20 พ.ย. 2020 เวลา 11:51 • หนังสือ
"คนเรียนเก่งทำไมไปเป็นลูกน้อง ส่วนคนเรียนโง่เป็นเจ้านาย?
1
ฉันตื่นขึ้นมาในเช้าวันจันทร์
ด้วยสุขภาพจิตที่ย่ำแย่ มันเป็นภาพหลอนที่เกิดขึ้นซ้ำๆ
ครั้งหนึ่งฉันเคยรู้สึกตื่นเต้น
ที่จะได้ไปทำงานในทุกๆเช้า
หากฉันจำได้ไม่ผิด อารมณ์นั้นอยู่กับฉันแค่ปีเดียวพอฉันเริ่มทำงานประจำเข้าปีต่อมาฉันก็หมดไฟในการทำงาน โต๊ะตัวเดิม บรรยากาศเดิมๆ เพื่อนร่วมงานเดิมๆที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเท่าไหร่ วิถีชีวิตเดิมๆ ที่ถูกกำหนด เวลาเลิกงานหรอ? คือความสุขของฉัน นี่หรือชีวิตที่ฉันใฝ่ฝัน แต่ก็ดีนะทำให้ฉันมีกิน และไม่เดือดร้อนใคร..
ฉันคิดว่าตัวเองน่าจะพอเป็นคนที่มีความคิดมี mindset แบบเถ้าแก่อยู่บ้างนะ
ตอนนี้ฉันอยากมีรายได้เพิ่ม แต่ยังไม่อยากเพิ่มชั่วโมงทำงาน ฉันอยากจะมีอิสระภาพ แต่ก็น่าเศร้า ผู้ว่าจ้างเค้าไม่อนุญาตให้ฉันเป็นตัวของตัวเอง
"ฉันอยากจะลาออกจากงาน
"ฉันอยากจะเป็นเจ้านายตัวเอง
"ฉันอยากกำหนดชีวิตของฉันเอง
"ฉันอยากมีอิสระทางการเงิน"
แล้วอะไรขัดขวางความต้องการของฉันหรอ? ง่ายๆเลย สิ่งที่ฉันขาดแคลนก็เหมือนกับสิ่งที่คนส่วนใหญ่ในประเทศนี้รู้สึกขาด เงินยังไงล่ะ!!
"ใช่! มีแต่คนมีเงินมากๆเท่านั้น
ที่จะสามารถออกแบบไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้คนธรรมดาอย่างฉัน ก็คงต้องอดทนทำงานต่อไปและสวดมนต์ภาวนาว่าชีวิตจะดีขึ้นภายใน 10 ถึง 20 ปี หรือ 40 ปีข้างหน้านะ T-T
"ฉันเห็นภาพ ของตัวเองตอนแก่
ที่ได้นั่งดูทีวีอยู่ในบ้านอย่างมีความสุข
นั่นคือสิ่งที่คนส่วนใหญ่ปลูกฝังว่าเป็นชีวิตที่ถูกต้องงั้นเหรอ..
"เรามักจะถูกกรอกหูมาตั้งแต่เด็กจนโต
ขยันเรียนนะลูกนะจะได้มีงานดีๆทำ เป็นเจ้าคนนายคน ขยันทำงานเก็บเงินหาเงินให้ได้เยอะๆนะสร้างครองครัวและจะได้เก็บเอาใว้กินตอนแก่
เป็นข้าราชการนะลูกกู้เงินซื้อบ้านซื้อรถมีสวัสดิการเวลาพ่อแม่เจ็บป่วยเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ ในยามเกษียณก็มีเงินกินตอนแก่จนตาย
ซึ่งฉันมารู้ภายหลังว่ามันก็จริงนะ แต่คนเราเกิดมาทั้งทีจะใช้ชีวิตแค่นี้กันเหรอ!!
