอเอ่ยทักลูกสาว
“ซื้ออะไรมาบ้างล่ะแม่ครัวใหญ่”
“ก็หลายอย่างค่ะ เดี๋ยวจะทำให้ทานกัน” ปามยิ้มให้แม่ของเธอ
“แล้วนี่ภาพมาส่งรึเปล่า?” แม่ฉัตรถามขึ้น
“ทำไมแม่ถึงคิดว่าต้องเป็นพี่ภาพมาส่งล่ะคะ” ปามเริ่มย้อนถามเสียงแข็ง
“อ้าว...ก็เห็นเกือบจะทุกทีก็เป็นภาพมาส่งนี่ เขาก็มาส่งเราที่บ้านเป็นประจำนี่นา เพียงแต่แม่ไม่เคยรู้ว่าเป็นภาพ”
“ดูเหมือนแม่จะสนิทกับพี่ภาพนะคะ ยิ่งพอรู้ว่าพี่สามล้อเป็นพี่ภาพยิ่งรู้สึกสนิทมากขึ้นอีก” ปามเอ่ยเสียงแข็ง
“อ้าว...ก็แม่กับภาพรู้จักกันมาตั้งแต่หนูยังไม่เกิดนี่” แม่ฉัตรตอบไปตามปกติ
“แล้วพ่อข้าวล่ะคะ” ปามย้อนถาม
“พ่อข้าวก็ส่วนพ่อข้าวสิจ้ะปาม เอ๊ะ...หนูเป็นอะไรรึเปล่า? ดูหงุดหงิดนะ” แม่ฉัตรขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“แต่แม่สนิทกับพี่ภาพแบบนี้ แล้วพ่อข้าวจะรู้สึกอย่างไรคะ” ปามถามเสียงแข็ง
“เอ๊ะ...ปาม...หนูพูดเหมือนไม่ไว้ใจแม่นะ” แม่ฉัตรเริ่มฉุนขึ้นมาบ้าง “แม่บริสุทธิ์ใจนะ ถ้าแม่รักภาพก็คงแต่งกับเขาไปแล้ว ไม่มาแต่งกับพ่อข้าวหรอก ภาพเหมือนเพื่อน เหมือนคนในครอบครัวของแม่ เรารู้จักกันตั้งแต่เด็ก แม่ก็เคยเล่าให้ปามฟังนะ”
ปามเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว เธอเริ่มรู้สึกว่าน้ำตากำลังจะเอ่อล้นออกมา รีบพูดว่า “ขอโทษค่ะแม่ เดี๋ยวหนูไปห้องน้ำก่อนนะคะ”
ปามรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที เธอไม่อยากให้แม่เห็นว่าเธอร้องไห้
ปามเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องฉุนเฉียวทุกครั้งที่แม่เอ่ยถึงพี่ภาพ เธอโกรธแทนพ่อข้าวใช่ไหม เธอกังวลความรู้สึกพ่อข้าว จนลืมไปว่าแม่ฉัตรที่เธอรักจะรู้สึกอย่างไร อะไรที่ทำให้เธอไม่พอใจอย่างมากและแสดงออกแบบนี้กับคนรักเธอ และเสียสละชีวิตเพื่อเธอได้แบบนี้ ปามนึกตำหนิตัวเอง เธอเสียใจอย่างมาก ปามร้องไห้อยู่ตรงหน้ากระจกนั้น
แม่ฉัตรมองตามปามจนหายลับเข้าไปในห้องน้ำ เธอรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับปาม แม่ฉัตรอดหวั่นใจไม่ได้กับท่าทีแบบนี้ของปาม มันเป็นท่าทีแบบที่เธอเคยคุ้น เหมือนตอนที่มายน้องสาวของเธอเคยแสดงออกกับเธอ เมื่อตอนที่เธอใกล้ชิดกับภาพ แม่ฉัตรรู้สึกได้เลยว่า ในความสัมพันธ์เหล่านี้มันซ้อนทับกันจนน่าจะเป็นปัญหาในภายหน้า
