10 พ.ย. 2020 เวลา 12:01 • หุ้น & เศรษฐกิจ
หุ้นไทย โวลุ่มทะลัก 1.6 แสนล้าน ต่างชาติเอาจริง หรือ หลอก?
2 วันทำการมานี้ ตลาดหุ้นไทยวิ่งขึ้นมามากกว่า 80 จุด หรือคิดเป็น 6.4% โดยที่ปริมาณการซื้อขายวันนี้คึกคักมากที่สุดในรอบมากกว่าปีครึ่ง ที่ 1.6 แสนล้านบาท โดยมียอดซื้อสุทธินักลงทุนต่างชาติอยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านบาททีเดียว
ฝรั่งเข้ามาซื้อหุ้นไทยเยอะขนาดนี้ มีปัจจัยอะไรบ้างที่ต้องพิจารณา ไปดูกัน
1. ปัจจัยบวกอย่างแรกที่เราเห็นกันตามสื่อกระแสหลักก็คือ การประกาศชัยชนะอย่างไม่เป็นทางการของนายโจ ไบเดน ซึ่งตลาดตอบรับในเชิงบวกเพราะ ท่าที และการดำเนินนโยบายของนายโจ ไบเดน น่าจะคาดการณ์ได้ และเป็นมิตรกับนานาประเทศมากกว่าคุณทรัมป์นั่นเอง
2. ปัจจัยบวกอย่างที่ 2 ก็คือ เมื่อคืนที่ผ่านมา บริษัทผลิตยา BioNTech และ Pfizer ประกาศ ผลการทดสอบวัคซีน Covid-19 ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีระหว่างการทดสอบในระยะที่ 3 โดยหากได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการ ทางบริษัทจะสามารถผลิตวัคซีนได้มากถึง 50 ล้านโดสภายในปีนี้ ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอต่อการช่วยเหลือประชากร 25 ล้านคน ก่อนที่จะผลิตวัคซีนออกมาอีก 1,300 ล้านโดสภายในปีหน้า พอข่าวนี้ออกมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กับ ยุโรป นี่วิ่งฉิวเลย ไทยเราก็เอากับเขาด้วย
2
3. แต่ไม่ใช่แค่ไทยเท่านั้นที่วิ่งได้ดีและ Outperform ตลาดหุ้นเอเชียในช่วงนี้ ยังมีอีก 2 ตลาดก็คือ PSE Composite ของฟิลิปปินส์ ที่เมื่อวานบวกไปถึง 5% และ Jakarta Index ของอินโดนีเซียที่บวกวันนี้มาอีกร่วมๆ 2% สะท้อน เป็น Fund Flow ที่ต้องการเพิ่มน้ำหนักกลุ่ม TIP (Thailand, Indonesia, Philippines)
4. เช่นเดียวกับค่าเงินบาท ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลล่าร์ลงมาอยู่ที่ 30.45 บาท/ดอลล่าร์ แข็งที่สุดนับจากสิ้นเดือนม.ค. มาพร้อมๆกับการแข็งค่าของค่าเงินหยวน และสกุลเงินอื่นๆในเอเชีย ก็ยืนยันว่า เงินกำลังไหลเข้าเอเชีย และไทย
5. พฤติกรรมการลากหุ้นของ SET Index เป็นการไล่ราคากลุ่ม Cyclical Sector และ Laggard Play ที่ถ่วง Index มาตลอดนับตั้งแต่ช่วงเกิดการระบาดโควิด-19 ปลายเดือนมี.ค. ไม่ว่าจะเป็นท่าอากาศยาน, โรงแรม, ศูนย์การค้า, ธนาคาร และ กลุ่มพลังงาน ซึ่งถือว่าเป็นหุ้นที่มีสัดส่วนเยอะเมื่อเทียบกับดัชนี เลยทำให้ในภาพรวม หุ้นไม่ได้ขึ้นทุกตัว แต่เป็นการขึ้นที่ตัวใหญ่ และมีแรงขายในหุ้นตัวเล็กออกมาประปราย
6. ภาพรวมดัชนี ล่าสุด SET Index ขึ้นมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย. ปีที่แล้ว ภาพรวมจึงกลับมาเป็น Neutral มากขึ้น จากก่อนหน้านี้ที่ดู Underperform
5
7. แนวต้านย่อย Fibonacci Retracement 78.6% อยู่ที่ 1,350 จุด ถ้ายืนไม่อยู่ โอกาสหลุดเส้น 200 วันก็มี จะทำให้แนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันที่ 1,260-1,270 จุด ซึ่งตรงกับ Fibonacci Retracement 61.8% มีความสำคัญขึ้นมาทันที
8. ความเห็นส่วนตัว กลยุทธ์ที่น่าจะใช้ถ้าเรายังไม่มีของในมือ ก็คือ ทยอยสะสม กรณีมีย่อลงมาที่ 1,260-1,270 จุด หรือ รอผ่าน 1,350 จุด แล้ว Follow Buy กรณีเชื่อว่า การผ่านทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน เป็นการผ่านแล้วผ่านเลยไม่ไหลย้อนกลับ
9. ส่วนใครมีของอยู่แล้ว ก็ถือไปลุ้นระดับ 1,450 จุด หรือ จุดสูงสุดเดิมเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ที่ผ่านมาเลย แล้วใช้ Trailing Stop Loss ในการ Let Profit Run ก็ได้ เพราะตอนนี้ ตลาดเปิดรับ Risk On เต็มที่อยู่
10. ความเสี่ยงก็อย่างที่โจ ไบเดน เขียนแสดงความยินดีแต่แอบเตือนสติเรื่องการพัฒนาวัคซีนว่า กว่าคนส่วนใหญ่ในโลกจะได้รับวัคซีน และกลับมาดำเนินกิจกรรมแบบปกติกันได้ ก็ต้องปี 2021 เป็นต้นไป ยังไง ก็ต้องใส่หน้ากาก รักษาระยะห่าง และตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาทกันถ้วนหน้า
ขึ้นจริงขึ้นหลอก แล้วแต่ใครจะคิด เดี๋ยวตลาดจะเฉลยให้เรารู้กันเอง
โชคดีในการลงทุนครับ
Mr.Messenger รายงาน
โฆษณา