15 พ.ย. 2020 เวลา 06:02 • หนังสือ
เคล็ดลับที่ 11 ขอความช่วยเหลือจากคนอื่น (คิดแบบยิวทำแบบญี่ปุ่น) EP.19
ขอความช่วยเหลือจากคนอื่น
ข้อคิดดีดีของหนังสือ คิดแบบยิวทำแบบญี่ปุ่น (สร้างความมั่งคั่งและความสุขให้กับชีวิต ด้วยวิธีคิดที่ส่งต่อกันมาในหมู่เศรษฐีขาวยิว โดย ฮอนดุ เคน เขียน
เคล็ดลับที่ 11 ขอความช่วยเหลือจากคนอื่น
ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้ด้วย “ตัวคนเดียว”
รู้จักขอความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญ
ขอความช่วยเหลือจากคนอื่น
“เคล็ดลับที่สำคัญที่สุดในการประสบความสำเร็จก็คือการขอความช่วยเหลือจากคนอื่น”
“ฟังดูอ่อนแอยังไงไม่รู้นะครับ ความสำเร็จน่าจะเป็นสิ่งที่เราได้มาด้วยฝีมือตัวเองมากกว่า”
“เธอพูดอย่างนั้นเพราะยังไม่เข้าใจกฎของโลกน่ะสิ บนโลกใบนี้ไม่มีใครสามารถมีชีวิตอยู่ตามลำพังได้หรอก แม้แต่คนที่ประสบความสำเร็จในระดับโลกก็ยังต้องพึ่งพาคนอื่นเลย วันนี้ฉันจะอธิบายให้เธอเข้าใจว่าทำไมการขอความช่วยเหลือจากคนอื่นถึงเป็นเคล็ดลับสำคัญในการประสบความสำเร็จ”
ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้ด้วย “ตัวคนเดียว”
“หนุ่มสาวหลายคนที่อยากประสบความสำเร็จจะพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างให้สำเร็จลุล่วงด้วยตัวคนเดียว แต่นั่นถือเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง เพราะความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้รับแรงสนับสนุนจากผู้คนจำนวนมากต่างหาก เธอลองนึกภาพชีวิตของเจ้าของร้านอาหารที่มีลูกค้าแน่นร้านดูสิ เขาจะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อมีลูกค้ามาอุดหนุนจำนวนมาก และถ้าลูกค้าเหล่านี้ไม่พาเพื่อนๆหรือคนรู้จักมาที่ร้านอยู่เรื่อยๆ ร้านก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จ
“ไม่ใช่แค่ลูกค้าหรอกนะ แม้แต่พนักงานร้านก็ด้วย ถ้าพนักงานไม่มีความสุขกับการทำงาน และไม่คิดว่า ‘อยากทำงานที่นี่’ ก็ยากที่ร้านจะประสบความสำเร็จ นอกจากลูกค้ากับพนักงานแล้ว คนที่เจ้าของร้านต้องขอความช่วยเหลือก็คือธนาคาร เพื่อขอกู้เงินมาเปิดร้านยังไงล่ะ นอกจากนี้ ยังมีผู้รับเหมาที่มาช่วยก่อสร้างและตกแต่งภายในให้ คนจัดหาวัตถุดิบอาหาร คนขับรถส่งวัตถุดิบอาหาร ไปจนถึงเจ้าหน้าที่เก็บขยะ เรียกได้ว่าต้องอาศัยความช่วยเหลือและความทุ่มเทจากผู้คนมากมาย เจ้าของร้านอาหารถึงจะประสบความสำเร็จได้
“เธอคิดว่าถ้าเจ้าของร้านพูดว่า ‘ความสำเร็จในตอนนี้เป็นสิ่งที่ฉันสร้างขึ้นมาเองคนเดียว’ ผู้คนที่เคยสนับสนุนช่วยเหลือเขาจะรู้สึกยังไง”
