Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Puncharas Trirojpattana
•
ติดตาม
8 พ.ย. 2020 เวลา 09:26 • หนังสือ
เคล็ดลับที่ 10 ฝึกใช้ตะเกียงวิเศษของอะลาดินให้ชำนาญ (คิดแบบยิวทำแบบญี่ปุ่น) EP.18
อะลาดินกับตะเกียงวิเศษ
ข้อคิดดีดีของหนังสือ คิดแบบยิวทำแบบญี่ปุ่น (สร้างความมั่งคั่งและความสุขให้กับชีวิต ด้วยวิธีคิดที่ส่งต่อกันมาในหมู่เศรษฐีขาวยิว โดย ฮอนดุ เคน เขียน
เคล็ดลับที่ 10 ฝึกใช้ตะเกียงวิเศษของอะลาดินให้ชำนาญ
จดบันทึกเรื่องที่ทำสำเร็จ และเรื่องที่ทำไม่สำเร็จเอาไว้
ตั้งเป้าหมาย
สาเหตุที่ทำตามเป้าหมายไม่สำเร็จ
“กฎ 5 ข้อที่ช่วยให้ทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ” ของคุณเกลเลอร์
ฝึกใช้ตะเกียงวิเศษของอะลาดินให้ชำนาญ
“ในช่วงชีวิตที่ผ่านมา เธอหวังอะไรไว้แล้วได้ตามนั้นทุกอย่างหรือเปล่า”
“มีหลายเรื่องที่ผมหวังไว้แล้วกลายเป็นจริง แต่บางเรื่องก็ยังไม่สมหวังครับ”
“แปลว่าเธอยังไม่รู้วิธีทำฝันให้เป็นจริงสินะ”
“น่าจะใช่ครับ แต่มีวิธีที่คนเราจะสมหวังหมดทุกเรื่องด้วยเหรอครับ”
“แน่นอนอยู่แล้ว คนที่ประสบความสำเร็จทุกคนรู้วิธีใช้ตะเกียงวิเศษของอะลาดิน”
“เอ๋…งั้นช่วยสอนผมด้วยซิครับ”
จดบันทึกเรื่องที่ที่ทำสำเร็จและเรื่องที่ทำไม่สำเร็จเอาไว้
“เอาละ ฉันอยากให้เธอเขียนรายการเรื่องที่ทำสำเร็จตามที่หวังไว้ออกมา จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ได้ จากนั้นก็ให้เขียนเรื่องที่ทำไม่สำเร็จลงไปด้วย แล้วลองพิจารณาสิ่งที่เขียนออกมา มันน่าจะช่วยให้เธอเห็นอะไรบางอย่างนะ”
“อะไรเหรอครับ”
“เวลาไล่ดูรายการเรื่องที่ทำสำเร็จ เธอจะพบว่าเรื่องที่หวังไว้กลายเป็นจริงแล้ว ฉันอยากให้เธอจดจำความรู้สึกดีเหล่านั้นไว้ ต่อมาเมื่อไล่ดูรายการเรื่องที่ทำไม่สำเร็จ เธออาจรู้สึกผิดหวังหรือเสียใจ แต่ฉันอยากให้เธอคิดว่า ถึงจะยังไม่สมหวังแต่มันก็ไม่ได้ลดทอนความสุขที่เธอมีอยู่ในตอนนี้เลย ฉันอยากให้มองว่าเรื่องที่ไม่สมหวังในตอนนั้นกลับเป็นประโยชน์กับตัวเธอเองด้วยซ้ำ”
“ก็น่าจะจริงนะครับ ผมอาจชอบพูดว่าอยากให้สิ่งที่หวังไว้เป็นจริง แต่คิดอีกที การที่เราไม่สมหวังกลับทำให้ได้เรียนรู้อะไรมากกว่า”
“ดีมาก ถ้ารู้จักคิดแบบนั้นได้ เธอก็คงเข้าใจได้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเธอจะเกิดขึ้นจริง ส่วนสิ่งที่ไม่ใช่จะถูกพักเอาไว้ก่อน เพราะฉะนั้นต่อให้สิ่งที่หวังไว้จะไม่เป็นจริงสักที แต่สิ่งที่เป็นและมีอยู่ตอนนี้ก็คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเธอแล้ว”
“เอ่อ…ผมไม่เคยคิดแบบนั้นมาก่อนเลย มันหมายความว่าที่ผ่านมาผมได้สร้างสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองแล้วอย่างนั้นเหรอครับ”
“ถูกต้อง คนทั่วไปพอไม่สมหวังทันทีทันใดก็มักถอดใจ พวกเขาจะเอาแต่พร่ำบ่นและไม่ยอมลงมือทำ ในขณะที่คนที่ประสบความสำเร็จจะคิดว่าสิ่งที่พวกเขามีอยู่ตอนนี้คือสิ่งที่ดีที่สุด และถ้าพยายามให้มากขึ้นก็จะยิ่งดีขึ้นกว่าเดิม พวกเขาเลยมีความมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ความกล้าที่จะฝันหรือหวังต่อไปเรื่อยๆ แม้มันจะยังไม่เป็นจริงนี่แหละคือตะเกียงวิเศษของอะลาดิน”
“ผมตื่นเต้นไปหมดเลยครับ เราทุกคนมีตะเกียงวิเศษของอะลาดินในตัวอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ยอมเอาออกมาใช้เพราะใช้กันไม่เป็น!”
“ใช่แล้ว คนทั่วไปไม่แม้แต่จะคิดด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการคืออะไร และแน่นอนว่าไม่ยอมลงมือทำด้วย ทั้งที่แค่หัดถูตะเกียงให้ถูกวิธีความฝันก็เป็นจริงได้แท้ๆ”
ตั้งเป้าหมาย
“การตั้งเป้าหมายเป็นเรื่องที่สำคัญมาก คนส่วนใหญ่ไม่ได้กำหนดทิศทางชีวิตของตัวเองให้ชัดเจน เลยใช้ชีวิตเหมือนแมงกะพรุนที่ลอยไปตามกระแสน้ำโดยไร้จุดหมายและเพลิดเพลินไปกับสิ่งยั่วยวนที่อยู่ตรงหน้า ถ้าเธอพอใจกับชีวิตแบบนั้นก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าอยากค้นพบเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต และอยากมีชีวิตแสนวิเศษที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นเธอก็จำเป็นต้องตั้งเป้าหมาย
“เวลาพูดถึงเป้าหมาย คนส่วนใหญ่จะคิดว่ามันดูเคร่งเครียดจริงจังเกินไป แต่ถ้าไม่กำหนดทิศทางเอาไว้ก่อนก็มีโอกาสสูงมากที่เธอจะเดินออกนอกเส้นทางหรือเดินอ้อมไปไกลโข ถ้าไม่ทำความเข้าใจตัวเองให้ชัดเจนเสียก่อนว่าสิ่งที่ต้องการอย่างแท้จริงคืออะไร เธอก็จะหลงทางและหาทางออกให้ชีวิตไม่ได้สักที แต่ถ้าเธอรู้สึกอึดอัดกับคำว่าเป้าหมายละก็ ฉันแนะนำให้ลองเปลี่ยนไปใช้คำว่าภาพที่วาดไว้ในหัวหรือทิศทางแทนดู
“เอาละ ในอีก 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า เธอจะกำลังใช้ชีวิตแบบไหน”
“อืม ไม่รู้เลยครับ ขนาดเรื่องของปีหน้าผมยังไม่รู้เลย”
“งั้นถ้าเอาแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก เธอพอจะนึกภาพออกไหมว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าตัวเองจะเป็นยังไง”
“คงทำงานในบริษัทสักแห่ง แล้วตั้งอกตั้งใจทำงานทุกวันมั้งครับ”
“ถ้าเธออยากใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปก็ไม่จำเป็นต้องมีเป้าหมายหรอก แต่ถ้าอยากมีชีวิตที่แตกต่างออกไป เธอต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
“การตั้งเป้าหมายก็เหมือนกับการสั่งอาหารนั่นแหละ ถ้าเธอไม่บอกว่าอยากได้อะไร พนักงานเสิร์ฟก็จะทำงานไม่ได้ เธอจำเป็นต้องบอกให้ชัดเจนว่าอยากได้อะไร โดยกำหนดให้ชัดเจนไปทีละอย่าง เช่น อยากทำงานอะไร หรืออยากใช้ชีวิตแบบไหน หลังจากตั้งเป้าหมายแล้วนั่นแหละเธอถึงจะรู้ว่าต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้ได้ชีวิตในแบบที่ต้องการ
“เมื่อเลือกได้แล้วว่าต้องการใช้ชีวิตแบบไหน ให้เธอเขียนรายการสิ่งที่ต้องทำแล้วลงมือทำตามที่เขียนไว้ จากนั้นทุกอย่างที่ฝันไว้ก็จะค่อยๆกลายเป็นจริง ไม่มีอะไรซับซ้อนเลยใช่ไหมล่ะ
“ที่จริงฉันว่าโรงเรียนทุกแห่งควรสอนวิธีตั้งเป้าหมายชีวิตให้กับเด็กๆ เธอคิดว่าทำไมคนทั่วไปถึงไม่ยอมตั้งเป้าหมายกันทั้งที่มันเป็นเรื่องสำคัญมากแท้ๆล่ะ”
“นั่นสิครับ เพราะมันยุ่งยากหรือเปล่า ที่จริงผมเองก็ตั้งเป้าหมายตอนปีใหม่เหมือนกันนะครับ”
“เธอตั้งเป้าหมายไว้ยังไงบ้าง”
“ผมตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะตื่นตอนหกโมงเช้าทุกวันมาอ่านหนังสือ หรือไม่ก็ไปซ้อมวิ่งมาราธอนครับ”
“แล้วทำสำเร็จไหม”
“ไม่ครับ น่าอายมาก ผมทำต่อเนื่องได้แค่ไม่กี่วันเอง อย่างเก่งก็ทำได้สักหนึ่งสัปดาห์”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เรื่องปกติน่ะ แล้วจากนั้นเธอคิดยังไงกับการตั้งเป้าหมายล่ะ”
“คิดว่าไม่เอาแล้วครับ”
“แล้วรู้สึกยังไงกับตัวเอง”
“ตอนนั้นรู้สึกสมเพชตัวเองจนซึมไปเลยครับ”
“มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นอยู่หรอก แต่จริงๆแล้วไม่มีใครคิดจะตำหนิหรือมองว่าเธอไม่ได้เรื่องหรอกนะ แปลว่านับแต่นั้นเธอก็เลิกตั้งเป้าหมายไปเลยงั้นสิ”
“พอฟังที่คุณพูด ผมคิดว่าตัวเองต้องหัดตั้งเป้าหมายแล้วล่ะครับ”
“การมีความตั้งใจน่ะเป็นเรื่องดี แต่ถ้าเธอยังเป็นแบบตอนนี้อยู่ ถึงจะตั้งเป้าหมายใหม่อีกสักกี่ครั้ง เธอก็จะล้มเหลวแล้วจิตตกอีกตามเคยนั่นแหละ”
“คุณพูดซะผมเสียความมั่นใจเลย แล้วผมควรทำยังไงดีล่ะครับ”
“ก่อนอื่นเธอต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าทำไมตัวเองถึงทำตามเป้าหมายไม่สำเร็จ จากนั้นค่อยเรียนรู้วิธีตั้งเป้าหมาย”
“ครับ ช่วยสอนผมด้วยนะครับ”
สาเหตุที่ทำตามเป้าหมายไม่สำเร็จ
นำสิ่งที่คิดว่าควรทำมาตั้งเป็นเป้าหมาย
“เวลาตั้งเป้าหมาย ความผิดพลาดร้ายแรงที่มักเกิดขึ้นบ่อยๆก็คือ คนส่วนใหญ่ชอบนำสิ่งที่คิดว่าควรทำมาตั้งเป็นเป้าหมาย แต่มนุษย์เราไม่ได้มีจิตใจที่หนักแน่นขนาดนั้น ดูอย่างพวกผู้หญิงที่ชอบตั้งเป้าหมายว่าจะลดน้ำหนักลง 5 กิโลกรัมสิ มีสักกี่คนที่หักห้ามใจไม่ให้กินขนมที่วางอยู่ตรงหน้าได้ ที่สำคัญ พอย้ำกับตัวเองบ่อยๆว่าจะไม่กิน ถึงจุดหนึ่งก็จะตบะแตกแล้วกินมากกว่าเดิมเสียอีก”
“อย่างนี้นี่เอง ผมเห็นด้วยกับคุณครับ”
ไม่มีแรงจูงใจที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย
“เธอต้องนึกภาพให้ออกว่าชีวิตจะมีความสุขขนาดไหนถ้าไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จ หากคิดไม่ออกก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะลงทุนลงแรงทำ เพราะต่อให้กัดฟันทำไป ไม่นานเธอก็จะหมดไฟแล้วล้มเลิกไปในที่สุด เหมือนรถที่วิ่งไปโดยไม่มีเชื้อเพลิงนั่นแหละ ถ้าไม่มีเชื้อเพลิงหรือแรงจูงใจ เธอก็วิ่งต่อไปไม่ไหวหรอก”
ไม่ทำตามขั้นตอนที่เหมาะสม
“อยู่ดีๆถ้าเธอเกิดฮึดจะวิ่งฟูลมาราธอน (การวิ่งมาราธอนประเภทระยะทางรวม 42.195 กิโลเมตร) ขึ้นมาโดยไม่เคยฝึกวิ่งมาก่อนเลยนั้น มันก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะสามารถวิ่งไปจนถึงเส้นชัย เพราะการวิ่งระยะไกลแบบนี้ต้องมีการสร้างเสริมพละกำลังด้วยการฝึกวิ่งสะสมจาก 1 กิโลเมตรแรก แล้วค่อยๆเพิ่มเป็น 5 กิโลเมตร 10 กิโลเมตรจนสุดท้ายจึงฝึกวิ่งให้เท่ากับระยะทางรวมของฟูลมาราธอน การทำแบบนี้จะช่วยให้เธอสามารถควบคุมพละกำลังในการวิ่งจนไปถึงเส้นชัยได้ในที่สุด คนส่วนมากจะรีบวิ่งในช่วงแรกเพราะอยากไปให้ถึงจุดหมายเร็วๆ แต่การวิ่งแบบนี้ทำให้เหนื่อยเร็ว สุดท้ายก็จะหมดแรงและหมดกำลังใจในการวิ่งต่อไปให้ถึงจุดหมาย แล้วจากนั้นก็เลิกวิ่งไปเลยตลอดกาล”
“แหม เหมือนจงใจพูดแทงใจดำผมเลยนะครับ”
ไม่กำหนดเวลาในการลงมือทำ
“ถ้าไม่กำหนดเวลาให้ชัดเจน ก็ยากที่จะเริ่มต้น หนำซ้ำยังมีโอกาสสูงมากที่จะไม่ลงมือทำ เพราะฉะนั้นเธอต้องกำหนดเวลาให้สิ่งที่ตัวเองอยากทำ ไม่เช่นนั้นชั่วชีวิตนี้เธอจะไม่มีวันได้ลงมือทำมันอย่างแน่นอน”
“กฎ 5 ข้อที่ช่วยให้ทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ” ของคุณเกลเลอร์
1. ตั้งเป้าหมายที่เร้าใจ
“คนส่วนใหญ่มักตั้งเป้าหมายที่น่าเบื่อ พวกเขาชอบนำสิ่งที่คิดว่าควรทำมาตั้งเป็นเป้าหมาย ซึ่งนอกจากจะไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นแล้วยังทำสำเร็จได้ยากอีกด้วย พอทำไม่ได้ตามเป้าหลายครั้งเข้า พวกเขาก็จะถอดใจและล้มเลิกที่จะทำตามเป้าหมายไปในที่สุด
“เธอต้องตั้งเป้าหมายที่สามารถทำให้หัวใจเต้นโครมครามด้วยความรู้สึกว่าถ้าทำได้คงวิเศษมาก ฉันแนะนำให้เธอเขียนสิ่งที่คิดว่าถึงตายก็ต้องทำให้ได้ลงในกระดาษดู”
2. ลงรายละเอียดของเป้าหมาย แล้วระบุขั้นตอนในการลงมือทำให้ชัดเจน
“คนส่วนมากมักตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เกินไป ถ้าเธอไม่มีพื้นฐานมาก่อนเลย จู่ๆให้กระโดดทีเดียวสูง 10 เมตร เธอย่อมไม่มีทางทำได้ แต่ถ้าเริ่มจากการสร้างบันไดสัก 30 ขั้นก่อนแล้วกระโดดจากบันไดขั้นบนสุด เป้าหมาย 10 เมตรนั้นก็จะไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงอีกต่อไป”
3. กำหนดรางวัลสำหรับตอนที่ทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ และบทลงโทษสำหรับตอนที่ล้มเหลว
“โดยธรรมชาติแล้วมนุษย์เราอยากมีความสุขและพยายามหลีกเลี่ยงความเจ็บปวด เธอควรเขียนถึงความสุขที่จะได้รับหากทำตามเป้าหมายได้สำเร็จออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วเขียนด้วยว่าถ้าไปไม่ถึงเป้าหมายนั้นจะเจอกับเรื่องเลวร้ายอะไรบ้าง การกำหนดรางวัลและบทลงโทษให้ตัวเองแบบนี้จะช่วยให้เธอลงมือทำได้ง่ายขึ้น”
4. จินตนาการภาพตอนที่ทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ
“เธอต้องหมั่นจินตนาการภาพตอนที่ตัวเองทำตามเป้าหมายได้สำเร็จอยู่ตลอดเวลา ลองนึกดูว่าเธอกับคนรอบข้างจะดีใจมากขนาดไหน การคิดถึงความสุขที่ได้รับจะช่วยเร่งให้เธอบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น”
5. ลงมือทำ
“ลงมือทำไปทีละขั้นตอนจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย เคล็ดลับคือต้องลงมือทำด้วยความกระตือรือร้น และใช้แรงฮึดให้เต็มที่เหมือนเวลาวิ่งสวนทางขึ้นบันไดเลื่อนที่กำลังเลื่อนลง”
บันทึก
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย