20 พ.ย. 2020 เวลา 08:01 • สุขภาพ
คุณ..บูลลี่คนข้างๆ คุณอยู่หรือเปล่า??
สิ่งที่อยากให้ลองคิด จริงๆ แล้ว เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเขียนโพสต์นี้ขึ้นมาเลยก็คือ คำพูดบางคำที่ไม่ได้ดูจะเป็นการบูลลี่ (Bully) หรืออาจจะไม่ใช่การบูลลี่ แต่มันส่งผลได้ไม่ต่างกัน
1. การพูดว่า ใครสักคน เหมือนกับคนคนนึง ที่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบ
2. การยัดเยียดความสนิทให้กับคนที่เขาไม่ชอบ (เจอกันบ่อยๆ) เช่น แฟนมุงมาละ น้องสุดที่รักมุงมาละ แม่มุงอ่ะ ซึ่งคนเหล่านั้น ไม่ใช่ญาติกุ และกุก็ไม่ได้อยากนับญาติด้วย
ดูจะเป็นเรื่องเล็กเนอะ..
แต่เราอยากให้ลองย้อนคิดว่า ทุกคนต่างอยากได้การยอมรับในแบบของตัวเองเสมอ การที่คุณเอาคนคนนึงไปเปรียบเทียบกับใครสักคน ถ้าเปรียบเทียบในทางชื่นชมมันอาจจะส่งผลดี แต่ถ้าเปรียบกับคนที่เจ้าตัวเขาไม่ได้รู้สึกชอบ หรือไม่ปลื้ม ไปจนกระทั่งมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดี มันแย่มากเลยนะ..
การที่เราโดนบอกว่า เห้ย แต่งตัวแบบนี้แล้วเหมือนคนนั้นจังเลยวะ
ต่อให้เขากับคุณจะสนิทกันมากแค่ไหน เขาก็จะรู้สึกแย่ เราเองอยากเป็นคนในแบบที่ตัวเองเป็น เข้าใจในความอยากพูด แต่บางเรื่อง ก็ต้องปล่อยผ่านได้บ้าง
ส่วนการยัดเยียดความสนิทเนี่ย ลองคิดนะ คุณรู้ทั้งรู้ว่าเราไม่ชอบคนคนนึง แต่คุณไม่มีทางรู้เลยว่าเลย์เยอร์ของความไม่ชอบคืออะไร คุณจะเอาความรู้สึกไม่ชอบตรงนั้นมาตอกย้ำใครเขา มันไม่ควร..
ถ้าให้ยกตัวอย่างแบบสุดโต่ง ลองคิดว่า ถ้าคุณไม่ชอบตคนคนนึงเนื่องจากโดนเขาล่วงละเมิด โดยที่คุณไม่รู้ รู้แต่ว่า มีเรื่องกัน เลยเกลียดกัน แต่คุณยังไปแซะว่าเป็นแฟนบางล่ะ เพื่อนสนิทบ้างละ ... จะต้องให้เขารู้สึกยังไง
ถ้าคุณเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ยังใช้พฤติกรรม หรือคำพูดพวกนี้พูดเล่นกับคนรอบข้างของคุณอยู่ >>รบกวนพิจารณาตัวเองหน่อยนะคะ
มันคือคำขอร้อง จากคนที่เผชิญสถานการณ์แย่ๆ เหล่านั้นมาเยอะ และเข้าใจดีว่ามันผ่านไปยากมาก และไม่ใช่ว่าทุกคนจะผ่านมันไปได้ ร้ายแรงที่สุดของคนที่ก้าวข้ามการบูลลี่ไม่ได้ สิ่งสุดท้ายที่เขาต้องเสียคือ "ชีวิต" ค่ะ
เราโตมากับการโดนบูลลี่ มาจนตอนนี้อายุ 28 ละ เราเก็บประสบการณ์การถูกบูลลี่มาพิจารณามากมาย อ่านบทความโน้นนี่สมทบ เพื่อหาเหตุผล หาเพื่อนที่โดนเหมือนๆ กัน เพื่อที่จะปลอบโยนตัวเองว่า เราไม่ได้เผชิญ "มัน" อยู่คนเดียว
เราเริ่มรับมือกับพฤติกรรมการบูลลี่ของคนรอบข้างได้แล้ว ถึงแม้จะไม่ทั้งหมด ไม่ 100% (เอาจริงไม่มีใครทำได้) เราอยากมาแชร์วิธีการรับมือในแบบของเรา โดยขอแบ่งการบูลลี่ออกเป็น 2 แบบ
1. การบูลลี่จากคนใกล้ตัวโดยคนที่เราพิจารณาแล้วว่า เค้าไม่ได้มีเจตนาร้ายกับเราเลยจริงๆ
2. การบูลลี่ โดยคนที่ต้องอยู่ร่วมกันโดยเราไม่ได้ให้คำนิยามว่าสนิท เช่นเพื่อนร่วมงาน
ข้อแรก เราโตมาด้วยการถูกเรียกว่า อ้วน ทำไมอ้วนอีกแล้ว การหยอกเอินด้วยความเอ็นดู โดยการเล่นพุง จับเนื้อตัวเพราะมันเขี้ยว การโดนทักบ่อยๆ ว่าขาลาย เป็นสิว ผิวไม่สวย คำเหล่านี้เกิดขึ้นจากคนรอบตัว คนในบ้าน ตอนเด็กๆ เราไม่เคยที่จะเก็บมาคิดเลย เพราะยังไม่ประสีประสา
แต่ปัญหาคือเมื่อเราโตมาเป็นวัยรุ่น วัยที่เราเริ่มต้องการการยอมรับจากเพื่อนและคนรอบข้าง มันเกิดปัญหาละ เนื่องจากเราไม่มีความมั่นใจ ส่งผลให้เราพยามดูแลตัวเองเท่าที่ทำได้ แต่ลึกๆ ก็คือมีปัญหาเรื่องความมั่นใจอยู่มาก
แต่พอโตมา จนพอจะนิยามได้ว่าสิ่งที่กำลังเจออยู่คือ ปัญหาการบูลลี่ อย่างที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ว่า เราหาข้อมูล และคิดทบทวนเหตุผลของการบูลลี่ และการถูกบูลลี่อยู่นาน ทำให้เราเริ่มที่จะแยกคนกลุ่มที่เรารักนี้ ไว้เป็นหนึ่งกลุ่ม ที่เราจะสามารถนจัดการกับสถานการณ์ได้
เราใช้วิธีพิจารณาถึงงเจตนาและความรู้สึกต่างบนพื้นฐานความผูกพัน คนกลุ่มนี้จึงรวมญาติ และเพื่อนสนิทที่เรารักไว้ด้วยกัน
การรับมือเริ่มด้วยการ เฉยๆ ไม่ตอบโต้ และจัดการกับความรู้สึกตัวเอง ปัจจุบันนี้ เมื่อเราได้ยินคำดพูดเหล่านี้ เราก็เหมือนเดิมและ เพิ่มเติมคือหันไปพูดกับเขาเหมือนเตือนสติว่า พูดแบบนี้กับเราได้นะ แต่อย่าไปพูดกับคนอื่น เราไม่รู้ว่าคนอื่นจะโอเคหรือไม่ แต่เราโอเคเพราะ คุณเป็นคนที่เรารัก แต่ถ้าเป็นคนอื่น ที่กับลังคิดมากอยู่ การที่ไปทักเขาแบบนี้ อาจจะทำให้เขารู้สึกไม่ดีกับตัวเองได้ หรือบางทีอาจทำให้เขามองคุณไม่ดี ไปเลยก็ได้ จริงๆ เราว่า มันเป็นการบอก เหมือน educate + อ้อนวอน (อย่าทำแบบนี้กับเราอีก) + ตำหนิอ้อมๆ
สำหรับเรา เราเห็นการเปลี่ยนแปลงนะ เราเจอคำพูดเหล่านี้น้อยลงจากคนรอบตัวที่เรารัก คนที่เป็นญาติ บางทีเวลาเขาพูดอะไรออกมา เขาก็จะถามเราเลยว่า แบบนี้พูดได้ไหม ฟังดูไม่ดีหรือเปล่า เราก็ต้องใจเย็นและอธิบายทุกอย่างให้เป็นภาพเชิงเหตุผล และใช้อารมณ์น้อยที่สุด
.
คนกลุ่มที่สอง คือ คนกลุ่มนี้ อาจจะรวมกันมาเป็นกลุ่มใหญ่หน่อย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน ที่อยากสนิทด้วย/ เพื่อนร่วมงานที่คิดว่าตัวเองเป็นคนเฟรนลี่/ เพื่อนที่นิยามตัวเองว่าเป็นคนปากหมา ไม่ต้องมา educate ฉัน ฉันเป็นของฉันแบบนี้/ รวมไปจนถึงคนที่สะสมการถูกบูลลี่มาจนเป็นคนบูลลี่เสียเอง
คนกลุ่มนี้ พูดกันแรงๆ หน่อย คือ เป็นกลุ่มคนที่เราจะไม่ให้ค่าเขาแหละ พฤติกรรมที่เหมือนกัน คือจะพูดบางอย่างใส่เราแล้วหัวเราะ หัวเราะซะยาวเลย !@x# ไม่ว่ากี่ครั้งที่เราพยามเฉยใส่ ยิ้มแห้งให้ พูดตรงๆว่าเลิกพูด ไปจนกระทั่งทำหน้าโกรธ พวกเขามักไม่เคยใส่ใจ และทำมันซ้ำๆ ๆๆ ๆๆ
ต่อให้เขาเป็นคนกลุ่มที่เราไม่ได้ให้ค่า แต่บอกได้เลยว่า มันจะยังมีความรู้สึกรำคาญอยู่ อีกใจก็ปนสงสาร เราว่าเขาควรจะปรับปรุงตัว เพราะถ้าเค้าไปบูลลี่คนที่จัดการกับอารมณ์ตัวเองได้ก็ดีไป แต่ถ้าปล่อยให้บูลลี่คนที่เขาไม่ได้แข็งแกร่งพอขนาดนั้น มันจะส่งผลเสียต่อตัวเขามาก โดยที่คนพวกนี้ไม่ได้รู้ หรือสนใจเลย
กลุ่มสองนี่เราจัดการกับเขาไม่ได้หรอก แต่... ถ้าคนไหนพอมีแววจะ educate หรือเตือนเขาได้ เราก็จะทำนะ เพื่อจะลดทอนห่วงโซ่ความรู้สึกแย่ๆ นี้ได้บ้าง
..
สิ่งที่อยากให้ยึดคือ เมื่อเราทำความเข้าใจการบูลลี่มากขึ้น เราจะลดและตัดการบูลลี่คนอื่นไปได้เลยล่ะ เมื่อเรามีสติและคิดทบทวยนให้มากขึ้นก่อนที่เราจะพูดอะไร มันจะทำให้เราไม่บูลลี่คนอื่น
Educate คนอื่นเมื่อมีโอกาส เพื่อลดห่วงโซ่การทำร้ายจิตใจที่บอบบางของทุกคน ถ้าไม่ได้จริงๆ ปล่อยเขาไป
สรุปคือ เรารับมือกับพฤติกรรมจากคนร้อยพ่อ พันแม่ไม่ไหวหรอกนะ
พยามจัดการในส่วนของตัวเองให้ได้ดีที่สุด สิ่งที่เรากวังคือ ทุกคนจะประคองจิตใจของตัวเองให้ไปต่อได้อย่างดีที่สุด
ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ และขอบคุณมาก ถ้าคุณตั้งใจจะเป็นคนที่เข้มแข็งขึ้นจากการถูกบูลลี่ หรือถ้าคุณตั้งใจจะระวังไม่ให้ตัวเองไปบูลลี่ใครอีกต่อไป
ถ้าคุณมีใครที่เผชิญอะไรแบบนี้อยู่ฝากแชร์ให้ถึงเขาหน่อยนะคะ
โฆษณา