ทราบเหตุการติดเชื้อของนักการทูตฮังการีแล้ว
เพียงนั่งรถร่วมกัน และทานอาหาร 30 นาที ก็ติดเชื้อเรียบร้อย
ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรคได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม กรณีการติดเชื้อภายในประเทศ เขตกรุงเทพมหานคร รายนักการทูตฮังการี
โดยต้นเหตุของการติดเชื้อ
เริ่มต้นเกิดขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 นักการทูตชายสัญชาติฮังการีวัย 53 ปี ซึ่งพักอาศัยทำงานอยู่ในประเทศไทยมาแล้วนาน 2 ปี
ได้เดินทางไปรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้าของฮังการี ซึ่งเดินทางมาจากกัมพูชา เวลา 19:00 น.
จุดสำคัญในช่วงสำคัญนี้คือ นักการทูตคนดังกล่าวได้นั่งรถคันเดียวกันท่านรมว.ฮังการี ไม่มีรายละเอียดว่าทั้งสองท่านมีการใส่หน้ากากอนามัยหรือไม่อย่างไร แต่มีการพูดคุยกันในรถ
และได้เดินทางไปส่งท่านรัฐมนตรีฮังการีที่ ASQ โรงแรมอนันตราสยาม โดยนักการทูตฮังการีคนดังกล่าวได้ร่วมทานอาหารกับรัฐมนตรีที่ห้องอาหารของโรงแรมเป็นเวลา 30 นาทีอีกด้วย
และยังไม่ปรากฏรายละเอียดว่า นั่งห่างกันอย่างไร มีแผงอะไรกั้นในระหว่างทานอาหารหรือไม่ เพราะเป็นช่วงเสี่ยงเนื่องจากเป็นช่วงที่ต้องถอดหน้ากากออก
ในวันรุ่งขึ้น 4พฤศจิกายน 2563 รัฐมนตรีฮังการีมีผลตรวจโควิดป็นบวก ด้วยวิธี PCR ได้มีการตรวจผู้ติดตามอีก 12 คน ผลเป็นลบ อย่างไรก็ตามได้ทำการกักตัวผู้ติดตามทั้ง 12 คน
รวมทั้งนักการทูตฮังการีรายดังกล่าวด้วย
ส่วนรัฐมนตรีฮังการี ได้เดินทางกลับโดยเครื่องบินส่วนตัวในวันเดียวกันนั้นเอง
ช่วงวันที่ 5-8 พฤศจิกายน 2563 นักการทูตฮังการีรายดังกล่าว หยุดงานกักตัวเองอยู่ที่บ้านพัก (HQ)
8 พฤศจิกายน 2563 ทางกัมพูชาได้รายงานว่าพบเจ้าหน้าที่ทำการอารักขาใกล้ชิดรัฐมนตรีฮังการีมีผลตรวจไวรัสเป็นบวก ในขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีฮุนเซนก็ได้ทำการกักตัวเอง 14 วัน เพราะไปสัมผัสใกล้ชิดกับรัฐมนตรีฮังการี
9 พฤศจิกายน 2563 ผลตรวจผู้สัมผัสใกล้ชิด 17 รายเป็นลบ แต่นักการทูตรายดังกล่าวมีผลตรวจเป็นบวก โดยไม่มีอาการใดใด ได้ส่งไปทำการรักษาตัวที่สถาบันบำราศนราดูร
ในกรณีดังกล่าวนี้ มีข้อมูลที่สมควรแก่การวิเคราะห์เกี่ยวข้องกับการติดต่อและการแพร่เชื้อดังนี้
1) จุดเริ่มต้นที่ประเทศฮังการี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศฮังการี แจ้งว่ามีผลตรวจไวรัสเป็นลบ ก่อนออกเดินทาง
2) เมื่อเดินทางมาถึงกัมพูชาแล้ว รัฐมนตรีฮังการีก็ไม่มีอาการแต่อย่างใด ได้ปฎิบัติภารกิจและเข้าพบนายกรัฐมนตรีกัมพูชาสมเด็จฮุนเซน (จนทำให้สมเด็จฮุนเซนต้องกักตัวเอง เมื่อทราบผลการตรวจรัฐมนตรีเป็นบวกจากประเทศไทย)
และต่อมามีการยืนยันพบการตรวจเจ้าหน้าที่อารักขาที่สัมผัสใกล้ชิดรัฐมนตรีเป็นบวก
จุดนี้ไม่ปรากฏรายละเอียดที่ชัดเจนว่า ทางกัมพูชาได้ตรวจรัฐมนตรีฮังการีที่สนามบิน
ตอนเดินทางเข้าประเทศหรือไม่
3) เมื่อรัฐมนตรีฮังการีเดินทางมาถึงประเทศไทย ตามมาตรการที่ได้มาตรฐานของประเทศไทย
จึงได้ทำการตรวจหาเชื้อไวรัสจากท่านรัฐมนตรีฮังการี ผลการตรวจของไทยยืนยันว่า รัฐมนตรีมีผลตรวจไวรัสเป็นบวก โชคดีที่ยังไม่ได้พบปะกับนายกรัฐมนตรี เพราะเราตรวจไว้ก่อนและทราบผลในเวลาอันรวดเร็ว
ต่อมาพบว่า นักการทูตฮังการีซึ่งทำงานอยู่ในประเทศไทยและได้ไปปฏิบัติหน้าที่ใกล้ชิดกับรัฐมนตรี มีผลตรวจเป็นบวกเช่นกัน
โดยช่วงเวลาของการสัมผัสนั้นไม่นานเท่าไหร่ คือนั่งรถจากสนามบินไปส่งที่ ASQ และทานอาหารร่วมกันเพียง 30 นาที
เป็นกรณีเตือนใจนะครับว่า เมื่อจำเป็นต้องอยู่ใกล้ชิดกับใครโดยที่ไม่สามารถรักษาระยะห่างทางสังคมไว้ได้ ถึงแม้ไม่มีอาการ
ก็จะต้องป้องกันตนเองตามมาตรการต่างๆอาทิเช่น ใส่หน้ากากอนามัยไว้ตลอดเวลา ล้างมือสม่ำเสมอ ไม่นำมือมาสัมผัสใบหน้า เยื่อบุตา จมูกและปาก
ในกรณีนี้มีความเสี่ยงด้วยคือ รมว.ฮังการีเดินทางมาจากต่างประเทศ และแม้ใช้ระยะเวลาสั้นสั้นพูดคุยกันในรถ และทานอาหารร่วมกันเพียง 30 นาที ก็สามารถที่จะติดโควิดได้
จึงต้องระมัดระวังป้องกันตนเองให้ดีที่สุด ประมาทไม่ได้เลยนะครับ
Reference
ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค)
- 39
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
