21 พ.ย. 2020 เวลา 04:00 • เกม
Play the Past
ล่าอาณานิคมและบดขยี้คู่แข่งให้สิ้นซากใน
'Age of Empires III: Definitive Edition'
คุณเคยหมั่นไส้ประเทศตะวันตกที่เที่ยวไปล่าอาณานิคมไหม ? คุณเคยอยากแก้แค้นพวกเขาโดยการเป็นฝ่ายล่าอาณานิคมบ้างหรือไม่ ? ‘Play the Past’ คราวนี้ จะนำทุกท่านไปสวมบทบาทนักล่าอาณานิคม เพื่อแสวงโชคและพิชิตโลกใหม่แต่เพียง
ผู้เดียวในเกม Age of Empires III: Definitive Edition ซึ่งเพิ่งวางขายเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2020 ที่ผ่านมา
เกม Age of Empires III: Definitive Edition เป็นเกมวางแผนแบบ
Real-time strategy (ย่อว่า RTS) อิงประวัติศาสตร์โลกช่วงค.ศ. 1500–1850 ซึ่ง
ครอบคลุมยุคแห่งการสำรวจโลกใหม่ การล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก
และการต่อสู้ระหว่างชนพื้นเมืองกับผู้รุกรานจากดินแดนโพ้นทะเล เกมนี้มีแผนที่หรือสมรภูมิให้เลือกตั้งแต่ที่ราบเกรตเพลนส์ (Great Plains) ในอเมริกา
เกาะฮิสปันโยลา (Hispaniola) ในทะเลแคริบเบียน หรือที่ราบสูงเดกกัน (Deccan)ในอินเดีย เป็นต้น
แม้ Age of Empires III (ย่อว่า AOE3) จะมีอายุถึง 15 ปี คือวางขายตั้งแต่วันที่
18 ตุลาคม ปี 2005 ภายใต้การพัฒนาของ Ensemble Studios และการจัด
จำหน่ายของ Microsoft Game Studios แต่ทาง Xbox Game Studios ได้เปิดตัว Age of Empires III: Definitive Edition ภายใต้การพัฒนาของ Tantalus Media ในวาระครบรอบ 15 ปี นี่จึงเป็นโอกาสดีที่จะหาเกมวางแผนแนวประวัติศาสตร์รุ่น
เก๋า ซึ่งได้รับการยกเครื่องเกมขนานใหญ่จนมีกราฟิกชัดระดับ 4K คุณภาพเสียงดี
เยี่ยม และระบบทรงประสิทธิภาพ แต่ยังคงรักษาความคลาสสิกให้หายคิดถึง.
1
เรื่อง : พชร อังคเรืองรัตนา
ภาพประกอบ : ชุติมณฑน์ ปทาน
กำหนดชะตากรรมอาณานิคมในโลกใหม่
ไม่ว่าประเทศคุณจะเคยเสียเอกราชให้ชาติอื่นหรือไม่ Age of Empires III ให้โอกาสคุณเป็นหัวหน้าคณะสำรวจที่เดินทางไปตั้งถิ่นฐานใน 'โลกใหม่' ตัวเกมมีประเทศให้ผู้เล่นเลือกทั้งหมด 9 ประเทศ ได้แก่ สเปน, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, โปรตุเกส, ดัตช์,
รัสเซีย, เยอรมัน, ออตโตมัน, และสวีเดน แต่ละชาติมีสถาปัตยกรรม สิ่งก่อสร้าง และยูนิตเฉพาะตัวแตกต่างกัน เช่น ออตโตมันมีทหารแจนนิเซรี (Janissary) ดัตช์มีเรือ
เฟลาท์ (Fluyt) ผู้เล่นสามารถใช้จุดเด่นของแต่ละชาติเป็นข้อได้เปรียบของตนได้
เมื่อเริ่มเกม ผู้เล่นทุกฝ่ายจะมีเพียงเกวียนมีหลังคา (Covered Wagon) สำหรับ
สร้างศูนย์กลางเมือง (Town Center) กับนักสำรวจหนึ่งคน หรือศูนย์กลางเมือง
ผู้ตั้งถิ่นฐาน (Settler) จำนวนหนึ่ง และนักสำรวจหนึ่งคน เพื่อตั้งอาณานิคม ผู้เล่น
ต้องมอบหมายหน้าที่ต่างๆ แก่ผู้ตั้งถิ่นฐาน ได้แก่หาอาหาร ตัดไม้ และขุดแร่เงิน
เมื่อมีทรัพยากรมากพอจึงจะสร้างอาคารต่างๆ ได้ อาคารแต่ละชนิดให้ประโยชน์
ต่างกัน เช่น ตลาดมีไว้ซื้อขายทรัพยากรและพัฒนาเทคโนโลยี
และโรงสีสำหรับผลิตอาหาร
ผู้เล่นจำเป็นต้องพัฒนาเศรษฐกิจของตนให้เข้มแข็ง เพื่อสร้างกองทัพสำหรับป้องกันตัวเองและพิชิตผู้เล่นอื่น เพราะยูนิตทหารทุกชนิดต้องการทรัพยากรในการสร้าง
ดังนั้น ยิ่งคุณบริหารอาณานิคมจนมีทรัพยากรมั่งคั่งได้รวดเร็วเท่าไหร่ คุณยิ่งสร้าง
กองทัพขนาดใหญ่ก่อนคู่แข่งเท่านั้น กล่าวได้ว่า เกมนี้ต้องอาศัยทั้งความเร็ว
สติปัญญา และไหวพริบ เสมือนนักแสวงโชคในโลกความจริงอยู่กลายๆ.