"ฉันต้องรีบตื่นอาบนำ้แต่งตัวรีบไปเรียนทำแบบเดิมซำ้ๆจนโตตั้งกี่ปีตั้งแต่อนุบาลจนถึงจบมหาลัย แล้วยังต้องทำแบบนี้วนเวียนซำ้ๆตลอดในช่วงวัยทำงานไปกลับเช้าเย็นรอคอยแต่วันหยุดจนฉันเกษียณจากงานฉันถึงจะสบายและเริ่มใช้ชีวิตที่เป็นอิสระตอนอายุ60งั้นเหรอถ้าเฉลี่ยคนเราอายุ 80 ปี งั้นได้ใช้ชีวิตแค่20ปีเนี่ยนะชีวิตแก่ๆแรงไม่มีโรคภัยก็ไม่รู้จะตามมาหรือเปล่า "แล้ว60ปีที่ผ่านมาละทำเพื่อ!!
"หลายคนอาจจะชอบนะ แต่ไม่ใช่ฉัน...
ฉันเริ่มสังเกตุชีวิตผู้คนฟัง-อ่านสัมภาษณ์คนทีประสบความสำเร็จคนดังคนรำ่รวยระดับประเทศระดับโลกที่เรียนไม่จบเขาใช้ความพยามอย่างหนักแค่ช่วงไม่กี่ปีเพื่อสร้างความสำเร็จขึ้นมาที่เหลือกำไรชีวิตล้วนๆบางคนรำ่รวยตั้งแต่อายุยังน้อย....อ้างอิง
"จากที่เห็นในเฟชบุ๊ค และจากที่เห็นผ่านคนรอบข้าง (อายุน้อยกว่า30) เยอะมากๆ ที่ตอนนี้กลายเป็นเศรษฐีใหม่เป็นคนที่มีรายได้ต่อเดือนตั้งแต่เเสนกว่าหรืออาจจะถึงเกือบสิบล้านต่อเดือนคนกลุ่มนี้ไม่มีใครจบมหาลัยดังสักคน ไม่ใช่ตัวท็อปคณะ ส่วนใหญ่เริ่มจากขายของออนไลน์ รีวิวสินค้า จนมีทุนเปิดร้านค้าของตัวเอง มีแบรนด์ของตัวเอง บางคนเปิดคลินิคความงาม บางคนเปิดร้านกาแฟ บางคนผันตัวเป็นช่างแต่งหน้า บางคนเปิดร้านจัดดอดไม้จัดอีเวนท์ บางคนที่หน้าตาดีดีพูดเก่งหน่อยก็เป็นเน็ตไอดอลรีวิวสินค้า รายได้ต่อเดือนแต่ละคนเท่าที่ทราบคือสูงมาก บางคนรายได้ต่อวันเป็นแสน นี่มันอะไรกันนี่! บ้าไปแล้ว
"มองกลับไปที่คนรอบข้างที่เรียนเก่งๆ เกียรตินิยม จบมหาลัยดังส่วนใหญ่เท่าที่เห็น เรียนจบออกมาจะพยายามอ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อสอบราชการในตำแหน่งดีๆ หรือทำงานบริษัทเอกชน
"สำหรับรายได้เสริมบางคนอาจจะทำแต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ทำ เพราะภาระงานประจำค่อนข้างหนัก บางคนได้เป็นข้าราชการแล้วก็ยังต้องอ่านหนังสือเพื่อให้ได้ตำแหน่งที่ดีกว่าเดิม เสียเวลาไปกับการอ่านหนังสือจนไม่มีเวลาหารายได้เสริม รับเฉพาะเงินเดือนจากงานประจำทางเดียว ส่วนใหญ่จะบ่นเครียดงานบ่อยแล้วก็มีหนี้บัตรเครดิต ทั้งหนี้ที่เกิดจากการเสียค่าติว/หนี้ที่เรียนป.โท/หนี้จิปาถะ
เหล่านี้มันสะท้อนว่าการเรียนหนังสือเก่งในยุคนี้ไม่ได้การันตีว่าชีวิตจะสบายแล้วใช่อย่างนั้นหรือ?
"ฉันได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนนักลงทุนต่างวัยคนนึง พูดถึงเรื่องนี้ในหัวข้อ
"คนเรียนเก่งทำไมไปเป็นลูกน้อง ส่วนคนเรียนโง่เป็นเจ้านาย?
