18 พ.ย. 2020 เวลา 02:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
เรื่องจริงจาก Netflix Original Series: The Liberator (ผู้ปลดปล่อย)
By David Kindy, SMITHSONIANMAG.COM : NOVEMBER 11, 2020
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองพลทหารราบที่ 45 แห่งกองทัพบกสหรัฐ (The U.S. Army’s 45th Infantry Division) ถือว่าเป็นกองทหารที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติมากที่สุดในเวลานั้น ประกอบไปด้วย กลุ่มชนพื้นเมืองอเมริกัน (Native Americans) ชาวอเมริกันเชื้อสายเม็กซิกัน (Mexican Americans) และพวกคาวบอย (Southwestern cowboys)
ตราประจำกองพลที่เย็บติดบนไหล่ของพวกเขาเป็นรูป "Thunderbird" ซึ่งเป็นสัตว์ในตำนานของชนพื้นเมืองอเมริกัน มีความเชื่อว่ามันสามารถปกป้องมนุษย์จากปีศาจชั่วร้าย กองพลทหาราบที่ 45 จึงมีชื่อเล่นอีกชื่อว่า "The Thunderbird Division" และได้รับการกล่าวขานว่าเป็นกองพลที่มีฝีมือในการรบมากที่สุดในสงคราม
นก Thunderbird
Thunderbird Patch
"The Liberator" นำเรื่องราวจากหนังสือในชื่อเดียวกันมาสร้างในรูปแบบภาพยนต์อนิเมชั่น โดยผู้ประพันธ์ อเล็กซ์ เคอร์ชอว์ (ปัจจุบันอายุ 54 ปี) เป็นนักเขียนนักข่าวผู้เคยได้รับรางวัล The Best seller กลุ่มหนังสือเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สอง จาก New York Times มาแล้ว
"The Liberator" เล่าถึงเหล่า Thunderbird ที่กรำศึกในสมรภูมิสงครามโลกครั้งที่สองมานานกว่า 500 วัน ตั้งแต่ซิซิลี อิตาลี ฝรั่งเศส จนถึงแผ่นดินเยอรมันในวันที่กองทัพสัมพันธมิตรประกาศชัยชนะในยุโรป นอกเหนือจากการสู้รบปรบมือกับพวกนาซีสุดแกร่งแล้ว ทหารกว่า 10,500 นาย ยังต้องเผชิญกับสภาวะซึมเศร้าหลังผ่านเหตุการณ์ในสมรภูมิอันดุเดือดและโหดร้าย
ครั้งหนึ่ง จอร์จ แพตตัน ถึงกับกล่าวยกย่องว่า พวก Thunderbird ถือเป็นหนึ่งในกองพลที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์กองทัพอเมริกัน
กองพลทหารราบที่ 45 แบ่งออกเป็น 3 กรมได้แก่ กรมทหารราบที่ 157, กรมทหารราบที่ 179 และกรมทหารราบที่ 180 ประกอบไปด้วยเหล่าคนหนุ่มจากโคโลราโด นิวเม็กซิโก อริโซนา และโอกลาโฮมา จึงมีทั้งชาวอเมริกันเชื้อสายเม็กซิกัน และกลุ่มชนพื้นเมืองอเมริกันเกือบ 1,500 คน จาก 50 เผ่า รวมอยู่ภายในกองพลเดียว
1
ทุกท่านคงเคยผ่านหูผ่านตา มินิซีรี่ส์ "Band Of Brothers" ของค่าย HBO อันโด่งดัง บวกรวมกับ "A Scanner Darkly" ภาพยนต์ฉบับอนิเมชั่นยุคบุกเบิกที่เข้าฉายในปี 2006
ทั้งสองเรื่องนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจในการนำเสนอภาพยนต์สงครามในรูปแบบใหม่ที่มีความยาวเพียง 4 ตอน
"The Liberator" บอกเล่าเรื่องราวผ่านตัวละครที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์อย่างผู้กอง "เฟลิกซ์ สปาร์คส์" ผู้บังคับกองร้อยผู้ไต่เต้าไปจนถึงยศพันโทในระหว่างการรบ
Bradley James (จาก Merlin, iZombie, Damien) แสดงเป็น "เฟลิกซ์ สปาร์คส์"
และตัวละครที่สร้างขึ้นมาอีกสองคน ได้แก่ "จ่าซามูเอล โคลด์ฟุท" และ "สิบโทเอเบิล โกเมซ" ที่ผู้ประพันธ์ตั้งใจให้เป็นตัวแทนทหารชนพื้นเมือง และทหารชาวอเมริกันเชื้อสายเม็กซิกัน ในซีรี่ส์นั้น พวกเขาเป็นเสมือนเสาหลักของกองพล Thunderbird
