Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สัญชัย ปอปลี - Sanjay Popli
•
ติดตาม
17 พ.ย. 2020 เวลา 14:29 • การศึกษา
#SPspoiler วิชาผู้ประกอบการ (ตอนที่ 2): การตั้งคำถาม การให้คุณค่า และการหาโอกาส
1
.
1
หลังจากที่ผมได้แนะนำให้รู้จักกกับหลักสูตร IDE Thailand มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย UTCC ไปในบทความก่อนหน้า และเราก็ได้พูดถึงหลักการ 3 EX’s (Explore, Experiment, และ Execute) ภายใต้แนวคิด 3 ข้อ ได้แก่ See Different, Think Big, และ Act Small ไปแล้ว วันนี้ผมจะมาสปอยล์เนื้อหาในส่วนที่ 2 ซึ่งเราให้นักศึกษาลองไปสัมภาษณ์เกี่ยวกับชีวิตและมุมมองของบุคคลอื่น (รุ่นพี่นักศึกษาชั้นปีที่ 3) เพื่อหาเรื่องราวหรือแง่มุมที่น่าสนใจมานำเสนอครับ
.
อ่านบทความก่อนหน้า: SP spoiler วิชาผู้ประกอบการ (ตอนที่ 1)
https://web.facebook.com/…/a.1149736270279…/141628714362423/
------
❓ ตั้งคำถาม ❓
แน่นอน การที่เราจะไปสัมภษณ์เรื่องราวชีวิตใคร เราก็ควรที่จะต้องมีการทำการบ้านและเตรียมคำถามไปถามเขา ถูกไหมครับ
.
ในชีวิตจริง เราสามารถตั้งคำถามได้หลายแบบ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการถามและแต่ละบริบทของสถานการณ์ ยกตัวอย่างเช่น
การถามแบบ #WhQuestion #5W1H : ใคร (who), ทำอะไร (do what), ที่ไหน (where), เมื่อไหร่ (when), ทำไม (why) และ อย่างไร (how)
การถามคำถาม Yes/No ให้ผู้ให้สัมภาษณ์ตอบว่าคำถามที่เรายิงไป ถูกหรือผิด ใช่หรือไม่ใช่
การถามโดยให้อีกฝ่ายเล่าเรื่องราวหรือทบทวนความทรงจำ
1
การถามโดยให้ผู้ให้สัมภาษณ์ลองเปรียบเทียบพฤติกรรมของตัวเองในอดีตกับตัวเองในปัจจุบัน และคาดการณ์ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตรูปแบบต่าง ๆ
1
การถามโดยใช้คำถามก่อนหน้าเป็นตัวตั้งเพื่อส่งให้เกิดคำถามให้ตอบขยายความเพิ่มเติม อธิบายเหตุผล หรือยกตัวอย่าง โดยใช้คำว่า “ทำไม” เป็นการเชิญชวนให้คิด
.
เมื่อมองในฐานะของคนถาม แน่นอน เราต้องการที่จะได้ข้อมูลที่เพียงพอและครบถ้วนมากที่สุดภายในเวลาจำกัด นี่เอง จึงอาจเป็นการบังคับกลาย ๆ ให้เราต้องทำการบ้านและอาจต้องมีการเตรียมชุดคำถามไว้ก่อนล่วงหน้ามาเจอผู้ให้สัมภาษณ์
.
นอกจากนี้ ในกรณีที่เราต้องไปสัมภาษณ์คนอื่น ๆ ที่คล้ายกันต่อ เรายังสามารถพัฒนารูปแบบและชุดคำถามของเราได้โดยการเก็บ feedback จากผู้ให้สัมภาณ์คนปัจจุบันด้วยเทคนิค “สองคำถามสุดท้าย” นั่นคือ การถามว่า “มีคำถามสำคัญอะไรที่เรายังไม่ได้ถามอีกไหม?” และ “ช่วยแนะนำคนที่ควรไปสัมภาษณ์ต่อได้ไหม?”
.
