23 ม.ค. 2021 เวลา 04:07 • บันเทิง
ทฤษฎีสมคบคิด
ชื่อDan Brownนี้ถ้าเป็นคอหนังหรือหนอนหนังสือคงต้องรู้จักเป็นอย่างดีเพราะเขาคือนักเขียนระดับเบสต์เซลเลอร์ หลายเรื่องหลายเล่มเป็นที่นิยมอ่านกันในวงกว้าง แปลกันมากมายหลายภาษารวมทั้งภาษาไทยด้วย
cr. danbrown.com Dan Brownครับ
งานของDan Brownจะเป็นงานแนวแอ็คชั่นระทึกขวัญ มีเหตุผลข้อมูลแน่น งานที่ขึ้นชื่อสุดๆของDan Brownก็คือThe Da Vinci Code ที่มีตัวละครชื่อ ศจ.โรเบิร์ต แลงดอนเป็นตัวเอก ในหนังสือชุดนี้จะประกอบด้วย
Angels & Demons เทวากับซาตาน
The Da Vinci Code รหัสลับดาวินชี
The Lost Symbol สาส์นลับที่สาบสูญ
Inferno สู่นรกภูมิ
Origin ออริจิน
cr.google.com ฉบับภาษาอังกฤษ
มีแปลภาษาไทยทุกเล่มครับ
cr. google.com ตัวอย่างฉบับแปลไทยครับ
ส่วนภาพยนตร์ก็มี2เล่มแรกกับInfernoครับที่ทำเป็นหนังออกฉาย มีคุณทอม แฮงค์สวมบทเป็นศจ.โรเบิร์ต แลงดอน สนุกดีแต่อ่านหนังสือสนุกกว่าครับ
cr. amazon.com ฉบับภาพยนตร์ครับ
หนังสือในซีรี่ย์นี้เรื่องที่ดังที่สุดก็คือเรื่องThe Da Vinci Code ซึ่งDan Brownก็เขียนได้สนุกเร้าใจ บันเทิงมาก แถมด้วยข้อมูลที่น่าสนใจอยู่2เรื่องคือเรื่องของทายาทพระเยซูกับเรื่องอัศวินเทมปลาร์(The Knights Templar)
เรื่องแรกเป็นทฤษฎีที่พูดถึงว่าพระเยซูมีทายาทและยังคงสืบเชื้อสายมาจนทุกวันนี้ ส่วนเรื่องถัดมาอัศวินเทมปลาร์ก็คือผู้กำความลับและคอยคุ้มครองทายาทของพระเยซู(เรื่องนี้มีในหนังสือ ผมไม่ได้กล่าวอ้างลอยๆครับ)
อ่านแล้วรู้สึกว่ามันเป็นจริงเป็นจังมากจนต้องคล้อยตามเนื้อเรื่องเสียด้วย
เมื่อจะพูดถึงทฤษฎีที่ว่าพระเยซูท่านมีทายาทนั้นก็ให้นึกถึงหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาติดหมัด
The Holy Blood and The Holy Grail
cr. wikipedia.org
หนังสือเล่มนี้เขียนโดยMichael Baigent, Richard LeighและHenry Lincoln ตีพิมพ์ราวปี1982 เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับทฤษฎีหรือความเชื่อที่ว่าองค์พระเยซูนั้นท่านมีทายาทที่เกิดกับแมรี่ แม็กดาเลน และเรื่องนี้จัดเป็นความลับที่เปิดเผยไม่ได้เพราะอาจจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ท่านได้
หนังสือจะเล่าถึงว่าเหล่าทายาทของท่านได้รับการปกป้องเป็นอย่างดีจากกลุ่มอัศวินเทมปลาร์และโยกย้ายไปอยู่ที่ฝรั่งเศส เมื่อเติบโตก็ได้สมรสกับผู้ที่จะกลายเป็นกษัตริย์ของฝรั่งเศสในเวลาต่อมาคือพวกราชวงศ์Merovingian และเล่าลือกันว่าสายเลือดนี้ก็ยังคงอยู่มาถึงปัจจุบันนี้ด้วย
ผมไม่แน่ใจว่าแนวความคิดนี้มีความเป็นจริงขนาดไหน แต่เอาเป็นว่าDan Brownได้นำเอาแนวคิดเรื่องนี้มาใส่ในเรื่องThe Da Vinci Codeเต็มเหนี่ยวเลยล่ะครับ
พอพูดถึงอัศวินเทมปลาร์ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องนี้ครับ Foucault's Pendulum โดย Umberto Eco อ้อ เรื่องนี้ไม่มีใครแปลนะครับ แต่อ่านง่าย เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน
cr. google.com
เรื่องนี้จะพูดถึงเรื่องราวของอัศวินเทมปลาร์เป็นส่วนใหญ่ว่าเป็นใครมาจากไหน มีความสำคัญอย่างไรบ้าง และที่สำคัญคืออัศวินเทมปลาร์เก็บงำความลับอะไรไว้กันแน่
เมื่อเป็นงานของUmberto Eco ไอ้เรื่องที่จะเป็นการเขียนลอยๆอิงประวัติศาสตร์บางๆคงจะไม่ใช่ มันเต็มไปด้วยเนื้อหาทางประวัติศาสตร์ที่หนักแน่นและแน่นอนสอดแทรกไปด้วยแนวทางของทฤษฎีสมคบคิดแบบเนียนๆและแยบยลเป็นที่สุด
เปิดเรื่องมาด้วยการที่ตัวละครเอกกำลังเข้าตาจนอยู่ในหอดูดาว กำลังถูกล้อมไล่ล่าด้วยกลุ่มคนที่คลั่งไคล้ในเรื่องอัศวินเทมปลาร์ นั่งพักแล้วแฟลชแบ็คเรื่องราวในอดีต
ตัวเอกกับเพื่อนร่วมงานอีกสองได้เอกสารโบราณที่บันทึกตัวเลขบางอย่างไว้ ทั้งสามได้วิเคราะห์และตีความไปต่างๆนานา แต่สิ่งที่ทั้งสามคิดตรงกันก็คือมีความเป็นไปได้ที่เอกสารนี้น่าจะเป็นข้อความหรือรหัสลับที่เหล่าอัศวินเทมปลาร์ใช้สื่อสารกัน หลังจากที่ค้นคว้าอยู่พักใหญ่ตัวเอกจึงได้รู้ว่าแนวความคิดของพวกเขามีคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่เชื่อและคลั่งไคล้เรื่องนี้คอยติดตามพวกเขาอยู่อย่างจดจ่อ
ความน่าสะพรึงไม่ได้อยู่ที่ว่าบันทึกหรือรหัสลับนี้คืออะไร แต่มันอยู่ที่ความบ้าคลั่งของคนที่เชื่อและพร้อมที่จะทำตามในสิ่งที่ตนเองเชื่อต่างหาก
นั่นคือสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในเรื่อง
ทั้งสามเรื่องที่ยกตัวอย่างมานี้เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับทฤษฎีสมคบคิด ใช่ครับ มันก็แค่ทฤษฎีอันหนึ่งซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ามันเป็นจริงหรือแค่ลอยๆ แต่มันดันมีคนเชื่อและพร้อมที่จะทำตามความเชื่อนั้น
การเชื่ออย่างไร้สติพาให้ตัวละครหลายตัวในเรื่องพบกับจุดจบที่น่าอนาถเพียงเพราะว่าตัวละครตัวนั้นรู้ว่าความเชื่อนั้นมันเป็นจริงหรือไม่จริง และกว่าที่ตัวละครเหล่านั้นจะตระหนักว่าเป็นเรื่องอันตรายที่หาญไปต่อกร เปลี่ยนแปลงความคิดหรืออธิบายความเป็นจริงกับความเชื่อของคนกลุ่มนั้นๆ รวมทั้งการจะจัดการอะไรมันก็แทบสายเกินกว่าจะแก้ไขเยียวยาทุกอย่างแล้ว
เพียงเพราะความเชื่ออย่างไม่ลืมหูลืมตาเพียงอย่างเดียวเท่านั้นจึงทำให้เกิดโศกนาฏกรรมกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
ความเรียงของผมพอว่ามาถึงตรงนี้ก็ให้ไพล่นึกไปถึงตอนสมัยเรียนปริญญาตรี
เพื่อความสมบูรณ์ของความเรียงนี้
นี่คือประโยคที่นึกถึงครับ
People want to see or hear what they want to see or hear.
ทุกคนอยากได้ยินและได้ยลในสิ่งที่ตัวเองอยากได้ยลและได้ยิน.
อาจารย์ของผมได้กล่าวไว้ในวิชาจิตวิทยาเบื้องต้น
และผมก็เห็นด้วยกับมันครับ
โฆษณา