"ย้อนไปตอนเรียน ลองสังเกตในวิชาแนะแนว มักจะชี้นำให้เราเป็นลูกน้อง วิชาแต่ละตัวที่เรียนที่สอน มันก็วิชาของพนักงานทั้งนั้น แล้วก็มักจะส่งเราไปเป็นหมอมั่ง ราชการมั่ง แต่มันไม่เคยมีวิชาสอนทำธุรกิจ วิชาเป็นเถ้าแก่ทำยังไง วิชาสร้างธุรกิจทำยังไง วิธีหาเงินให้ได้เยอะๆทำยังไง
"คุณครูอาจารย์ ที่เคยสอนเราก็ยังรายได้น้อยยังมีหนี้สินมีภาระเยอะ บางท่านเงินเดือนก็ยังชักหน้าไม่ถึงหลังสอนกลางวันทั้งวันเสร็จยังต้องมาเปิดสอนพิเศษต่อตอนเย็นแทบไม่ได้พักบ้านพักที่โรงเรียนก็สภาพอย่างที่เรารู้กันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลให้งบประมาณตรงนี้น้อยน่าจะดูแลคุณครู หมอ ทหาร ตำรวจชั้นผู้น้อยให้ดีกว่านี้
ตอนเราเป็นเด็กเล็กๆพอผู้ใหญ่ถามโตขึ้นอยากเป็นอะไร คำตอบก็จะมีไม่กี่อย่าง
โตขึ้นหนูอยากเป็น... หมอ-พยาบาล-ทหาร-ตำรวจ-คุณครู
"ไม่มีเด็กคนไหนตอบว่าอยากเป็นเถ้าแก่เป็นเจ้าสัว....
"คนที่เรียนเก่งมักจะมีทางเลือกเสมอ ใครๆก็จองตัว นั่นแปลว่าเขาอยู่ในเซฟโซน โอกาศจะลำบากมีน้อย
(คนรำ่รวยที่จบสูงๆมีเยอะนะครับวิเคราะห์หาข้อมูลเองด้วย)
ส่วนคนที่เรียนไม่เก่ง มันไม่มีทางเลือก ต้องดิ้นรน ใช้เวลานอกห้องเรียนมากกว่า รู้จักคนมากกว่า คอนเนคชั่นเยอะ
(การรู้จักคนคือช่องทางและโอกาศ)
มีสัญชาตญาณและสกิลในการเอาตัวรอดสูงจนทำให้มีโอกาสก้าวหน้าขึ้นมาได้ (แต่ไม่ได้โชคดีทุกคนนะจะบอกให้)เละเทะมีเยอะไป
"แต่คนที่เรียนไม่ดีมีโอกาสจนมากกว่า
คนเรียนดี เพราะงานดีๆไม่ต้องการเขา
แต่มีโอกาศรวยสูงขึ้นทันทีถ้าเขามี mindset มีทักษะ และโอกาศที่ดี จังหวะชีวิตที่ดี เรียกว่าฉันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้เลยทีเดียว..
"คนเรียนดีมีโอกาสเป็นเถ้าแก่น้อยกว่าคนเรียนไม่ดี เพราะเขาไม่กล้าออกจากรายได้ประจำมาเสี่ยงทำธุรกิจ
มันฟังดูแปลกๆนะว่าไหม..
"ง่ายๆเลยคือคนเรียนไม่ดีไม่จนขี้แตกก็รวยเละไปเลย ขึ้นอยู่กับการมี mindset ที่ดี(เรียนไม่ดีไม่ได้หมายถึงโง่)
"คนเรียนดีมีโอกาสจนน้อยกว่า ความเสี่ยงต่ำจึงเลือกเป็นลูกน้องใช้วิถีชีวิตแบบเซฟโซน การจะปลีกออกมาทำธุรกิจหาญกล้าหักจากรายได้ประจำที่มั่นคงนั้นมีน้อยวิถีทางคือเรียนให้สูงอยู่ในระดับตำแหน่งที่สูงแล้วพีคไปเลยถ้าระดับล่างๆค่อนข้างลำบากนิดนึง..