"คาแร็กเตอร์ของทหารชั้นประทวนทั้งสองนาย ถือเป็นตัวแทนของความหลากหลายทางเชื้อชาติในกองพล Thunderbird"
เคอร์ชอว์ ผู้ประพันธ์หนังสือ "The Liberator: One World War II Soldier's 500-Day Odyssey From the Beaches of Sicily to the Gates of Dachau" กล่าว
"ผมสร้างตัวละครทั้งสองขึ้นมา เพื่อสะท้อนตัวตนและวีรกรรมของเหล่า Thunderbird ผู้กล้าหาญจำนวนมาก ที่ไม่อาจพรรณาได้หมดในหนังสือเพียงเล่มเดียว"
ตัวอย่างเกียรติประวัติของทหารผ่านศึกจากกองพลทหารราบที่ 45 ในสงครามโลกครั้งที่สอง เช่น :
"กาย เพรสเทีย" ชายหนุ่มชนพื้นเมืองจากเพนซิลเวเนีย เข้าร่วมกองพล Thunderbird ในแอฟริกาเหนือ ก่อนช่วงเวลาที่จะเตรียมการบุกซิซิลี
หลังจากพิชิตซิซิลีมาได้ เพรสเทียก็ร่วมขึ้นเรือสะเทินน้ำสะเทินบกไปยังซาเลอโน และอันซิโอ บนผืนแผ่นดินใหญ่ของอิตาลี การรบครั้งนี้พรากชีวิตทหารหนุ่มแห่งกองพล Thunderbird เป็นจำนวนมากในระหว่างบุกตะลุยไปสู่กรุงโรม
Guy Prestia at the Eldred World War II Museum (28 ต.ค. 2019)
เดือนเมษายนปี 1944 นายจ่าทหารเผ่า Choctaw นามว่า "ฟาน แบร์ฟุท" สร้างวีรกรรมด้วยการบุกเดี่ยว ถล่มรังปืนกล 3 รัง และจับทหารเยอรมันเป็นเชลยได้ถึง 17 นาย
วันเดียวกันนั้น แบร์ฟุทยังย้อนกลับไปจัดการรถถังไทเกอร์ของนาซีอีก 3 คัน ด้วยปืนบาซูก้า
จากผลงานอันโดดเด่น ส่งผลให้เขาได้รับเหรียญเกียรติยศแห่งรัฐสภา (Congressional Medal of Honor) และได้รับการเลื่อนยศเป็นร้อยตรีในเวลาต่อมา
Van Barfoot (เสียชีวิต 2 มีนาคม 2012)
"ผมก็รบอยู่ใกล้ๆแบร์ฟุทนั่นแหละ" เพรสเทียที่ปัจจุบันเป็นคุณปู่ยังแข็งแรงวัย 95 ปี ให้สัมภาษณ์ "เขาทำอะไรหลายต่อหลายอย่างในวันนั้น"
สองสามวันต่อมา "จ่าซัลวาดอร์ เจ. ลารา" นายทหารชาวอเมริกันเชื้อสายเม็กซิกันอีกคนในกองพล Thunderbird ก็สร้างวีรกรรมที่ทำให้เขาได้รับเหรียญเกียรติยศ "Medal of Honor"
ลาร่านำทีมไรเฟิลบุกจู่โจมฐานที่มั่นอันแข็งแกร่งของเยอรมัน สังหารข้าศึกล้มตายเป็นจำนวนมาก ในระหว่างภารกิจนั้น ลาร่าได้รับบาดเจ็บที่ขาจำนวนหลายแผล แต่เขาก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งภารกิจเสร็จสิ้น
Salvador J. Lara (คนในรูปถ่ายตรงกลาง เสียชีวิตเมื่อ 1 กันยายน 1945) ทางซ้ายมือเป็นหลานสาวของลาร่า ถือเหรียญ Distinguished Cross Medal และทางขวามือเป็นน้องชายของลาร่า ถือเหรียญกล้าหาญ Purple Heart
กลับไปที่ผู้กองสปาร์คส์ ผู้เป็นตัวละครเด่นทั้งในหนังสือและซีรี่ส์ "The Liberator"
สปาร์คส์ได้เหรียญกล้าหาญ "Silver Star" และยังเป็นนายทหารยศร้อยตรีหนึ่งในสองคนของหน่วย ที่ขอกลับไปยังแนวหน้าหลังจากได้รับบาดเจ็บสาหัสที่อันซิโอ
ภายหลังจากได้ขึ้นเป็นผู้กองแห่งกองร้อย E สังกัดกรมทหารราบที่ 157 (157th Infantry Regiment) ผู้กองสปาร์คส์ ก็ได้แสดงความเป็นผู้นำที่น่ายกย่อง ผ่านวิธีปฏิบัติต่อทหารผู้ใต้บังคับบัญชาของตน เพราะในฐานะที่เขาเติบโตในอริโซน่า ทำให้ผู้กองพอจะทราบว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่คิดอย่างไรกับ "พวกลาติน"
"ผู้กองเล่าว่า พวกนั้นถูกปฏิบัติเหมือนเป็นพลเมืองชั้นสอง ซึ่งถือว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติอย่างร้ายแรง" เคอร์ชอว์ ผู้ประพันธ์หนังสืออธิบาย
"ก่อนที่ผู้กองสปาร์คส์จะถูกส่งตัวไปรบในซาเลอโน่ ผู้กองรู้สึกกังวลมาก เอาแต่คิดว่า เด็กพวกนี้จะต้องไปตายเพื่อประเทศห่วยๆที่เคยปฏิบัติแบบนั้นกับพวกเขาน่ะหรอ? แต่หลังจากผ่านวันแรกไป ผู้กองกลับรู้สึกภาคภูมิใจในทหารใต้บังคับบัญชามาก เพราะเด็กหนุ่มเหล่านั้นพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นทหารที่เยี่ยมยอดแค่ไหน"
หลังจากถล่มอิตาลีราบคาบ กองพลทหารราบที่ 45 ก็เคลื่อนทัพสู่ฝรั่งเศสด้วยการโดยสารเรือสะเทินน้ำสะเทินบก และขึ้นพลที่ St. Maxime ซึ่งเป็นเมืองชายหาดทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงปารีส พวกเขาผลักดันกองทัพเยอรมันให้ถอยร่นกลับเข้าแนวรบของตัวเอง พร้อมกันนั้นก็ปลดปล่อยหมู่บ้านและเมืองต่างๆในฝรั่งเศสให้เป็นอิสระ รวมถึงแนวมาฌีโน (Maginot Line) ซึ่งเป็นแนวป้องกันของฝรั่งเศสตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1
เดือนมีนาคม ปี 1945 กองพลทหารราบที่ 45 ก็ทะลวงเข้าไปสู่แนวซีกฟรีด (Siegfried Line) ซึ่งเป็นแนวป้องกันทางฝั่งเยอรมัน ปะทะกับทหารเยอรมันในสมรภูมิอชัฟเฟินบวร์ค (Aschaffenburg) และนูเรมเบิร์ก (Nuremburg)
ท้ายที่สุด ในปลายเดือนเมษายน ก็ได้รับคำสั่งให้โอบล้อมแบร์ชเทิสกาเดิน (Berchtesgaden) เพื่อจับตัวอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ซึ่งตามคำสั่งดังกล่าว พวกเขาต้องผ่านสถานที่หนึ่งที่มีชื่อว่า ดาเคา (Dachau)
"พวกเราก็ไม่รู้หรอกว่าทางนั้นมันมีอะไร" แดน โดเฮอร์ตี้ ทหารผ่านศึกวัย 95 ปี ผู้เข้าร่วมกองพล Thunderbird หลังสมรภูมิ Battle of the Bulge กล่าว "ไม่มีใครบอกเราเรื่องค่ายกักกันสักนิดเดียว พวกเขาบอกแค่ว่าให้ระวังติดเหามาจากในป่าก็แค่นั้น"
"ตอนเดินเข้าไปในนั้น มันช่างเป็นความทรงจำที่เลวร้าย" โดเฮอร์ตี้ย้อนระลึกความหลัง "บนตู้รถไฟยาวสุดลูกหูลูกตา มีซากศพมนุษย์แห้งกรังนอนทับถมกัน พวกเราขวัญหนีดีฟ่อแตกกระเจิงไปคนละทาง"
และในค่ายกักกันดาเคานี่เองที่สปาร์คส์ (ซึ่งเวลานั้นเลื่อนยศเป็นพันโทแล้ว) ได้รับการยกย่องจากผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างสูงสุด เพราะความกล้าที่จะยืนหยัดเคียงข้างลูกน้องของตนเอง
ในเวลานั้น พลตรีเฮนนิง ลินเดน นำกองพลทหารราบที่ 42 เข้าสำรวจค่ายดาเคาในเวลาเดียวกับกองพันที่ 3 แห่งกรมทหารราบที่ 157 ของสปาร์คส์
Major General Henning Linden
เมื่อนายทหารทั้งสองพบกันภายในค่าย ลินเดนพยายามเข้าควบคุมสถานการณ์ และทำตัวเป็นผู้นำที่มาปลดปล่อยพวกเชลย ทางฝ่ายสปาร์คส์ก็ไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น เขาแจ้งนายพลว่า ตนได้รับคำสั่งให้ควบคุมดูแล ห้ามคนเข้าออกค่ายนี้ และสั่งให้พลทหารนายหนึ่งถือปืนคุมนายพลไปส่งที่นอกค่าย
General Henning Linden, assistant commanding general, 42nd Rainbow Infantry Division, gives directions to his troops from the parapet of the bridge at the Jourhaus at the entrance to the Dachau concentration camp.
"ลินเดนฟาดไม้ที่ใช้สำหรับบังคับม้าใส่หมวกของพลทหารนายนั้น ความจริงนายพลก็ไม่ได้ตีแรงอะไรนักหรอก แต่มันทำให้สปาร์คส์ ยัวะถึงขีดสุด วินาทีนั้นสปาร์คส์ก็ชักปืนพกเล็งไปที่ศีรษะของนายพลแล้วพูดว่า
...ถ้าแตะต้องคนของผมอีกแม้แต่คนเดียว ผมจะยิงท่านที่นี้ ตอนนี้...
หลังจากนั้น สปาร์คส์ก็กลายเป็นดั่ง God ของทหารใต้บังคับบัญชา" บางส่วนบางตอนจากหนังสือของเคอร์ชอว์
ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจสงคราม สปาร์คส์เข้าร่วมโครงการ G.I. Bill ของรัฐบาล ที่สนับสนุนการศึกษาอบรมวิชาชีพให้แก่ทหารผ่านศึก เขากลายเป็นทนายความ และทำงานในศาลสูงแห่งโคโลราโด
นอกจากนั้นแล้ว สปาร์คส์ยังรณรงค์เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน เป็นกระบอกเสียงต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติในอเมริกา และเป็นพยานบอกเล่าเรื่องราวของค่ายกักกันที่ประสบพบเจอด้วยตนเอง
สปาร์คส์เสียชีวิตในปี 2007
"ผมนับถือเขาในแบบที่ไม่เหมือนกับฮีโร่ทหารผ่านศึกคนอื่น" เคอร์ชอว์กล่าว "ผมเคารพในความแข็งแกร่ง จิตวิญญาณ ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันของเขา สปาร์คส์เป็นฮีโร่ที่พูดจริงทำจริง เป็นแม่ทัพตัวร้าย ผู้นำกองทัพที่มีแต่ชนพื้นเมืองอเมริกัน ชาวอเมริกันเชื้อสายเม็กซิกัน พวกคาวบอยจนๆ และพวกเด็กหนุ่มเหลือขอ เขาเปลี่ยนให้คนเหล่านั้นกลายเป็นกองทหารสุดแกร่งที่สามารถปราบนาซีจนราบคาบ"
เพรสเทียประทับใจในตัวสปาร์คส์เช่นกัน เขาเล่าถึงเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศส ทหารหลายนายถูกเยอรมันยิงได้รับบาดเจ็บ สปาร์คส์ก็รีบเข้าไปในแนวหน้าของการรบเพื่อพาทหารของตนออกมา ทั้งๆที่เวลานั้นเขาเป็นผู้บังคับกองพันแล้ว
"เขาวิ่งไปในที่โล่งในวิถีกระสุนของรังปืนกลพอดี พวกนั้นก็เห็นเขาแล้วล่ะ แต่ผู้บังคับบัญชาของพวกเยอรมันบอกกับลูกน้องว่า ...ถ้าเห็นนายทหารคนไหนเสี่ยงตายเข้ามาช่วยทหารของตัวเองแบบไอ้หมอนี่อีกล่ะก็ อย่าไปยิงมันเสียล่ะ ปล่อยไปเถอะ...
สปาร์คส์คือ Thunderbird ตัวจริง จิตวิญญาณของเขาไม่ต่างอะไรกับพญานกตัวนั้น ที่มุ่งมั่นยืนยันจะใช้พลังของความดีต่อต้านกับวิญญาณชั่วร้าย ไม่ว่าจะเป็นตายอย่างไร เขาให้ความเคารพ และรักผู้ใต้บังคับบัญชาเหมือนคนในครอบครัว เขาไม่มีวันทิ้งลูกน้องไว้ข้างหลัง"
"The Liberator" ฉายทาง Netflix พร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 11 พฤศจิกายน หรือตรงกับวันทหารผ่านศึกนั่นเอง
โฆษณา