10 พ.ย. 2020 เวลา 01:57 • ท่องเที่ยว
7 พ.ย. 63
🏄‍♀️ อะ-รัน-สะ-หวุด อรุณสวัสดิ์
ในเช้าวันที่ต้องดีดเด้งจากที่นอนเช้ามากๆ
เพื่อนบอกว่าวันนี้ ล้อจะหมุน 7 โมงเช้า เพราะเราจะไปทานอาหารเช้าระหว่างทางไปอ่าวนาง เพื่อลงเรือไปเกาะพีพี
ฉันตื่นโดยไม่ต้องมีนาฬิกาปลุก เหมือนเด็กซนๆ ที่จะได้ไปเที่ยวในที่ๆ เราอยากจะไป อย่างไม่อิดออด
รถตู้มารับออกจากที่พักไปไม่นานเท่าไหร่ เราก็มาถึงร้านโรตี...ตี...ตี...ตี
อาหารเช้า เป็นร้านเล็กๆ แบบชาวบ้านแต่ความอร่อยรับรอง ไม่เป็นรองใคร
ร้านโรตีแบบบ้านๆ ติดถนน บนเส้นทางจากอ่าวท่าเลน ไปอ่าวนาง เพื่อนบอกมาที่นี่ ต้องกินโรตี
ออเดอร์เลยจ้า โลคอล เบรคฟรัส โรตีแกงไก่ 1 ไข่ดาว 1 และชาเย็น 1
และเลือกอย่างอื่นเสริม แบบแจมๆกันไป ทั้งข้าวยำ ขนมจีน ขนมครก ฯ
บนความธรรมดา กับอาหารแบบธรรมดาๆ แต่ๆๆ...วิธีการทำของร้านนี้ไม่ธรรมดานะคร๊า เพราะเค้าทอดไข่ดาวบนใบตอง โดยไม่ใช้น้ำมันจ้า และสามารถทอดแผ่นโรตี ให้มีความกรอบ แต่แฝงความนุ่มได้ กินกับแกงไก่ ที่หอมกลิ่นเครื่องเทศ คล้ายๆมัสมั่น แต่ไม่ฉายยยย มันช่างเข้ากั๊น...เข้ากัน อร่อยชนิดติดดาว มิชลินไม่ต้องมาชิม เพราะฉันชิมแล้ว ให้ยกนิ้วให้ทันที ตั้งแต่กินคำแรก อร่อยมากๆ พูดจริงจังค่ะ หลังจากนั้น...เราก็มุ่งหน้าสู่ท่าเรืออ่าวนาง
หน้ากากอนามัย คือสิ่งสำคัญในการผ่านจุดคัดกรอง ใครไม่มีคือไม่สามารถผ่านได้ เหมือนการตีตั๋วเข้าไปดูโชว์อะไรสักอย่าง มีการวัดอุณหภูมิ และสแตมป์ตรายางที่ข้อมือด้วย ว่าผ่านการคัดกรองแล้วจ้า
ทริปพีพีในวันนี้ เราใช้บริการเรือเร็ว สปีดโบ้ทแบบเหมาลำ เพื่อความเป็นส่วนตัว ไม่ต้องไปปะปนกันใคร อยากแวะไหน...แวะ อยากเล่นน้ำนานแค่ไหน...เล่นไป จัดไป เพราะเรือของเรา กรุ๊ปก็มีแค่เราเท่านั้น
สปีดโบ้ทของเรา วิ่งออกจากท่ามาสักพัก ก็มาจอดตรง " เกาะทะลุ " ที่มีประกาศปิดเมื่อเร็วๆนี้ เนื่องจากภูเขามีการถล่ม ทรุดตัวลงมา เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน น้องคนขับเรือ เล่าว่า ก่อนหน้านั้นฝนตกหนัก ติดต่อกันหลายวัน และวันที่ เขาถล่ม คนแถวนั้น ได้ยินเสียงตูม...ม แบบดังมากๆ จะไม่ดังได้ยังไงล่ะเน๊อะ เขาทั้งลูกแตกครึ่ง แล้วอีกครึ่งก็หักลงน้ำ
น่ากลัวเน๊อะ โลกเราทุกวันนี้...อะไรๆก็เกิดขึ้นได้
จากนั้น เรือเราก็เร่งเครื่องบึ่งเรือ จนมาถึงเกาะไผ่
" เกาะไผ่ Bamboo Island "
บร๊ะเจ้า!!! ทรายขาวละเอียด นวลเนียน นุ่มเท้าดีจริงๆ ฟ้าสวย แดดดี น้ำใสกิ๊ก ราวกระจก ฉันเลือกเดินแบบไม่ใส่รองเท้า เพื่อเท้าจะได้สัมผัสทรายละเอียดๆ ร้อนๆ เหมือนให้ธรรมชาติบำบัดร่างกายฉัน