แก้แค้นชาวยุโรปด้วยน้ำมือคุณ
Age of Empires III: Definitive Edition ยังให้คุณสวมบทชนพื้นเมืองแก้แค้นเจ้า
อาณานิคมที่เข้ามาหากอบโกยผลประโยชน์และฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หรือสวมบท
จักรวรรดิโบราณเพื่อกู้ศักดิ์ศรีอายุนับร้อยนับพันปีคืนจากพวกชาติตะวันตก
โดยฝ่ายชนพื้นเมืองและจักรวรรดิพื้นเมืองในเกมนี้มีให้เลือก 7 ฝ่าย ได้แก่ แอซเท็ก (Aztecs), โฮดีโนโชนี หรืออิโรควอย (Haudenosaunee หรือ Iroquois),
ลาโคตา (Lakota), อินคา (Incas), จีน, อินเดีย, และญี่ปุ่น แต่ละฝ่ายมีระบบ
เศรษฐกิจ ยูนิต และสิ่งก่อสร้างแตกต่างกัน สร้างสีสันและวิธีเล่นอันหลากหลาย เช่น ฝ่ายโฮดีโนโชนีสามารถสร้างอาคารเกือบทุกชนิดโดยไม่ใช่ทรัพยากรใด ฝ่าย
อินคามีบ้านคานชา (Kancha House) ซึ่งมีความจุสูงกว่าบ้านของฝ่ายอื่นในเกม
และผลิตอาหารให้ผู้เล่นโดยอัตโนมัติ ขณะที่อินเดียเป็นฝ่ายเดียวในเกมที่ได้ค่า
ประสบการณ์โดยอัตโนมัติเมื่อครอบครองปศุสัตว์ในเกม
ไม่ว่าคุณจะสวมบทชนเผ่ายิ่งใหญ่แห่งผืนดินอเมริกา หรือราชอาณาจักรกลางแห่ง
เอเชีย คุณก็สามารถเขียนประวัติศาสตร์ใหม่โดยการขับไล่พวกต่างชาติจนหนีกลับบ้านเกิดหรือตกทะเลไป!
อัพเกรดเมืองแม่ให้รุ่งเรือง
การตั้งถิ่นฐานใหม่ในดินแดนที่ไม่รู้จักเป็นเรื่องยาก ต้องกระเสือกกระสนเลี้ยงปาก
เลี้ยงท้องและปกป้องชุมชน ไหนจะต้องเอาตัวรอดจากความยากลำบากต่าง ๆ
อันคาดเดาไม่ได้อีก คงจะดีไม่น้อยหากเมืองแม่ส่งทรัพยากรและบุคลากรมา
สนับสนุน Age of Empires III: Definitive Edition จึงมี 'ระบบเมืองแม่'
หรือเมืองบ้านเกิด(Home City) เพื่อช่วยเหลือผู้เล่น แตกต่างกันตามชาติที่คุณเล่น
เช่น โปรตุเกสได้เมืองลิสบอน และอารยธรรมอินคามีกุสโก (Cuzco)
ขณะที่เล่น ผู้เล่นจะได้ 'ค่าประสบการณ์' (Experience ย่อว่า XP) จากทุกๆ
การกระทำในเกม ซึ่งใช้แลกเปลี่ยนกับการสนับสนุนจากเมืองแม่ เช่น อาหาร เงิน
คน และอาวุธ ค่าประสบการณ์ยังเอาไว้อัพเกรดศักยภาพของเมืองแม่ เช่นสามารถ
ส่งเงินจำนวนมากขึ้น เทคโนโลยีพิเศษ หรือยุทโธปกรณ์สุดล้ำที่อาณานิคมผลิตไม่
ได้ ผู้เล่นคนใดบริหารเมืองแม่พร้อมๆ กับอาณานิคม จะได้เปรียบกว่าอารยธรรมอื่น
ผู้เล่นยังใช้ค่าประสบการณ์ซื้อของตกแต่งและพัฒนาเมืองแม่ของตนได้ราวกับดำรงตำแหน่งเจ้าเมือง ควบตำแหน่งอุปราชของอาณานิคมที่ตนปกครอง หากคุณเห็น
เมืองแม่ของใครประดับประดาด้วยธงหลากสี งานรื่นเริง หรือคณะศิลปิน นั่นคือผล
พวงจากความสำเร็จจากอาณานิคมของพวกเขา.