การไปนั่งฟังเรื่องราวชีวิตของพี่ปี 3 อาจดูเป็นกิจกรรมที่น่าเบื่อของนักศึกษาบางคน แต่แท้จริงแล้ว กิจกรรมนี้จะทำให้ผู้เรียนได้รู้จักกับหนึ่งในเครื่องมือชิ้นสำคัญของการคิดแบบผู้ประกอบการ ซึ่งนั่นก็คือ “การถาม” หรือถ้าพูดให้เจาะจงกว่านั้น คือ การเรียนรู้ “#วิธีตั้งคำถาม” นั่นเอง
1
------
⭐ ให้คุณค่า ⭐
มีอะไรบ้างที่คนอื่นมองว่าไร้ค่า แต่คุณกลับมองว่ามันมีค่า?
คำถามนี้น่าจะจุดประเด็นให้ทุกคนเห็นว่า “คุณค่า” ที่แต่ละคนให้ กับ “มูลค่า” ราคาที่ป้ายติดไว้ มันอาจไม่เท่ากัน เราจะยิ่งเห็นความต่างของสองคำนี้ชัดเจน เมื่อหันมามองสิ่งสิ่งเดิมด้วยคุณค่าด้านการใช้งาน (Function) เทียบกับ คุณค่าทางอารมณ์ (Emotion)
ประเด็นเรื่องคุณค่าเนี่ย มีเรื่องให้คุยกันได้ยาวเลยนะครับ ยกตัวอย่างเช่น
.
⭐ คุณค่า ราคา คุณสมบัติ
แม้ว่าน้ำดื่มทุกยี่ห้อจะดับกระหายได้เหมือนกัน แต่ทำไมคนหนึ่งถึงเลือกยี่ห้อหนึ่ง ส่วนอีกคนเลือกอีกยี่ห้อ ทำไมคนถึงยอมซื้อของแบบเดียวกันในราคาที่แพงกว่า และถึงแม้ว่าราคาจะมีผลต่อการตัดสินใจก็จริง แต่เมื่อราคาของสองสิ่งเท่ากัน ทำไมคนถึงยังตัดสินใจเลือกต่างกัน นั่นก็อาจเป็นเพราะคุณค่าของสินค้าอาจไม่ได้ถูกนำเสนอผ่านราคาของมันเสียทั้งหมด
1
.
⭐ ละครไทยชอบให้พระเอกตอบว่า “ระหว่างเมียกับแม่ คุณจะเลือกอะไร” จริง ๆ แล้วคำถามนี้ มันก็เหมือนกับถามว่า “ระหว่างเดินทางไปเชียงใหม่ กับกินก๋วยเตี๋ยวไก่ใส่ถั่วงอกเยอะ ๆ คุณจะเลือกอะไร” นั่นแหละ
หลาย ๆ ครั้ง เรามักจะหลงไปเปรียบเทียบสิ่งที่มันเทียบกันไม่ได้ หรือไม่ควรนำมาเทียบกันอยู่บ่อย ๆ ประเด็นเรื่อง Value Conflict จึงมักจะเป็นหลุมพรางที่ทำให้ทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการปวดหัวกันอยู่เสมอ ๆ
1
.
⭐ ไม่เฉพาะการเปรียบเทียบระหว่างของคนละอย่างเท่านั้นที่เป็นปัญหา หลาย ๆ ครั้ง เรายังต้องต่อสู้กับความย้อนแย้งและการถกเถียงภายในตัวเองอีกด้วย (Internal Value Conflict) เช่นว่า จะซื้อหรือไม่ซื้อดี ตัดช้อยส์อื่นออกไปหมดแล้วนะ แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ซักที ถ้าซื้อไปแล้วจะใช้คุ้มไหมนะ นี่มันก็ดูจะมีประโยชน์ดีนะ แต่แล้วยังไงล่ะ เป็นประโยชน์ระยะสั้นหรือระยะยาว เป็นประโยชน์ส่วนตัวหรือประโยชน์ส่วนรวม ฯลฯ
.
⭐ ถ้าถูกใจจะไม่มีคำว่าแพง เพราะในโลกใบนี้ คำว่าแพงไม่เคยมีอยู่จริง ถ้าเราเห็นว่าสิ่งที่เราจ่ายไปนั้นมัน “คุ้มค่า” …ว่าแต่ว่า…จริงหรือ?
1
เราคงต้องกลับมาสำรวจความเห็นของตัวเองและคนรอบข้างอีกทีแล้วว่า “ความคุ้มค่า” ที่เราหมายถึง คืออะไร (ต่อให้ไม่นับประเด็นที่ว่า ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามาร afford หรือมีกำลังซื้อสิ่งเดียวกันนั้นได้นะ) เราก็ยังต้องมาทำความเข้าใจกับคำว่า “คุ้ม” และคำว่า “แพง” อยู่ดี
.
จากตัวอย่างประเด็นชวนปวดหัวทั้งหมด คุณค่า (value) จึงเป็นหัวข้อนามธรรมอันเป็นปัจเจก แตกต่างกันไป เฉพาะแต่ละบุคคล ดังนั้น อย่าเหมารวมว่า ของแบบเดียวกันจะให้คุณค่ากับทุกคนเหมือนกัน หรือคนแบบเดียวกันจะให้ความสำคัญกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเท่ากัน
คำถามต่อมา (ในฐานะของผู้ประกอบการ) จึงไม่ใช่การมาถามว่า "งั้นจริง ๆ แล้ว คุณค่าแปลว่าอะไร?" หรือ “คุณค่าสำคัญอย่างไร?” หากแต่ควรเป็น “ถ้าไม่เข้าใจเรื่องคุณค่าแล้ว จะเกิดอะไรขึ้น?” ต่างหาก เพราะนี่แหละ คือจุดเริ่มต้นของการตั้งโจทย์ในฐานะผู้ประกอบการ
.
นักไวโอลินคนหนึ่งอาจได้รับเสียงชื่นชมก้องโรงละคร แต่นักไวโอลินคนเดียวกันนี้อาจจะไม่ได้รับแม้แต่เสียงปรบมือด้วยซ้ำ หากเขาย้ายไปแสดในสถานีรถไฟฟ้าช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะเค้าเก่งหรือไม่เก่ง แต่ประเด็นคือ ผู้ฟัง ณ ตรงนั้น ให้ค่าฝีมือของเขามากแค่ไหนต่างหาก ดังนั้น มันจึงไม่ได้สำคัญว่า คุณนำเสนออะไรให้ผู้อื่น แต่มันอยู่ที่ว่า คนที่ได้รับ เขาได้รับอะไรจากคุณต่างหาก
1
.
เพราะฉะนั้น คุณค่า (value) จึงเป็นสิ่งจำเพาะที่คนคนหนึ่งให้ความสำคัญ “จริง ๆ” กับสิ่งนั้น ๆ ให้ความสำคัญมากไปกว่าแค่ function จริง ๆ ของมัน หากแต่รวมไปถึงคุณค่าทาง emotion ซึ่งอาจมองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ในฐานะผู้ประกอบการ เราจึงต้องขุดลงไปให้ลึกถึงในจิตใจของผู้คน เพราะในบางครั้ง เราอาจจะต้องเจอกับลูกค้าที่เจ้าตัวก็อาจจะยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจริง ๆ แล้วตัวเองให้คุณค่ากับอะไร
.
ถ้าเราเข้าใจเรื่อง value ได้อย่างลึกซึ้งและจำเพาะเจาะจง เราจะตอบโจทย์ของลูกค้าได้ตรงจุดยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าเรา (ผู้ประกอบการ บริษัท นักศึกษา อาจารย์ หัวหน้า ลูกน้อง รัฐบาล ฯลฯ) มักไม่ค่อยพยายามทำความเข้าใจเรื่องนี้อย่างจริง ๆ จัง ๆ กันเสียเท่าไหร่ เพราะคิดว่าตัวเองเข้าใจแล้ว จึงกระโดดเข้าไปหาคำตอบ (jump to the conclusion) เลย และในท้ายที่สุด ก็มักจะพบว่า ที่ทุ่มเทลงไปทั้งหมดนั้น มันไม่ตอบโจทย์
-----
🤔 หาโอกาส 🤔
กลับมาที่แนวคิด 3 ข้อของเรา อันได้แก่ มองต่าง-คิดใหญ่-ลองทำ (See Different, Think Big, Act Small) ผู้ประกอบการที่มองเห็นและเข้าใจทั้งปัญหาและคุณค่าของกลุ่มเป้าหมาย มีทรัพยากรเพียงพอ และสามารถหาวิธีมาแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ จะมี “โอกาส” ที่การประสบความสำเร็จ
1
.
โมเดลธุรกิของ 7-11 ในฐานะร้านสะดวกซื้อที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงนั้น เค้าคงไม่ได้คิดมาตั้งแต่แรกหรอกว่าจะเปิดทั้งวันทั้งคืน เพราะมันก็มีสาขา อย่างที่เปิดเป็นร้านเล็ก ๆ หน้าคณะในมหาวิทยาลัยที่จะเปิดตอนเช้าและปิดตอนเย็น แต่เขาเพียงแค่ต้องการจะเปิดทำการในเวลาที่ลูกค้าต้องการซื้อของเท่านั้นเอง แต่ในเมื่อเขาไม่รู้ว่าลูกค้าจะมาเมื่อไหร่ มันจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่เขาจำเป็นจะต้องเปิดร้านตลอดเวลา นี่เป็นวิธีการและวิธีคิดของ 7-11 ในฐานะผู้ประกอบการที่มองเห็นคุณค่าและปัญหาเรื่อง "ความสะดวก" ที่ลูกค้าต้องการซื้อสินค้าปลีกสำหรับใช้อุปโภคบริโภคในเวลาที่อาจไม่สามารถหันไปหาที่ไหนได้ และเมื่อผู้ประกอบการเห็นว่าว่าตนเองมีทรัพยากรและศักยภาพเพียงพอที่จะตอบโจทย์ตรงจุดนี้ได้และเลือกที่จะลงมือทำ ผลลัพธ์จึงเกิดขึ้นอย่างที่เห็น
.
ดังนั้น การจะคิดแบบผู้ประกอบการ เราจะต้องตอบคำถามที่ตัวเองตั้งขึ้นให้ได้ว่า คุณค่าที่แท้จริงที่ลูกค้าของเรายึดถือคืออะไร ซึ่งนี่ถือว่าเป็นโจทย์ที่ยาก เพราะมันเป็นโจทย์ที่เราต้องเป็นคนถามตัวเองและหาคำตอบให้ได้ด้วยตัวเอง
เพราะฉะนั้น:
📌 วิธีการตั้งคำถามที่ดีจึงเป็นข้อสำคัญที่จะต้องมาก่อนวิธีการหาคำตอบที่โดน
📌 ผู้ประกอบการจะต้องตั้งคำถามให้ตัวเอง ไม่ใช่แค่รอที่จะตอบจากคนอื่น
1
📌 คำตอบที่ใช่ คือการหาวิธีการมาแก้ปัญหาได้ นี่ต่างหากจึงจะเรียกว่า “นวัตกรรม” หรือก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากแนวคิดใหม่ ๆ (ไม่ใช่แค่เรื่องของการผลิตเทคโนโลยี)
📌 การคิดแบบ IDE ไม่เชื่อว่า บนโลกนี้จะมีคำตอบที่ถูกต้องเพียงแค่คำตอบหรือหนทางเดียว เราจึงเน้นให้คุณ “ตั้งคำถามให้เป็น” และกล้าที่จะ “ทดลองเพื่อหาคำตอบ”
.
นี่จึงเป็นการขมวดรวมกันของ
Think Big (bigger than it is): คิดให้ใหญ่ มองให้ไกล มองหาความเป็นไปได้ (what if…?)
See Different: ลองมองในมุมที่ต่างออกไป และเมื่อสงสัยก็ให้ลองตั้งคำถามว่า ทำไม ดู (why?)
Act Small: และเพื่อที่จะพิสูจน์ว่าสิ่งที่ตัวเองคิดเป็นจริงหรือไม่ จึงต้องทดลองลงมือทำ ไม่ไต้องยิ่งใหญ่ก็ได้ แค่เพียงให้รู้และได้ลอง
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่การสปอยล์เนื้อหา ยังมีรายละเอียดอีกมากที่ถูกละเอาไว้ หากว่าทุกคนมีความเห็นอย่างไร ก็ลองมาแลกเปลี่ยนกันดูครับ
#IDE #Entrepreneurship
7 บันทึก
21
1
7
7
21
1
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย