16 พ.ย. 2020 เวลา 07:46 • ปรัชญา
## "การเรียนรู้" และ "ปรับตัว" เป็นสิ่งที่ทำให้จีนกำลังจะกลับไปครองที่หนึ่งอีกครั้ง##
.
.
ย้อนกลับในสมัยจักรพรรดิเฉินหลงปี 1735-1796 จีนถือได้ว่าจีนเป็นประเทศที่มี GDP "เป็นอันดับ 1 ของโลก"
.
.
และเมื่อถึงสมัยของพรรดิเจียชิ่งผู้เป็นลูกและได้ขึ้นชื่อว่าเป็นจักรพรรดิที่ประเสริฐที่สุดของจีน กลับทำให้จีน "ตกต่ำ" และ "แพ้" อย่างราบคาบในสงครามฝิ่น
.
.
ทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้นไปได้ล่ะ?
.
.
สาเหตุที่เป็นอย่างนั้นไม่ได้เกิดจากจักรพรรดิเจียชิ่งไม่ดี แต่เกิดจากการยึดถือรูปแบบเดิมๆ มองว่าแผนการเดิมๆ ที่เคยนำมาใช้แล้วเห็นผลดี จะนำมาใช้ใหม่แล้วได้ผลดีเหมือนเดิม
.
.
อีกทั้งในปลายสมัยจักพรรดิเฉินหลง ที่ได้ปฏิเสธการค้ากับอังกฤษ มองว่าสิ่งประดิษฐ์ของอังกฤษในยุคนั้นเป็น "ของไร้สาระ" และไม่ได้สนใจในการเปลี่ยนแปลงของชาติอื่นๆ
.
.
และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้จีนที่ เคยอยู่ "สูงที่สุด" ลงไปอยู่ใน "จุดที่ต่ำที่สุด"
.
.
แต่ตอนนี้จะไม่เป็นอย่างนั้นอีกแล้วเพราะ
"จีนกำลังจะกลับขึ้นมามี GDP เป็นอันดับ 1 ของโลก" ที่ตอนนี้เป็นรองเพียงแค่ "สหรัฐอเมริกา"
.
.
"จีนกำลังจะขึ้นเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี"
มีทั้งระบบ AI ที่สามารถใช้งานได้จริงในประเทศ
.
.
"จีนกำลังจะก้าวเป็นประเทศที่มีแหล่งข้อมูลที่มากที่สุดในโลก" จากแพลตฟอร์มออนไลน์ของจีน ที่เก็บข้อมูลได้แม้กระทั่งชาวต่างชาติอย่างคนไทย
.
.
และในอนาคตอันใกล้จีนกำลังจะขึ้นเป็น "ผู้นำทางอุตสาหกรรม " จีนสามารถผลิตดาวเทียม ผลิตเครื่องบินเพื่อใช้เองและขายเพื่อทำเงินให้ประเทศ และสิ่งอื่นๆอีกมากมายที่ส่งขายไปทั่วโลก
.
.
จีนได้ลบความความ "ล้าหลัง" "ความไม่ทันสมัย" ออกไปจากจีนจนแทบจะหมดเกลี้ยงแล้ว
.
.
เพราะว่าจีนยุคนี้ "เรียนรู้จากข้อผิดพลาด" และ "ต่อยอด" จากสิ่งที่ดี ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้จีนพัฒนาประเทศไปได้ไวแบบมองไม่เห็นฝุ่น
.
.
และเพื่อนๆคิดว่า จีนจะใช้เวลาอีก "กี่ปี" ถึงจะกลับมามี GDP เป็นอันดับที่ 1 เหมือนเดิมคะ?
.
.
แนน...จากเพจเจาะจีน
.
#จีน #เจาะจีน #ประวัติศาสตร์จีน
โฆษณา