ค่าธรรมเนียม ของอุทยานฯ คนละ 40 บาท สำหรับคนไทย
จากนั้นก็เดินทอดน่องเรื่อยเปื่อย แอบชมทะเลไทยอย่างเคย ยิ่งในช่วงปิดประเทศ นักท่องเที่ยวน้อย เราได้เที่ยวกันอย่างชิว เหมือนเจ้าของประเทศจริงๆ
จำได้ว่ามาครั้งก่อน ฉันเคยมาสน็อกกลิ้งที่นี่ ที่ๆ เป็นแหล่งรวมปะการัง ค่อนข้างจะสมบูรณ์ และที่สำคัญ ฉันได้เล่นจ๊ะเอ๋กับปลาไหลมอร์เล่ย์ เต้นระบำแข่งกับปลานีโม่ เสียดายที่คราวนี้ไม่ได้แวะ เพราอยู่อีกฟากนึง
จากเกาะไผ่ เรามุ่งหน้าสู่เกาะพีพีเลย์
จุดแรกที่แวะคือ ถ้ำไวกิ้ง จำได้ว่า ตอนเด็กพ่อกับแม่ เคยพามาเที่ยว และได้ขึ้นไปดูในถ้ำ ในถ้ำมีมีรูปเขียนเรือใบ และมีคนเก็บรังนกจริงๆ มีบันไดไม้ไผ่ที่ยาวมากๆ พาดติดกับผนัง และคนก็ปีนขึ้นไปเก็บ และในถ้ำก็เหม็นขี้นกมาก ๆ 🤣🤣🤣
แต่ตอนนี้บริษัทเอกชนสัมปทานทำรังนกไปแล้ว ก็เลยปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปบนถ้ำ พวกเราก็ได้แต่นั่งเรือลอยลำ ถ่ายรูปกันอยู่ด้านหน้า
จากนั้นเราก็หันหัวเรือบึ่งไปยัง อ่าวปิเละ ที่ๆ น้ำทะเลสีฟ้าเข้ม ใสวิ๊ง ชนิดเห็นปลาเป็นฝูงว่ายไป ว่ายมาเต็มไปหมด ตรงนี้แหละ พวกเราจอดเรือลอยลำ ค่อยๆเดินลงบันได หย่อนตัวลงน้ำคนจ๋อม...ม สองจ๋อม...ม แล้วก็ว่ายไปกันคนละทิศละทาง ใครเห็นอะไรดีๆ ก็ทำมือเรียกๆกันมาดู น้ำใสอย่างกับตู้ปลา
ฉันแอบว่ายตามปลานกแก้ว 4-5 ตัว แล้วก็เจอปลาโนรี กำลังกัดแทะปะการังจาน สักพักเห็นปลาอะไรไม่รู้ หางยาวๆ สีขาวสลับดำ ก็เลยรีบรี่ตามไปดู เพื่อให้เห็นชัดๆ พอสายตาจับไปที่ปลาตัวที่ว่า ฉันต้องรีบถอยออกห่างอย่างเร็ว และนิ่งที่สุด เพราะมันคืองูทะเล อึ๋ย!!! ต้องหนีไปดูจุดอื่นที่ห่างจากตรงนี้หน่อย แอบสำรวจว่ามีเพื่อนเราอยู่แถวนี้มั้ย ไม่มีก็โอเค แต่ก็ยังไม่บอกเพื่อนๆ เกรงว่าเพื่อนๆจะกลัว แล้วไม่ดำน้ำต่อ
พวกเราสน็อกกลิ้งดูปลา และปะการังกันอย่างเพลิดเพลิน วันนี้ ได้เห็น ปลานีโมทั้ง 3 สายพันธุ์ ปลาผีเสื้อ ปลาโนรี ปลากระบอก ปลาสลิดทะเล อีกเยอะแยะมากมาย ที่ไม่รู้จักชื่อ ส่วนปะการัง ตรงนี้ ยังไม่มีปะการังสีให้ได้เห็น เขากวางมีน้อย มีปะการะรังดอกไม้ ปะการังสมอง ปะการังจาน ดอกไม้ทะเล และหอยมือเสือ เพลินมากๆ
จากนั้นก็ไปต่อที่อ่าวลิง ที่มีเพื่อนฉันอยู่เพียบ เป็นเจ้าของอ่าว ไม่มีใครกล้าบุกรุก เพราะอ่าวลิงจะมีลิงเยอะแยะมาก เรือไม่สามารถเข้าไปได้ เพราะลิงจะกัด จะกระโดดขึ้นเรือมาแย่งขนม เห็นลิงแล้วอยากจะเอาขนมให้ลิง แต่คนเรือห้ามไว้ บอกว่าอย่าให้ เพราะเค้าจะไม่ยอมหากินเอง มันก็ถูก แต่ฉันสงสารลิงจังเลย
