5 พ.ย. 2020 เวลา 15:13 • หุ้น & เศรษฐกิจ
Redbubble Group (ASX:RBL)
เมื่อพูดถึงบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี (Tech Company) ส่วนใหญ่แล้วจะนึกถึงบริษัทที่จดทะเบียนในอเมริกาหรือจีน ทั้งที่ทำธุรกิจในระดับ global/regional scale และ start-up
อย่างไรก็ดี ยังมีอีกหลายประเทศที่เป็นต้นกำเนิดของ Tech Co ที่มีโมเดลธุรกิจที่น่าสนใจ อย่างเช่นบริษัทนี้ในออสเตรเลีย ที่ผมจะพูดถึงในบทความนี้
บริษัทที่ผมจะพูดถึงคือ Redbubble Group บริษัทสัญชาติออสเตรเลีย เจ้าของ digital marketplace platform ชื่อ Redbubble และ Tee Public ซึ่งคล้าย Etsy ในระดับนึง
Redbubble เป็น pure digital marketplace platform ที่มี user group 3 กลุ่ม ประกอบด้วย Artist และ Fulfilment partner ซึ่งอยู่ฝั่ง supply side และ Consumer ซึ่งอยู่ฝั่ง demand side
Platform นี้ช่วยให้ผลงานการออกแบบลวดลายของ Artist (Content creator) เข้าไปอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ เช่น เสื้อยืด สติ๊กเกอร์ หน้ากากผ้า ของใช้ในบ้าน ฯลฯ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ต้องการสินค้าที่ไม่เหมือนใคร
จุดที่ Redbubble ต่างจาก Etsy คือ ผู้ออกแบบลวดลายไม่ได้เป็นผู้ผลิตสินค้าเอง แต่บริษัทจะมี fulfilment partner (อีกหนึ่ง user group ของ Redbubble ecosystem) ทำหน้าที่ผลิตและจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า การผลิตจะเป็นแบบ on-demand กล่าวคือ จะผลิตก็ต่อเมื่อมีคำสั่งซื้อเท่านั้น
ฐาน users ของบริษัททั้ง 3 กลุ่มเติบโตขึ้นอย่างมากและช่วยกันหนุนให้ platform เกิด network effect ที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทดำเนินกลยุทธ์มาถูกทาง Network effect ถือเป็นความได้เปรียบในการแข่งขันที่สำคัญมากอย่างหนึ่งสำหรับธุรกิจแบบ marketplace
ยิ่งจำนวน artist เพิ่มขึ้น จำนวนลวดลายก็มากขึ้น ก็จะดึงดูดให้มีลูกค้ามากขึ้น และดึงให้มีจำนวน fulfillment partner เพิ่มขึ้น ทำให้สามารถผลิตสินค้าได้หลากหลายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้จัดส่งสินค้าไปถึงลูกค้าได้เร็วขึ้น และมีค่าจัดส่งที่ถูกลง
การสร้าง Marketplace ขึ้นมานั้นยากมาก เพราะในช่วงเริ่มต้นต้อง acquire users ทั้ง 2 ฝั่ง ที่เมื่อขนาดเล็กก็จะไม่ค่อยมีใครสนใจมาเข้า platform แต่เมื่อโตมาถึงระดับนึง คู่แข่งก็จะเข้ามายาก
ในปัจจุบัน (ตามข้อมูล FY2020 สิ้นสุด Jun 2020) บริษัทมี Artist จำนวน 510,000 คน (+51%) มีลูกค้า 6.8 ล้านคน (+30%) และมี fulfilment partner 41 แห่ง (+9 แห่ง) กระจายอยู่ในภูมิภาคหลักๆ ที่เป็นฐานลูกค้าอย่าง อเมริกา UK เยอรมัน ออสเตรเลีย เป็นต้น
รายได้ของ marketplace (หลังหักค่าคอมให้กับ Artist) เพิ่มขึ้น 36% มาอยู่ที่ A$349 million (US มีสัดส่วน 70%) และมี EBITDA เป็นบวกครั้งแรกนับตั้งแต่ IPO ในปี 2016
การเติบโตของ FY2020 ส่วนนึงมาจากอัตราเร่งในไตรมาส 4 ที่เกิดการ lockdown ขึ้น ทำให้คนหันมาซื้อสินค้าออนไลน์ โดยเฉพาะ face mask ที่มียอดขายดีมาก นอกจากนี้จำนวน artist ที่เข้ามาใน platform ก็เพิ่มขึ้นด้วยเพราะต้องการสร้างรายได้เสริม หรือแทนรายได้หลักที่ขาดหายไปในช่วงนี้
แนวโน้มดังกล่าวยังคงเกิดขึ้นในไตรมาส 1 FY2021 (Jul-Sep) รายงาน Trading Update ล่าสุดระบุว่า รายได้ของ Marketplace เพิ่มขึ้นเท่าตัว และมี EBIT สูงถึง A$22 million สะท้อนให้เห็นถึง scale ของ platform ที่ถึงจุดที่สามารถทำกำไรได้แล้ว
อย่างที่กล่าวข้างต้น เมื่อ platform ใหญ่ถึงจุดๆหนึ่ง network effect จะทำงาน และจะยิ่งดึงดูด user ใหม่เข้ามาใน platform มากขึ้น สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น และมีโอกาสที่จะครองส่วนแบ่งตลาดส่วนใหญ่ได้หมด
ในความคิดของผม แม้ว่า Redbubble จะยังมีขนาดเล็ก (เมื่อเทียบกับ Etsy) แต่มีศักยภาพที่จะเติบโตได้ในอนาคต จากเทรนด์การซื้อของออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น network effect ที่แข็งแกร่งขึ้น และ on-demand business model ที่มีประสิทธิภาพ
ผมประเมินมูลค่าของบริษัทได้ประมาณ A$ 1,759 million หรือ A$ 6.54 ต่อหุ้น
โฆษณา