“คงรู้สึกเหมือนถูกหักหลังหรือถูกทอดทิ้งละมั้งครับ อาจจะรู้สึกว่าหมอนี่ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณบ้างเลย”
“ถูกต้อง คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะพยายามทำให้คนที่คอยสนับสนุนพวกเขารู้สึกว่า ‘ที่มีวันนี้ได้ก็เพราะคุณช่วยไว้แท้ๆ’ คนเหล่านั้นจึงปลาบปลื้มและประทับใจ ส่งผลให้พวกเขาประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น
“ส่วนคนที่คิดว่าความสำเร็จเกิดขึ้นได้ด้วยฝีมือตัวเองคนเดียวจะค่อยๆกลายเป็นคนหยิ่งยโส พอรู้ตัวอีกที ผู้คนรอบข้างก็ตีตัวออกห่างจากเขาแล้ว เวลาเกิดปัญหาอะไรขึ้นก็จะไม่มีใครอยากให้ความช่วยเหลืออีกต่อไป ผิดกับคนที่ระลึกอยู่เสมอว่าที่มีวันนี้ได้ก็เพราะคนอื่นๆคอยช่วยเหลือ
“จากตัวอย่างที่ว่ามา เธอจะเห็นชัดเลยว่าคนที่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่นจะประสบความสำเร็จได้เร็ว และยังเป็นความสำเร็จที่มั่นคงด้วย”
“ผมเข้าใจแล้วครับ ผมหลงคิดไปว่าการทำอะไรให้สำเร็จด้วยตัวคนเดียวดูเท่กว่า”
“ที่จริงการขอความช่วยเหลือก็ถือเป็นการมอบความช่วยเหลือให้อีกฝ่ายไปพร้อมๆกันด้วยนะ ฉันเชื่อว่ามนุษย์เราเกิดมาพร้อมกับสัญชาตญาณที่อยากช่วยเหลือคนอื่น เวลาให้ความช่วยเหลือใครเราจึงรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจไงล่ะ ตอนนี้เธอคงพอเข้าใจแล้วว่าการขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเป็นเรื่องที่สำคัญแค่ไหน
“แน่นอนว่าบางเรื่องเธออาจทำด้วยตัวคนเดียวได้ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ควรขอความช่วยเหลือจากคนอื่นด้วย จากนั้นก็ต้องไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณเพื่อทำให้พวกเขารู้สึกพึงพอใจ การพยายามทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวก็เหมือนกับการกระโดดลงไปในกับดักธุรกิจส่วนตัว อย่างที่ฉันเคยบอกไปแล้วนั่นแหละ
“เอาไว้เริ่มทำธุรกิจของตัวเองเมื่อไหร่ เธอจะฉุกคิดเรื่องพวกนี้ได้เอง แต่ฉันอยากให้เธอจำไว้ให้ขึ้นใจเสียตั้งแต่ตอนนี้ อีก 10 ปีข้างหน้าพอเธอนึกย้อนกลับมาจะได้รู้สึกว่า ‘เอ๊ะ ตอนนั้นเคยมีคนบอกไว้แล้วนี่นา’
“ตอนนี้ผมอาจจะยังเข้าใจไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็พอจะรู้แล้วว่าการขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ”
“จำเอาไว้ให้ดีนะ พอเธอเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง จะมีคนมากมายมาสนับสนุนและหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับเธอถึงตอนนั้นอย่าได้คิดจะสร้างความสำเร็จด้วยตัวเองคนเดียวเด็ดขาด”
“ครับ ผมเข้าใจแจ่มแจ้งเลยล่ะ”
