6 พ.ย. 2020 เวลา 04:26 • อสังหาริมทรัพย์
ใครต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในบ้านหลังหลัก ยกมือขึ้น!
1
“บ้านหลังหลัก” หมายถึงบ้านและที่ดินที่เจ้าของมีทะเบียนบ้านอยู่ในแปลงนั้นในวันที่ 1 ม.ค. ปีนั้น (ได้สิทธิ์คนละที่เดียว) ซึ่งจะได้รับยกเว้นฐานภาษี 50 ล้านแรก ทว่ามีหลายท่านที่บ้านหลังหลักยังไม่ถึง 50 ล้าน แต่ดันถูกแยกเก็บภาษี!
3
สิ่งที่เจ้าของบ้านหลังหลักริมถนนอันอาจประกอบด้วยโฉนดที่ดินหลายแปลง(หรือแปลงเดียวก็ตาม)หวั่นวิตกคือ ต้องรวมให้เป็นโฉนดแปลงเดียวกันไหม? ต้องปิดหน้าร้านหลบประเมินภาษีการค้า / โรงเรือนไหม? ก็พากันไปปรึกษาที่อบต.!
# แล้วหากเจอเจ้าหน้าที่อบต.บ่ายเบี่ยงคำตอบ โดยบอกว่าให้รอใบแจ้งประเมิน ให้คาดหวังไว้ก่อนว่าจะโดนตีกินคำแรก
# เจ้าของที่ดินที่ขอปลอดภัยไว้ก่อนก็จึงแห่กันไปขอรังวัดรวมโฉนดที่สำนักงานที่ดินกันอย่างแออัด โดยเจ้าหน้าที่ที่ดินก็ไม่ปฏิเสธ ไม่แนะนำด้วยว่าก็เป็นการช่วยทำยอดรายได้
# ครั้นต่อมาก็เจอใบแจ้งประเมินจากอบต.ว่า จัดให้แปลงใดแปลงหนึ่งของบ้านนั้นเป็นบ้านท่านได้รับยกเว้นฐานภาษี 50 ล้านบาทแรก ส่วนแปลงอื่นๆ ต้องจ่ายภาษีตามฐานราคาประเมินฯ
1
# พอแย้งว่ามันควรนับรวมแปลงกันเพราะตัวบ้านสร้างคร่อมบนที่ดินหลายแปลงต่อเนื่องกัน เจ้าพนักงานก็ขอเข้าตรวจพื้นที่ เสร็จแล้วแจ้งว่าให้ชั้นล่างจัดเป็นที่ค้าขาย ชั้นบนจัดเข้าเกณฑ์ที่อยู่อาศัยได้ ส่วนชั้นล่างต้องแยกออกมาเสียภาษีต่างหาก ไม่ใช่ส่วนที่จะได้รับยกเว้นแม้จะเป็นบ้านหลังหลัก
2
# หากยังมีการโต้แย้งก็นัดประชุมอบรมเป็นเรื่องราวใหญ่โต ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ไม่อยากต่อความยาว ยอมๆ กันไป
1
# แท้จริงแล้วพรบ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมาตรา 42 กำหนดว่า..กรณีที่ดินหลายแปลงซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกันและเป็นเจ้าของเดียวกัน ให้คำนวณมูลค่าที่ดินทั้งหมดรวมกันเป็นฐานภาษี (คือไม่ต้องไปดิ้นรนรวมโฉนดให้ตรงกับบ้านเลขที่บ้านหลังหลักให้วุ่นวาย!)
# ส่วนการจัดเก็บภาษี ทางอบต.มักอ้างใช้มาตรา 38 ว่า ให้อบต.จัดเก็บได้ตามสัดส่วนของการใช้ประโยชน์ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ เป็นอันว่าจะยังมีอำนาจเรียกเก็บภาษีในพื้นที่ตึกแถวริมถนนชั้นล่างได้ต่างหาก โดยอ้างว่าจัดว่าเป็นพื้นที่ประกอบการค้า โดยเลือกใช้มาตรานี้เป็นแนวปฏิบัติ ไม่รับฟังว่า ยังมีมาตรา 41 ที่คุ้มครองในกรณีบ้านหลังหลัก ให้ได้รับยกเว้นมูลค่าของฐานภาษีในการคำนวณภาษีไม่เกิน 50 ล้านบาท
1
# ชาวบ้านฟังแล้วคงต้องจำยอมโดยหารู้ไม่ว่าโดนตีกิน ทว่าแท้จริงแล้วไม่มีข้อความใดในมาตราไหนที่ระบุว่าให้แยกพื้นที่บ้านหลังหลักออกไป ไม่ให้นับเป็นที่อยู่อาศัยได้ เพราะนี้คือพรบ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ฐานภาษีคือรวมราคาตามมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามที่ราชพัสดุประเมินราคากลางไว้ ไม่ใช่ภาษีโรงเรือนที่ยกเลิกไปแล้ว ไม่ใช่ภาษีการค้าว่าทำธุรกิจหรือไม่ จึงไม่มีการแยกประเภทว่าหากเป็นพื้นที่ธุรกิจแล้ว จะต้องเสียภาษีที่ดินสิ่งก่อสร้างไว้ก่อนต่างหาก
# อีกทั้งการแยกประเภทบ้านหลังหลักว่า หากเป็นบ้านหรูได้รับการนับเป็นที่อยู่อาศัยทุกชั้น ครั้นพอเป็นตึกแถวริมถนนราคาถูกกลับต้องมีภาระภาษีในพื้นที่ชั้นล่างไม่ว่าจะเปิดหน้าร้านหรือไม่ก็ตาม ย่อมเป็นการสร้างความสับสนอลหม่าน แบ่งแยกชนชั้นด้วยบ้านหรู รังแต่จะถูกสังคมตีตกพรบ.นี้ไปทั้งที่มีประโยชน์มากหลาย
1
# จึงหากใครเจออบต.ใดกระทำการเยี่ยงนี้บอกได้เลยว่า “ตีกิน” ยิ่งจัดประชุมอบรมลูกบ้านหวังยัดความรู้ผิดๆให้ยิ่งบ่งว่าวิทยากรกับเจ้าสำนักรู้เห็นเป็นใจครอบงำเพื่อกิจโกงชาวบ้าน
# สรุปว่าท่านใดมีบ้านหลังหลักเป็นตึกแถวริมถนนแล้วถูกเรียกเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั้งที่ฐานภาษีไม่ถึง 50 ล้าน ให้สงสัยว่าโดน “ตีกิน” ด้วยเขาคิดว่าท่านนั้น “อบต.”
3
# แม้เรื่องจริงอาจไม่ใช่เกิดที่อบต.จนทำให้คำว่า อบต สื่อความดูหมิ่นถิ่นแคลนว่าล้าหลัง แต่เทศบาล อบจ. สส. ฯลฯ ก็อาจมีอบต. ผสมอยู่ดูสีเทา!!
โฆษณา