กำนันข้าวเดินเข้ามาทันเห็นว่าแม่ลูกเริ่มมีปากเสียงกัน และต้นตอมาจากภาพ เทวารักษ์ เขาเฝ้าดูอยู่จากหน้าประตูก่อนจะถอยกลับมาออกมา และเดินไปที่ท่าน้ำ
กำนันข้าวเองก็หนักใจไม่ต่างกับแม่ฉัตร
เขาเคยสงสัยว่าทำไมภาพถึงต้องปลอมตัวเป็นสามล้อ แล้วภาพปลอมตัวมานานมากแค่ไหน เหตุผลที่ภาพทำแบบนั้นคืออะไร ยิ่งเวลานี้เมื่อภาพความจำเสื่อม เขาไปยืนตรงกลางระหว่างความสัมพันธ์ของแม่กับลูกสาวที่เริ่มมีรอยร้าวเกิดขึ้น
กำนันข้าวเองก็ไม่ชอบที่เวลาฉัตรดูสนิทกับภาพ ลึก ๆ เขาก็ทั้งไม่พอใจและกังวลใจ แม้เขาจะไว้ใจฉัตรก็ตาม ยิ่งมาเห็นอาการของปามที่แสดงกับแม่ของตนเอง กำนันข้าวก็ยิ่งหนักใจ
แต่นั่นก็ไม่ใช่ความหนักใจเดียวที่กำนันข้าวเผชิญ เพราะก่อนจะเดินเข้าบ้าน เขาเห็นรถเบ็นซ์ของพ่อเลี้ยงก้อมจอดไม่ไกลจากบ้าน ทันทีที่พ่อเลี้ยงก้อมเห็นก็รีบลงจากรถตรงมาหากำนันข้าวทันที
“ไอ้ข้าว...ตกลงเอ็งบอกกับปิ๊กรึยัง?”
“ยังเลย...ข้ายังไมสบโอกาสจะเล่าให้ฟัง”
“เอ็งจะรออีกนานแค่ไหนวะ?” พ่อเลี้ยงก้อมดูร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด “หรือเอ็งจะแกล้งข้า จะเอาคืนเรื่องเดิมใช่ไหม?”
กำนันข้าวเริ่มขุนมัวแล้ว “เอ็งนี่ปากหมานะ ถ้าข้าจะแกล้งเอ็งก็คงไม่เล่าให้ฟังหรอก เอ็งลองตรองดูนะ ปิ๊กมันเข้าใจว่าข้าเป็นพ่อมันตั้งแต่เกิด แล้วจู่ ๆ ข้ามาบอกว่า ข้าไม่ใช่พ่อของมัน แต่เป็นพ่อเลี้ยงก้อมจอมอิทธิพล เป็นเอ็ง เอ็งจะรับได้ไหม?”
พ่อเลี้ยงก้อมนิ่งอึ้ง ชื่อเสียงด้านเลวร้ายตนเองก็รู้อยู่แก่ใจ เขาก็นิ่งเงียบจำนนต่อเหตุผล พลางพูดเสียงอ่อย ๆ
“ขอโทษว่ะ ข้าร้อนใจน่ะ อยากอยู่กับลูกสาว เอ็งเข้าใจใช่ไหม ข้าเคยคิดว่ายายหนูตายไปแล้ว จู่ ๆ ก็ปรากฎตัวว่ายังอยู่ ข้าก็ดีใจมาก ๆ สิวะ”
“ข้าเข้าใจ เอ็งต้องให้เวลาหน่อย ถ้าเอ็งรักลูกสาว มันต้องใช้เวลา รอมาตั้งนานยังรอได้ รออีกหน่อยสิวะ”
กำนันข้าวพูดจบก็เดินเข้าบ้าน
กำนันข้าวเองก็มีเรื่องหนักใจ เขาจะพูดอย่างไรกับปิ๊กว่า พ่อเลี้ยงก้อมคือพ่อที่แท้จริงของเธอ แล้วปิ๊กจะรู้สึกอย่างไร
ทุกชีวิตรอบ ๆ ตัวกำนันข้าวเต็มไปด้วยปัญหาที่เริ่มก่อตัวขึ้น รอเวลาที่จะปะทุขึ้นมา
....
ภายในห้องหลังร้านเอก อวดของ
“งั้นก็แย่สิ” หนัง มิติเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หลังจากที่ไร้ ท่าแร้งเล่าเรื่องของภาพ เทวารักษ์ความจำเสื่อม และกลายเป็นแค่คนถีบสามล้อเท่านั้น
“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปดีล่ะพี่หนัง” หมูน้อยถามขึ้น
หนัง มิติมองไปรอบวงที่กำลังยืนรอฟังคำตอบ ไล่จากซ้ายไปขวา ไร้ ท่าแร้ง, เอก อวดของ, รกร และหมูแว่นที่อยู่ขวาสุด ทุกสายตาจับจ้องมาที่หนัง มิติเป็นตาเดียวเพื่อรอคำตอบ
“ถ้าตอนนี้ภาพความจำเสื่อม เราคงต้องปล่อยเขาไปก่อน แต่คงต้องให้เอกกับรกรจับตาดูไว้ด้วยอีกแรงนะ”
เอกกับรกรรับคำ
“แล้วพี่มุบจะเป็นอันตรายไหมครับ?” ไร้ ท่าแร้งถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่น่าเป็นอะไรนะ เราน่าจะเบาใจศัตรูได้บ้าง เพราะไม่มีใครเคยเห็นหน้าค่าตาของเสือมุบมาก่อน แต่ที่น่าห่วงมากกว่าคือ... ตอนนี้ชมกับผีขาดการติดต่อไปเลย ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร”
ระหว่างนั้นเอง บีด บรรเลงก็เดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หนัง มิติเห็นจึงเอ่ยถาม
“ชมกับผีเป็นไงบ้าง?”
บีด บรรเลงยังนิ่งเงียบก้มหน้านิ่งตัวสั่นเทา จนหนัง มิติต้องลุกขึ้นไปเขย่าตัวและถามซ้ำ บีดจึงเงยหน้าขึ้นมาพร้อมทั้งน้ำตา
“พี่หนังครับ...ไอ้ผี...ไอ้ผีตายแล้วครับ!”
ทุกคนพากันอุทานด้วยความตกใจพร้อม ๆ กัน หนังรีบถามซ้ำ
“เฮ้ย...เอ็งแน่ใจนะ...ไอ้ผีมันสักยันต์คงกระพัน และมีอาคมป้องกันนะ เล่าตั้งแต่ต้นซิ”
“เมื่อผมไปถึงที่จุดหมาย ผมพบว่ามีร่องรอยการต่อสู้ บนเนินมีร่างของไอ้ผีมันนอนจมกองเลือด ตัวพรุนไปด้วยกระสุน ด้านล่างก็เห็นคนของเราที่ตามด้วยนอนตายอยู่ทั้งหมด จะขาดก็แค่พี่ชมเท่านั้นครับ...ที่หายไป”
“ชมหายไป?” หนัง มิติหน้าเครียดลงกว่าเดิม
ส่วนคนที่เหลือพากันร้องไห้เสียใจที่รับทราบช่าวร้ายการตายของผี ตะลุมพุก
หมูแว่น มิติ เอ่ยขึ้น “ผมสงสัยว่าครั้งนี้มันจะเป็นแผนล่อเราไปติดกับนะพี่หนัง”
“หมายถึงพี่อ๊อด พากินเหรอ?”
“ไม่น่าใช่นะพี่ ผมว่าฐานะของพี่อ๊อดน่าจะถูกพวกมันจับได้มากกว่า จึงวางแผนล่อเราไปติดกับ ยังโชคดีที่พวกเราไม่ได้ทุ่มกำลังไปทั้งหมดในครั้งนี้ ไม่เช่นนั้นคง...” หมูแว่นเงียบไม่ได้พูดต่อ ในใจทั้งเสียใจและทั้งแค้นใจ
ในที่ประชุมอยู่ในอาการเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเพื่อนร่วม หนึ่งคนตายจากไป อีกหนึ่งคนยังไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร
“เราควรตามพี่แมวป่ากลับมาช่วยพวกเราไหมคะ?” รกรเอ่ยถามขึ้นกลางวง
“อย่าเลยรกร แมวป่ากลับไปดูแลแม่ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ถ้าส่งข่าวบอก น้องจะยิ่งมีกังวลและลำบากใจ เราคงต้องหาทางกันเองนี่ล่ะ” หนัง มิติห้าม “ไร้ เดี๋ยวเอาข่าวนี้ไปแจ้งกับนายอำเภอธรรคนะ เผื่อท่านจะมีคำแนะนำอะไร ระวังตัวด้วยล่ะ”
ไร้รับคำ หนัง มิติจึงหันมาสั่งบีด “บีด พาพี่กับหมูแว่นไปดูทีเกิดเหตุด้วย เราจะปล่อยศพของไอ้ผีไว้แบบนั้นไม่ได้”
บีดพยักหน้า แล้วรีบเดินนำโดยมีหนัง มิติ กับหมูแว่น มิติตามไปด้วยทันที
...
ภายในฐานลับขององค์การ FB
อ๊อด พากินที่ได้รับการทำแผลแล้ว แต่ก็ถูกคุมขังอยู่ในห้องขังผนังทึบทั้งสามด้าน ส่วนชม ตำนานตอนนี้ถูกมัดตัวอยูบนเตียงในห้องทดลอง
สภาพของชม ตำนานเวลานี้เต็มไปด้วยบาดแผล และรอยฟกช้ำทั่วร่างทีเกิดจากการต่อสู้กับเจ.ที.
ชมพบว่าเจ.ที.คือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาก ทักษะการต่อสู้ของเจ.ที.เหนือกว่าชมอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าเขาจะใช้กระบวนท่าใดก็ตาม เจ.ที.ก็สามารถดักทางได้ถูก และสุดท้ายเจ.ที.ก็ระดมกำปั้นเข้าใส่ชมจนเขาลงไปนอนกองกับพื้น สิ่งสุดท้ายที่ชมจำได้คือหมัดอัปเปอร์คัตของเจ.ที.ที่เสียเข้าที่ใต้คางของชมจนทำให้หมดสติ
เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง ชมก็พบว่าตนเองถูกมัดอยู่ในห้องทดลอง แม้จะพยายามดิ้นก็ไม่อาจจะหลุดจากสายรัดข้อมือ-เท้าได้
กานต์ บัญชี เดินเข้ามาพร้อมกับ เจ.ที. ใบหน้าของกานต์เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“รู้สึกตัวแล้วเหรอ ดี...เราจะได้คุยกัน”
“กูไม่มีอะไรจะคุยกับคนขายชาติแบบมึง” ชมตอบด้วยความเคียดแค้น “แน่จริงก็ฆ่ากูเลยซิวะ”
“แหม...จะฆ่าคนไม่เกี่ยวกับแน่จริงหรอกนะครับถ้าคนนั้นยังมีประโยชน์อยู่” กานต์ตอบ
“มึงต้องการอะไรจากกู” ชมย้อนถาม
“ผมอยากรู้รังลับของโจรป่าพยนต์ อยากรู้ว่าแต่ละคนคือใคร เช่นคุณคือใคร?”
“กูไม่บอกมึงหรอก ถึงตายก็ไม่บอก”
กานต์ทำทีจุ๊ ๆ ปาก “ไม่เห็นต้องหงุดหงิดเลย ผมรู้ว่าสุดท้ายคุณก็จะตอบแบบนี้ ผมถึงเตรียมวิธีที่ง่ายสำหรับเราไว้แล้ว”
เจ.ที.เดินไปที่โต๊ะอุปกรณ์แพทย์ บนโต๊ะมีถาดเหล็ก ในถาดเหล็กมีเข็มฉีดยาขนาดเล็กจำนวน 5 เข็ม เจ.ที.ใช้มือหยิบขึ้นมาหนึ่งเข็ม ทดลองดันนิดหนึ่งเพื่อไล่ลม ก่อนจะเดินมายืนข้าง ๆ กานต์ ในขณะที่ชมมองตามตั้งแต่เจ.ที.โดยไม่วางตา
“อีกไม่ช้าคุณก็จะพูดจนได้” กานต์ตอบพร้อมรอยยิ้ม หันมาพยักหน้าเป็นสัญญาณกับเจ.ที.
เจ.ที.เดินไปยืนข้าง ๆ เตียงที่มัดร่างของชม ตำนาน ใช้มือมันหยาบกร้านตีที่ข้อพับที่แขนเพื่อหาเส้นเลือด แล้วก็เตรียมจ่อเข็มลงไป แต่ชมพยายามดิ้นจนแขนขยับไปมา เจ.ที.เริ่มหงุดหงิด เขาไม่ชอบที่ชมขัดขืน เจ.ที.เลยใช้มืออีกข้างที่ว่างตบเข้าที่บ้องหูของชมเต็มแรง จนเจ้าตัวเกิดอาการมึนงง หูอื้อ ทำให้เจ.ที.สามารถแทงเข็มลงที่เส้นเลือด และดันสลิง วัตถุเป็นน้ำสีขาวไหลผ่านหลอดเข็มฉีดยาเข้าไปในเส้นเลือดของชม
เพียงชั่วครู่ชมเริ่มเกิดอาการดิ้นทุรนทุรายไปมาก่อนจะผ่อนลง ๆ ดวงตาของชมเริ่มเคลิ้ม ล่องลอยไปมาเหมือนตกอยู่ในภวังค์
“พอฉีดครบห้าเข็มตามเวลา เราค่อยพามันไปห้องล้างสมอง”
กานต์หันมาสั่งเป็นภาษาอังกฤษกับเจ.ที. ก่อนที่ทั้งสองจะเดินออกไปโดยปล่อยให้ชมตกอยู่ในภวังค์
....
ตึกบริษัทยุคใหม่ตลาดไทย
ใบตอง ชนแดน กับ บี บางรัก ยืนอยู่ที่หน้าตึกเหมือนรอการมาของใครบางคน ทั้งสองสบตากันเป็นพักๆ แม้ไม่ได้พูดแต่ก็เหมือนมีอะไรที่พูดกันในใจอยู่แล้ว
กระทั่งรถตู้คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอด หญิงสาวหน้าตาดีลงมาจากรถ พร้อมดูชายผิวคล้ำในชุดสูททรงผมสกินเฮดเดินตามลงมา
ใบตองรีบตรงเข้าไปทักทายยิ่งสาวคนนั้น
“คุณยุ้ย สบายดีนะคะ ดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง”
“คุณใบตอง ลงมาต้อนรับถึงหน้าตึกเลยเหรอคะ เกรงใจจัง” ยุ้ยตอบ ก่อนจะหันไปแนะนำชายที่ยืนข้าง ๆ
“คุณใบตอง คุณบี นี่คือตัวแทนจากบริษัทของเราค่ะ มิสเตอร์ซาบะ”
ชายหนุ่มผิวคล้ำจนเหมือนไม่ใช่คนญี่ปุ่นก้มศีรษะทักทายตามธรรมเนียมญี่ปุ่น หลังจากเงยหน้าขึ้น
“คอนนิจิวะ ใบตองซัง, บีซัง”
ใบตองกับบีจึงก้มศีรษะทักทายกลับตามแบบญี่ปุ่น ก่อนจะพากันเข้าไปในตัวอาคารที่เสี่ยอู๋รออยู่
....
อาคารสุดขอบฟ้า
เถ้าแก่ส่งนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงาน กำลังง่วนกับการตรวจตัวเลขในบัญชีลับ กระทั่งเลขาหน้าแฉล้มเดินเข้ามารายงาน
“มิสเตอร์จีฮุนมาแล้วค่ะท่าน”
เถ้าแก่ส่งวางปากกา พร้อมกับพยักหน้า สักพักเลขาก็กลับมาพร้อมชายหนุ่มหน้าตาดี ที่เคียงข้างมากับสวยหน้าคม
เถ้าแก่ส่งรีบลุกจากเก้าอี้เดินไปทักทาย พร้อมกับจับมือของชายหนุ่ม พร้อมกับทักทายเป็นภาษาอังกฤษ
“มิสเตอร์จีฮุน หลังจากที่ได้คุยกันทางโทรศัพท์ นี่เป็นครั้งแรกได้พบกัน ยินดีอย่างยิ่งครับ”
“เช่นกันครับ” จีฮุนตอบ พร้อมกับหันมาแนะนำหญิงสาวข้าง ๆ “นี่คือมิสมินนี่ เมย์ครับ เธอเป็นผู้ช่วยของผม”
เถ้าแก่ส่งมองมินนี่ เมย์ไม่วางตา อันที่จริงสายตาของเถ้าแก่ส่งจับจ้องที่มินนี่ เมย์ตั้งแต่เธอเดินเข้ามาแล้ว แทบจะเห็นได้เลยว่า สายตาของเถ้าแก่ส่งไม่ห่างจากเมย์ แม้กระทั่งยามที่จับมือทักทายกับจีฮุน เขาก็อดเหลือบตาไปมองเป็นพัก ๆ ไม่ได้
ทันทีที่ได้รับการแนะนำ เถ้าแก่ส่งรีบผละจากจีฮุน ตรงไปหามินนี่ เมย์ พร้อมกับยื่นมือขวาออกทักทาย
มินนี่ เมย์ยื่นมือขวาเรียวยาวขาวผ่องของเธอออกมา เถ้าแก่ส่งรีบคว้ามาทำทีเป็นจับมือทักทาย แต่ถือโอกาสใช้มือซ้ายที่ว่างมาเกาะกุมหลังมือของเมย์อีกครั้ง จนเมย์รีบชักมือกลับ
“ยินดีอย่างยิ่งครับ รู้สึกเป็นเกียรติที่สาวสวยอย่างมิสมินนี่ เมย์ มาเยือนที่นี่ ทำให้ห้องทำงานผมดูสดใสขึ้นเป็นกองเลย”
เถ้าแก่ส่งหันมาผายมือไปที่โซฟาในห้องทำงาน เชื้อเชิญให้แขกทั้งสองนั่ง พลางถามขึ้น
“จะดื่มอะไรไหมครับ?”
“แล้วแต่สะดวกเลยครับ” จีฮุนตอบอย่างสุภาพ
“แล้วมิสมินนี่ เมย์ล่ะครับ จะดื่มอะไรดี?”
“อะไรก็ได้ค่ะ เมย์ทานได้ทั้งนั้น” เมย์ตอบพร้อมรอยยิ้มที่ชวนให้เถ้าแก่ส่งเคลิ้ม
“ถ้าเช่นนั้น วิสกี้ผสมน้ำแข็งใส่โซดานะครับ จะแรงไปไหมครับ?”
“ไม่แรงเลยค่ะ สุราจีนโบราณแรงกว่านี้ เมย์ยังดื่มมาแล้วเลย” เมย์ตอบ
“ต้องอย่างนี้สิครับ น่านับถือ”
เถ้าแก่ส่งรู้สึกชอบอกชอบใจกับคำตอบของเมย์อย่างออกอาการ พร้อมกับลุกขึ้นเดินไปตรงเคาน์เตอร์บาร์เล็ก ๆ ในห้องทำงาน และเริ่มชงวิสกี้
ในขณะที่จีฮุนหันมาสบตากับเมย์อย่างมีนัยยะ ทุกอย่างเข้าตามแผนที่ผู้กองวีกิจ หลิววางแผนไว้
....
โปรดติดตามตอนต่อไป
....