รู้จักขอความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญ
“อีกเรื่องที่ฉันอยากบอกเธอก็คือ เธอต้องรู้จักนำความรู้ของผู้เชี่ยวชาญมาใช้ ผู้เชี่ยวชาญในที่นี้หมายถึงคนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ มนุษย์มีอายุขัยแค่ประมาณ 70-80 ปีเท่านั้น หมายความว่าช่วงเวลาที่เธอจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีอิสรภาพจึงมีอยู่ไม่มากนัก
“คนที่ไม่มีทางประสบความสำเร็จจะชอบคิดว่าตัวเอง ‘มีเวลาไม่จำกัด’ เลยผลาญเวลาอันมีค่าไปอย่างไม่นึกเสียดาย แต่คนที่ประสบความสำเร็จและมีความสุขจะคิดอยู่เสมอว่า ‘เวลามีจำกัด’ จึงเลือกทำเรื่องที่สำคัญที่สุด นั่นคือ ทำสิ่งที่ตัวเองชอบแล้วใช้ความสามารถที่มีอยู่เพื่อช่วยเหลือคนรอบข้าง แต่ชีวิตมนุษย์ไม่ได้ยืนยาว เราจึงไม่อาจเรียนรู้ทุกเรื่องที่จำเป็นด้วยตัวคนเดียวได้
“ตัวอย่างเช่น เธออาจศึกษากฎหมายจนมีความรู้ในระดับหนึ่งได้ แต่ไม่มีทางรู้ลึกเท่ามืออาชีพที่ทำงานบนเส้นทางสายกฎหมายมาตลอด 40 ปี เมื่อขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เธอจะได้คำตอบในเวลาเพียง 1 นาที แต่ถ้าเธอพยายามจะหาคำตอบด้วยตัวเองให้ได้ เธออาจต้องใช้เวลามากกว่า 40 ปีก็ได้ เพราะแบบนี้ฉันถึงได้ยอมเสียเงินจ้างทนายความหลายร้อยดอลลาร์ต่อชั่วโมงโดยไม่นึกเสียดาย แต่กลับรู้สึกขอบคุณเขาจากใจจริงมากกว่าที่อุตส่าห์ขยันหมั่นเพียรตั้ง 40 ปี เพื่อให้ได้ความรู้นั้นมาแล้วใช้มันเพื่อฉัน
“ฉันอยากให้เธอคิดแบบนี้ให้ได้ แล้วหัดนำความรู้ของผู้เชี่ยวชาญมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องกฎหมายเท่านั้นนะ แต่รวมถึงความรู้เฉพาะทางในทุกๆสาขา ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน สุขภาพ การแพทย์ การบริหารจัดการหรือการออกแบบ แต่ก็ไม่ใช่เอาแต่ถามจากพวกเขาอย่างเดียว เธอต้องรู้จักหาความรู้เพิ่มเติมเองด้วย”
ในช่วงที่พักอยู่กับคุณเกลเลอร์ ผมเคยเห็นทนายความซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายของคุณเกลเลอร์มาที่บ้านหนหนึ่ง เขาเป็นพวกหัวกะทิ สวมสูทเนี๊ยบดูดี บุคลิกท่าทางเป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว ผิดกับคุณเกลเลอร์ที่สวมเสื้อฮาวายและพูดคุยแบบสบายๆ แม้ทนายความคนนั้นจะพยายามโต้แย้งอย่างไม่ลดละ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาสู้พลังของคุณเกลเลอร์ไม่ได้ ถ้าถามว่าใครดูมีมาดเศรษฐีมากกว่ากัน ผมคงต้องตอบว่าทนายความ แต่ในความเป็นจริงเขาคือลูกจ้างของคุณเกลเลอร์ นั่นทำให้ผมอดนึกภูมิใจอยู่นิดๆไม่ได้ว่าคุณเกลเลอร์นี่เจ๋งสุดยอด
หลังจากคุยกับทนายความเสร็จ คุณเกลเลอร์ก็เรียกผมไปที่ห้องสมุดแล้วสอนวิธีใช้ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญให้เป็นประโยชน์
“ไม่ว่าจะทำธุรกิจหรือลงทุน ถ้าไม่เก่งเรื่องกฎหมายกับภาษีก็ยากที่จะเป็นเศรษฐีได้ การรู้กฎหมายจะทำให้เธอมีอำนาจต่อรองสูงขึ้น ฉันไม่ได้บอกให้เธอไปเป็นทนายความหรือนักบัญชีหรอกนะ แต่ถ้าไม่รู้พื้นฐานเรื่องพวกนี้ติดตัวเอาไว้บ้าง เธอก็จะเป็นเศรษฐีได้ช้าลง
“เธอควรจ้างทนายความ นักบัญชี และผู้สอบบัญชีภาษีอากรเก่งๆ แล้วใช้ความรู้ของพวกเขาให้เกิดประโยชน์ ตอนเริ่มต้นทำธุรกิจ อย่าเพิ่งจ้างคนที่มีชื่อเสียงมาทำงาน แต่เอาเข้าจริงพวกคนดังๆ ก็คงไม่มาทำงานกับมือใหม่อยู่แล้วล่ะ เธอควรไปจ้างคนหนุ่มสาวเก่งๆที่ยอมล่มหัวจมท้ายกับเธอจะดีกว่า
“แต่เธอต้องระมัดระวังเวลาที่ขอคำปรึกษาจากพวกเขา ผู้สอบบัญชีภาษีอากรกับทนายความมักกลัวความเสี่ยง เวลาคุยเรื่องธุรกิจหรือไอเดียใหม่ๆด้วย พวกเขาจึงมักจะค้านไว้ก่อน เธอควรปรึกษาเฉพาะเรื่องกฎหมายกับภาษีเท่านั้น ทางที่ดีที่สุดละก็ เธอควรไปขอคำแนะนำเรื่องธุรกิจจากอดีต ทนายความหรืออดีตผู้สอบบัญชีภาษีอากรที่ผันตัวมาทำธุรกิจของตัวเองจนประสบความสำเร็จจะดีกว่า เพราะคนพวกนี้จะรู้ดีทั้งเรื่องกฎหมายและวิธีทำธุรกิจ เรียกได้ว่าเป็นที่ปรึกษาในอุดมคติเลยล่ะ
“แต่ปัญหาคือมีโอกาสน้อยมากที่คนระดับนั้นจะยอมมาเป็นที่ปรึกษาให้ เพราะพวกเขาคงเลือกไปทำอะไรสนุกๆที่ได้กำไรมากกว่าการให้คำปรึกษาที่ได้ค่าตอบแทนเพียงน้อยนิด สิ่งที่เธอพอจะทำได้คือเข้าไปขอคำชี้แนะอย่างสุภาพอ่อนน้อม ไม่แน่นะ ถ้าขอร้องดีๆจนถูกชะตากัน เขาอาจยอมเป็นที่ปรึกษามือฉมังให้เธอก็ได้ การมีทีมทนายความกับผู้สอบบัญชีภาษีอากรเก่งๆอยู่กับตัวจะช่วยให้เธอก้าวไปสู่ความสำเร็จโดยไม่ต้องกลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาด
“เศรษฐีจะใช้ความรู้ของผู้สอบบัญชีภาษีอากรที่เก่งๆ เพื่อหลบเลี่ยงภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนค่าตอบแทนที่จ่ายให้ทนายความกับผู้สอบบัญชีภาษีอากรนั้นถือเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัท จะว่าไปต้องบอกว่ามันเป็นการนำเงินที่ต้องเสียภาษีมาจ้างคนเก่งๆเพื่อซื้อความรู้ที่ทำให้เราไม่ต้องเสียภาษีนั่นเอง เพราะแบบนี้แหละเศรษฐีถึงร่ำรวยขึ้นเรื่อยๆ”
“ผมเข้าใจเรื่องนี้ดีเลยครับ เพราะเคยเห็นผู้บริหารหลายคนมาตั้งแต่สมัยผมยังเด็กๆ คนฉลาดจะรู้จักฟังคำแนะนำจากคนเก่งๆสินะครับ”
“ถูกต้อง เฮนรี่ ฟอร์ด ก็เคยพูดไว้ว่า ‘ถ้าอยากประสบความสำเร็จก็ต้องทำงานกับคนที่เก่งกว่าตัวเองให้มากเข้าไว้’ มันใช่แบบนั้นเลยล่ะ”
โฆษณา