รู้จักวิธีการวัดปริมาณน้ำฝน
เคยสงสัยไหม...เวลาชมข่าวพยากรณ์อากาศ เรามักจะได้ยิน ผู้ประกาศข่าว
แจ้งปริมาณน้ำฝนในแต่ละวัน ฝนตกเล็กน้อย ปานกลาง ตกหนัก กรมอุตุนิยมวิทยา
แบ่งเกณฑ์การวัดอย่างไร และเราต้องทราบปริมาณน้ำฝนไปเพื่ออะไร...
อย่างที่ทราบกันดีว่า การวัดน้ำฝน เป็นส่วนหนึ่งของการพยากรณ์สภาพอากาศ เพราะปริมาณน้ำฝนในแต่ละวัน จะเป็นตัวชี้วัดได้ว่า พื้นที่แบบไหน เหมาะแก่การ
ทำการเกษตร หรือพื้นที่ฝนตกน้อย เสี่ยงต่อภัยแล้งที่จะตามมา และเพื่อแจ้งให้ชาวบ้านและเกษตรกร เตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นได้ทันท่วงที
การตรวจวัดปริมาณน้ำฝน ถือเป็นการตรวจวัดความสูงของน้ำฝนที่ตกลงบนพื้นที่ ซึ่งมีหน่วย เป็นหน่วยความสูง เช่น มิลลิเมตร นิ้ว เป็นต้น ส่วนการตรวจวัดใช้เครื่องมือ
วัดปริมาณน้ำฝน (Rain Gauge) ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
1. เครื่องมือวัดปริมาณน้ำฝนแบบธรรมดาหรือแบบไม่บันทึก (Non-recording
Rain Gauge)
2. เครื่องมือวัดปริมาณน้ำฝนแบบบันทึก (Recording Rain Gauge)
1.เครื่องมือวัดปริมาณน้ำฝนแบบธรรมดาหรือแบบไม่บันทึก (Non-recording Rain Gauge)
ประกอบด้วยขาตั้ง (Support) เพื่อรองรับถังรูปทรงกระบอกใหญ่ (Overflow Can)
ที่มีกรวยรองรับน้ำฝน (Collector หรือ Receiver) เส้นผ่าศูนย์กลางขนาดมาตรฐาน
8 นิ้ว วางซ้อนทับอยู่ โดยปลายกรวย ใส่ลงในถังรูปทรงกระบอกเล็ก ที่บรรจุภาย
ในถังรูปทรงกระบอกใหญ่ (Overflow Can) น้ำฝนเมื่อตกลงในกรวยรองรับแล้ว จะ
ไหลลงเก็บไว้ไปในถังทรงกระบอกเล็ก เพื่อรอการตรวจวัดในเวลาประมาณ 07.00 น. ของแต่ละวัน โดยเจ้าหน้าที่จะทำการเทปริมาณน้ำฝน จากถังทรงกระบอกเล็ก
ใส่แก้วตวง ซึ่งจะมีขีดแสดงขนาดการวัด (Scale) ขีดละ 0.1 มิลลิเมตร โดยหนึ่งแก้วตวง วัดปริมาณน้ำฝนได้ 10 มิลลิเมตร