บทความที่ 6: หน้าที่ของโปรดิวเซอร์ด้านดนตรี
เวลาเห็นคนมีพรสวรรค์ เราอยากเข้าไปช่วยสนับสนุนในด้านที่เรามีสุดตามกำลังความสามารถของเรา ไม่ได้หมายความว่าเรากำลังอุ้มเค้า แต่เราพยายามให้เค้าได้รู้จักช่วยตัวเองให้มากที่สุด ผลักดันให้เค้ารู้จักตัวตน ดึงเอาความสามารถที่มีอยู่โดยที่ตัวเค้าเองมองไม่เห็น แต่เราเห็นและสัมผัสได้ พยายามสื่อสารให้เค้าค้นหาเอามันออกมา
เหมือนเติมความฝันของกันและกัน ความฝันของน้องๆ คืออยากมีเพลงดีๆ สักเพลงในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเค้าเอง ความฝันของพี่ก็คือการที่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือทำความฝันของน้องๆ ให้กลายเป็นรูปธรรม จับต้องได้ มันคือระบบ Win-Win โดยแท้จริง ทั้งสองฝ่ายเป็นทั้งผู้ให้ และผู้รับ
หลายๆ คนถามว่า การทำเพลงสักหนึ่งเพลง การปั้นศิลปิน มันมีระบบความคิด ขั้นตอน หน้าที่ของคนร่วมงานอย่างไรบ้าง แล้วทำไมต้องมีโปรดิวเซอร์ด้วยหละ มันจำเป็นจริงๆ หรอ
การทำเพลงก็จะคล้ายๆ กับการทำงานศิลปะในแขนงต่างๆ อาจมีหลักการ หรือไม่มีก็ได้ แต่ถ้ามีหลักความคิด มี theme ผลงานก็จะสามารถวัดผลได้ เพราะเรามีเป้าหมาย มีการขีดกรอบของผลงานนั้นๆ เพราะฉะนั้นถ้าเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน มันก็ง่ายที่จะควบคุม สื่อสารให้เพื่อนร่วมงานเข้าใจ กำหนดทิศทางการทำงานไปในทางเดียวกันได้ งานก็ทำได้สะดวก รวดเร็ว ผิดพลาดน้อย เพิ่มความเข้าใจในตัวผลงาน และ ลดการทะเลาะของเพื่อนร่วมงาน
สำหรับขั้นตอนการทำเพลง พอเรากำหนดทิศทางดนตรีที่เราจะทำได้แล้ว เราก็จะเริ่มหาแรงบันดาลใจ โดยการฟังงานเพลงของศิลปินคนอื่นๆ ที่เราชื่นชอบใน direction ที่เราอยากจะไป เราฟังตัวเพลงและวิเคราะห์ตามผลงานของผู้ประพันธ์ วิธีนี้นอกจากจะช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดจากการเรียนรู้เทคนิคการเล่น การทำซาวด์เสียงที่พิเศษ การฟังเพลงเยอะๆ จะช่วยให้เราลดโอกาสการสร้างงานที่ไปซ้ำกับศิลปินคนอื่นโดยไม่ตั้งใจ ถ้าเราอยากทำงาน original ดีๆ การฟังเพลงเยอะๆ สำคัญมากๆ
ส่วนหน้าที่ในการทำเพลงนอกจากโปรดิวเซอร์ (คนที่คอยดูภาพรวมของการผลิตดนตรี ส่วนมากจะดูแลการผลิตตั้งแต่การเริ่มหา talent ที่มี potential แล้วจบหน้าที่หลังดันเพลงออกไปในระบบการกระจายเพลง) หนึ่งบทเพลงจะประกอบไปด้วยคนที่ทำหน้าที่เขียนเนื้อร้อง เมโลดี้ แต่งทำนอง เรียบเรียงเสียงประสาน การอัดเสียงคนร้อง / นักดนตรี งานมิกซ์เสียง และทำมาสเตอริ่งปิดงานการผลิตดนตรี การโปรโมทเอาเพลงลงในระบบ digital distribution / PR เล่นโปรโมท ซึ่งโปรดิวเซอร์หนึ่งคนไม่จำเป็นต้องทำหน้าที่ได้ทั้งหมด แต่ต้องรู้ถึง timeline และการบริหารทรัพยากร เวลา บุคคลผู้เกี่ยวข้อง สถานที่ห้องอัด การเงิน การลงทุนในการผลิต และที่สำคัญที่สุดคือ producer ต้องรู้ trend ใหม่ๆ และต้องรู้ประวัติศาสตร์ดนตรี ต้องเป็นคนที่กล้าตัดสินใจ มีส่วนร่วมในการเลือกชิ้นงานที่คิดว่าดีที่สุดร่วมกับศิลปิน สำหรับทุกสิ่งในการผลิต พูดง่ายๆ ถ้าศิลปินคือคนเบื้องหน้า คนที่โดนแสงไฟส่องหน้า คนที่ยืนอยู่บนเวทีด้านหน้า โปรดิวเซอร์ก็คือหัวใจสำคัญของการผลิตดนตรี เป็นเงาที่ทอดยาวตามแสงที่กระทบบนตัวของนักดนตรี ยิ่งแสงจ้าเจิดจรัสเท่าใด เงาก็จะยิ่งใหญ่ทอดยาวเช่นกัน
สรุปแล้ว หน้าที่ของโปรดิวเซอร์ก็เปรียบเสมือนนายเรือจ้างที่พาผู้โดยสารไปส่งให้ถึงฝั่ง มันช่างต่างจากกีฬาบางประเภท เช่น การวิ่งมาราธอนที่เน้นการทำเวลาวิ่งเข้าเส้นชัยเพียงคนเดียวและทิ้งเพื่อนร่วมทางของคุณไว้ข้างหลัง มันช่างตรงกันข้ามกับร้านหมูกระทะซึ่งไม่ได้ออกแบบมาให้นั่งทานเพียงคนเดียว การมีเพื่อนร่วมทานอาหารด้วยกันอย่างน้อยมากกว่า 1 คน มันคงสนุกกว่า มีความสุขกว่า และความหมายของการใช้ชีวิตไปเพื่ออะไร หนึ่งในคำตอบก็คือการที่ได้ทำอะไรเพื่อสังคมในสิ่งที่ตนถนัด live up to your dream มันคือความสุขในการทำสิ่งที่รัก ได้ใช้ประสบการณ์ที่สะสมมายาวนานมาช่วยพัฒนาทักษะด้านดนตรีให้กับน้องๆ ให้ไปถึงจุดมุ่งหมายที่พวกเค้าต้องการ พรสวรรค์ที่พระเจ้าให้มา ถ้าเก็บเอาไว้คนเดียว และไม่ได้ถ่ายทอด น่าเสียดาย วันนี้คุณได้เป็นส่วนหนึ่งของการให้ การทำประโยชน์ให้กับสังคมแล้วหรือยัง
#JiLUSZtudio #ฟุ้ง #RandomThought #MusicProducer
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