จากอ่าวลิงก็ไป " อ่าวมาหยา " อ่าวที่ขึ้นชื่อว่าเป็น "สวรรค์แห่งอันดามัน" หาดจะเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว น้ำใสราวกระจก และทรายละเอียดมาก
แต่ช่วงนี้ยังคงปิดอยู่ ทางอุทยาน เขาผูกทุ่น กั้นเขตไว้ไม่ให้เรือเข้า เพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นฟูตัวเอง ฉันเลยได้เห็นแต่ในข่าว ว่ามีฉลามหูดำ เข้ามาอาศัยอยู่เป็นร้อย อุตส่าห์แอบมองข้างๆเรือ เผื่อเจ้าฉลามยากจะแวะมาทักทาย สุดท้ายนางก็ไม่มา หยิ่งมากนะเจ้าฉลาม
โอ้ยย! สวยสุดๆ สวยเฟ่อร์ สวยเกินบรรยาย
เริ่มหิวแล้วสิ...เที่ยวเพลินข้าวกลางวันก็ยังไม่ได้กิน พวกเราเลยชักชวนกันแวะที่เกาะพีพีดอน เราเลือกร้านที่เป็นอาหารแบบง่ายๆ อย่างส้มตำ ไก่ทอด ร้านอยู่ริมเกือบสุดหาด ติดเขาราคาไม่แรงอย่างเมื่อก่อน คนก็ไม่เยอะ หาดดังๆหลายแห่ง เหมือนหาดส่วนตัว ทะเลส่วนตัว ฉันชอบมาก
อิ่มแล้ว ก็ชักชวนกันกลับ แต่ฉันยังไม่อยากกลับ เลยขอเพื่อนอยู่เล่นน้ำอีกแป๊บ
โอ้ยยยย! ยังไม่อยากกลับเข้าฝั่ง จริงๆน๊าาา
แต่ในที่สุด...ก็ต้องโบกมือบ๊าบ บาย เกาะพีพี ในวันที่ พีพี เงียบเหงา
เรือเร็ว จากพีพี กลับไปที่อ่าวนาง เราใช้เวลา ครึ่งชั่วโมงนิดๆ ระหว่างทาง ฉันกับเพื่อนสาวอีกคน เราจองนั่งตากแดดกันที่หัวเรือ ทั้งไปและกลับ เพื่อหวังจะเจอฝูงโลมา มาล้อเล่นคลื่นกับเรือ ตะโกนเรียกก็แล้ว นางก็ไม่ยอมมา เล่นตัวนักนะ เชอะ!! งอน
ในที่สุดพวกเราก็กลับมาถึงอ่าวนาง แต่พลังยังไม่หมด เลยไปตระเวณหากาแฟกินกัน แล้วก็มาเจอร้าน
" บ้านทะเล " ร้านกาแฟเก๋ๆ เปิดใหม่
สดๆ ซิงๆ เปิดเมนูดู อั๊ยยะ ! มีเครื่องดื่มเยอะมาก ตั้งแต่กาแฟ คอกเทล มอกเทล เค้กก็น่ากิน เอ้ย!! น่าสนใจมากๆ เพราะแต่ละเมนูคือการคิดเอง ออกแบบเครื่องดื่มเอง ทำเองชนิดที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน ไม่เชื่อ เพื่อนๆต้องไปลองเองค่ะ พวกเรา 8 คน สั่งไม่เหมือนกัน ฉันจำชื่อไม่ได้สักอัน แต่รู้ว่าอร่อย...อร่อยทุกแก้วจริงๆ ทั้งกาแฟที่มีแบบมิกซ์สูตรเอง คอกเทล และมอกเทล รวมถึงเค้ก ส่วนฉันสั่งเครื่องดื่มที่เป็น โยเกิร์ต ใส่น้ำมะม่วง ผสมอะไรอีกไม่รู้ ที่รู้คือ มันอร่อยมากๆ แนะนำค่ะ ต้องไปลอง
พอแล้ว เริ่มเพลีย เพราะรู้ว่าพระอาทิตย์กำลังจะตก กลับโรงแรม กินข้าว อาบน้ำนอนดีกว่า
ราตรีสวัสดิ์ในวันที่ทะเลส๊วย...สวย
โฆษณา