ออกแบบกองทัพที่ชื่นชอบเพื่อบดขยี้ศัตรู
กองทัพคือปัจจัยหลักในการเอาชนะเกม เนื่องจากการทูตและวัฒนธรรมไม่ใช่หน
ทางสู่ชัยชนะใน Age of Empires III: Definitive Edition
ผู้เล่นต้องบริหารเศรษฐกิจอย่างรอบคอบและแข่ง
กับเวลา เพื่อพัฒนากองทัพขนาดใหญ่และ
มีประสิทธิภาพเพื่อเอาชนะคู่แข่ง
กองทัพในเกมแบ่งออกเป็น 4 เหล่าทัพ ได้แก่ ทหารราบ ทหารม้า ทหารปืนใหญ่
และทัพเรือ ทหารแต่ละชนิดมีจุดแข็งจุดอ่อนไม่เหมือนกัน เช่น ทหารราบมีราคาถูก ทหารม้าเคลื่อนที่ได้เร็ว ทหารปืนใหญ่โจมตีแรง และเรือสามารถปกครองน่านน้ำ
อันอุดมสมบูรณ์และโจมตีชายฝั่งได้ แต่ทั้ง 4 เหล่าทัพมียูนิตทหารให้เลือกมากกว่า 30 ชนิด และไม่มีกฏตายตัวสำหรับการออกแบบกองทัพ ผู้เล่นจึงมีอิสระใน
การเลือกจัดทัพตามความถนัด เช่น เน้นก่อกวนข้าศึกด้วยทหารม้า เป็นต้น
จารึกตำนานร่วมกับบุคคลในประวัติศาสตร์จริง
เกมที่มีเนื้อเรื่อง หรือ Campaign มักดึงดูดผู้เล่นให้ติดตามอยู่เสมอ
Age of Empires III: Definitive Edition จึงมีเนื้อเรื่องให้เลือกเล่นถึง 8 องก์ (Act) แบ่งเป็นตอนหรือภารกิจได้ 55 ภารกิจ โดยเนื้อเรื่องฝ่ายตะวันตกอ้างอิงเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์มากมาย เช่น การบุกล้อมเกาะมอลตา (Malta) ในปี 1565 สงครามเจ็ดปี (Seven Years' War, ปี 1756–1763) การปฏิวัติอเมริกา
(American Revolution, ปี 1775–1783) และการสู้รบระหว่างชนพื้นเมืองอเมริกา
กับกองทัพสหรัฐในสงครามเผ่าซู (Sioux Wars, ปี 1854–1891)
เนื้อเรื่องฝ่ายเอเชียก็ไม่น้อยหน้า เนื้อเรื่องฝ่ายญี่ปุ่นอ้างอิงการรวมชาติญี่ปุ่นสมัยต้นยุคเอโดะ (Edo) และยุทธการที่เซกิงาฮาระ (Battle of Sekigahara) ในปี 1600
เนื้อเรื่องฝ่ายจีนอิงการส่งกองเรือมหาสมบัติของเจิ้งเหอ
(Zheng He, ปี 1371–1433) ซึ่งออกเดินทางระหว่างปี 1405–1433 ไปยัง
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และแอฟริกาตะวันออก ส่วนเนื้อเรื่องฝ่ายอินเดีย
อ้างอิงเหตุการณ์กบฏอินเดีย (Indian Rebellion) หรือกบฏมิวทินี (Indian Mutiny) ในปี 1857 เพื่อต่อต้านบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษที่ปกครองอินเดีย เรียก
ได้ว่า Campaign ทั้งหมดเชื่อมโยงกับเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ทั่วโลก.
//////////
โฆษณา