"ส่วนคนเรียนไม่ดีและไม่มี mindset
จะถูกจัดให้ไปใช้แรงงานหรือขายเวลาชีวิตขายหยาดเหงื่อแลกเงิน.. ยังไงก็แล้วแต่
"ทุกอาชีพมีเกียรติและศักดิ์ศรีเช่นเดี่ยวกันหมดถ้าคุณชอบ นั่นคือชีวิตชีวิตคุณ
ถ้าคุณพอใจ มันดีสำหรับคุณมันทำให้คุณมีความสุข มีความมั่นคงเจริญก้าวหน้า ใช้ชีวิตสมบูรณ์แบบในวิถีแบบของคุณไป ซึ่งคุณชอบแบบนั้นไม่ผิด
"ไม่มีผิดถูกมีแต่ใช่หรือไม่ใช่ชอบหรือไม่ชอบ"
"แต่สำหรับบางคนที่คิดว่าฉันไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ฉันไม่ได้เกิดมาเพื่อเรียน-ทำงานหาเงิน-เลี้ยงลูกและไม่อยากแก่ตายไปเฉยๆเหมือนคนทั่วไป บางคนยังไม่ทันเกษียณจากงาน ก็โบกมือลาไปปรโลกก่อนแล้ว
"ถ้าคุณเคยลองนับเวลาชีวิตเป็นวันเป็นชั่วโมง-นาที-วินาทีดูว่าเราใช้ชีวิตไปแล้วเท่าไหร่ และชีวิตเราเหลืออีกเท่าไหร่ สมมุติถ้าเฉลี่ยอายุผู้คนที่ 80 ปี ลองนับเป็นวินาทีถอยหลังดูจะรู้ได้เลยว่าทำไมชีวิตมันสั้นจังว่ะ...เวลามีค่าจริงๆเวลาฉันเหลือแค่นี้เองเหรอเนี่ย..จะมีกี่คนที่ได้อยู่ฉลองปีใหม่ถึง80ครั้งตลอดช่วงชีวิตของคน...
"ฉันจะบอกอะไรให้คุณไม่จำเป็นต้องอดทนทำงานที่คุณไม่ชอบไปเรื่อยๆแล้วหวังว่าชีวิตจะดีขึ้นเอง แต่คุณสามารถมีชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการได้เลยเริ่มทำมันในตอนนี้แบบเงียบๆไปพร้อมๆกับงานเดิมของคุณ รอวันที่จะสลัดมันทิ้ง
คุณไม่ต้องสละเวลาชีวิตทำงาน 30 ปี
เพื่อไปมีความสุขตอนอายุ 60
คุณไม่ต้องทำร้ายตัวเองด้วยการรอให้แก่ก่อนแล้วค่อยมีความสุขแต่คุณสามารถมีความสุขตอนนี้ได้เลย!
"ขอเพียงแค่คุณมีวิธีคิดที่ถูกต้อง มีวิธีการที่ถูกต้อง "mindset"
[วิธีคิดแบบเถ้าแก่]
"บทความนี้จะบอกวิธีที่จะทำให้คุณเป็นเจ้าของธุรกิจและบริหารธุรกิจของตัวเอง
"เริ่มทำได้เลยตอนนี้และเดี๋ยวนี้ โดยที่คุณไม่ต้องลงทุน...ไม่ต้องลาออกจากงาน..ไม่ต้องมีสินค้า...ไม่มีความเสี่ยงใดๆทั้งสิ้นให้คุณได้เป็นเถ้าแก่ได้ทันที
"แค่ทำตามขั้นตอนและวิธีการที่กำหนดใว้ให้ มาลองดูหน่อยมั้ยว่าคุณมี mindset แบบเถ้าแก่หรือเปล่ามาบริหารและขยายธุรกิจสร้างรายได้จริงๆกันดูถ้าคุณยังไม่สามารถทำเงินได้แนะนำให้คุณอย่าเพิ่งออกจากงานประจำลองฝึกต่ออีกนิด
มาเริ่มสร้างวิถีชีวิตใหม่ของคุณกันเลย
1
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์
ไม่มากก็น้อยใครไม่ชอบก็ไม่ต้องคิดมากไม่มาม่านะครับเขียนมาให้อ่านเล่นๆขำๆกันลับฝีมือนิดนุง❤️
#CHASKIN
#ChaskinThailand
โฆษณา