คุยกันหลังกอง "บางบอกดิก 2"
เดินทางมาถึงตอนที่ 9 แล้วนะครับ สำหรับนิยายมหากาพย์ "บางบอกดิก 2"
ในตอนนี้จะหนักไปทางซีนดรามาเข้มข้น เต็มไปด้วยความขัดแย้ง และตัวละครต่างก็ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากใจกันแทบจะถ้วนหน้า
ผมเลยสร้างบรรยากาศกึ่ง ๆ รักหลายเส้าขึ้น และทุกคนก็ต้องมากระอักกระอ่วนใจกับบรรยากาศแบบนี้ ซึ่งในหลักการเขียนบท การสร้างเหตุการณ์ที่ขัดแย้งทำให้คนดู
เกิดความสนใจและอยากติดตามต่อไป ว่ามันจะจบลงที่ตรงไหน และผมหวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้นกับคนอ่านนะครับ
หลายคนที่ตามอ่านจากภาคแรก คงจะพอจำได้ว่าในซุ้มโจรป่าพยนต์ จะมีตัวละครสาวอีกหนึ่งคนคือ แมวป่า ซึ่งผมอ้างอิงจากน้องชิค ชิค ซึ่งตอนนี้น้องหยุดเขียนไปแล้ว ร่างอวตารของน้องคือ เต้ย จรินทร์พร ผมเลยต้องหาวิธีเอ่ยถึงให้รู้ว่าเธอหายไปไหนด้วยวิธีอย่างที่ได้อ่านผ่านตาไป
ต้องบอกเลยว่าการเขียนนิยายเรื่องนี้ ที่มีตัวละครมากกว่า 60 ตัวละคร มันเขียนยากมาก ที่จะต้องหาทางเฉลี่ยบทในแต่ละตอนให้ทุกคนได้มีซีนขึ้นจอ มากน้อยต่างกันไป
เคยมีคนถามผมว่า ผมจำตัวละครทั้งหมดได้อย่างไร ก็ไม่ยากนะสำหรับผม เพราะผมสร้างตัวละครโดยอ้างอิงจากบุคลิกบางอย่างของนักเขียนแต่ละคน หาร่างอวตารมาใส่ลงไป ก็จำได้ทั้งหมด
แต่ก็อย่างที่ผมบอก มันจะมีบางตัวละครที่ไม่ได้ไปต่อ และในภาคนี้ก็จะมีตัวละครใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามา โดยอ้างอิงจากนักเขียนหน้าใหม่
หลังจากเปิดตัวไปแล้ว เราก็จะได้เห็นมินนี่ เมย์ ซึ่งอ้างอิงจากน้องเมย์ ได้ปรากฎตัวแบบมีบทเสียที ส่วนจีฮุนไม่ได้อ้างอิงนักเขียนคนไหน แต่เซอร์วิสให้แก่น้องนก ไดโนสคูลที่เคยรีเควสท์มาตั้งแต่ภาคแรก ผมเลยคิดว่าให้สาวทอมต้องมาพบรักกับหนุ่มเกาหลีก็คงสนุกดี
1
มาถึงส่วนที่อยากให้คนอ่านร่วมสนุกกันนะครับ
ในตอนท้าย ผมเปิดตัวละครใหม่สองคน แต่ผมไม่ได้ใส่ร่างอวตารลงไป
คนแรกเคยมีบทรับเชิญไปแล้ว เลขายุ้ย ที่อ้างอิงจากเพจน้องยุ้ย Mamonaku ด้วยความที่เธอทำงานกับเจ้านายญี่ปุ่น ผมเลยสร้างตัวละครเจ้านายญี่ปุ่นขึ้นมา และคนนั้นก็คือ ซาบะซัง ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พ่อกวีซาบะ ซาบะ ของเราคนนี้นี่เอง
ผมจึงอยากขอให้ทุกคน แนะนำร่างอวตารของ
เลขายุ้ย
เจ้านาย ซาบะซัง
คิดว่าควรจะเป็นใครดีครับ ผมนึกไม่ออก อาจเพราะสมองล้า เลยอยากขอให้ช่วยหน่อยนะครับ ไม่มีรางวัลให้ แต่ถือว่าช่วยคนเขียนเอาบุญก็แล้วกัน
นึกออกตอบไว้ในคอมเมนท์นะครับ ผมจะได้มีไกด์ไปคัดเลือกอีกทีนึง
แล้วพบกันใหม่ในตอนต่อไปนะครับ
มูฟวี่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา