24 พ.ย. 2020 เวลา 12:43 • ท่องเที่ยว
เดินเล่นตลาดน้อย
Art and Simplicity..ศิลปะและความเรียบง่าย
ศิลปะมีอยู่ทุกที่..อยู่ที่เรามองเห็นมันรึเปล่า ตลาดน้อยก็เป็นอีกที่หนึ่ง ที่เราไม่ได้แค่เที่ยว กินแล้วก็ดื่ม แต่เราสามารถเสพงานศิลปะผ่านชีวิตที่เรียบง่ายไปตลอดทั่วทุกหนแห่ง
เริ่มต้นที่..ท่าน้ำสี่พระยา ริเวอร์ ซิตี้
ผมเคยมาเดินตลาดน้อยครั้งนึงแล้ว เมื่อราวค่อนปีก่อนที่จะมีโควิด เป็นการเดินเล่นสนุกๆ แบบกึ่งไม่ได้ตั้งใจ มองภาพรกรุงรังของย่านนี้แล้วก็ผ่านไป
จริงๆ ผมมาคราวนี้ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก ได้แต่คิดว่าเราน่าจะตั้งใจถ่ายรูปให้ดีขึ้นกว่าเดิม คิดให้มากกว่าครั้งที่แล้ว
ผมจึงได้เห็นงานศิลปะที่มีอยู่ในทุกซอกทุกมุมของตลาดน้อย และสำหรับการถ่ายภาพครั้งนี้ แม้มันอาจจะไม่สวยงามนัก แต่ก็อยากนำเสนอภาพที่หลายคนอาจมองข้ามไป
1
โปสเตอร์แสดงงาน Van Gogh ชายผู้อาภัพภายในโถงใหญ่ของ River City
ผมได้ที่จอดรถแถวริเวอร์ซิตี้ ที่ตอนนี้กำลังมีงานแสดงภาพวาดที่ชื่อ Life & Art ของศิลปินเอกของโลก Van Gogh
ช่างภาพคนนี้คงไม่รู้ตัวว่ากำลังอยู่ในสายตาของศิลปินระดับโลก
ตลอดการเดินทางคุณจะเห็นนักถ่ายภาพรุ่นใหม่ ที่มีกล้องคล้องคอเดินไปมาถ่ายโน่นถ่ายนี่จนชินตา ผมเองใช้กล้องจากโทรศัพท์นี่ล่ะ เพราะมันใช้งานง่ายและสะดวกกับการถ่าย street ที่มีเลนส์มุมกว้างถึงกว้างมากให้ใช้ ช่วยให้ผมไม่ต้องแบกทั้งกล้องทั้งเลนส์
1
จากปากซอยเดินมาเรื่อยๆ ก็เริ่มมีงาน Street Art ให้เห็นแล้ว ต้องบอกนะครับว่าการเดินตามตรอกซอกซอยเล็กๆ นั้นค่อนข้างคับแคบหน่อย
พื้นผิวของผนังที่หลุดร่อนบ่งบอกอายุความเก่าแก่ของย่านนี้
ตลาดน้อยมีตรอกซอกซอยให้เลือกเดินเยอะทีเดียว แต่ส่วนใหญ่จะมุ่งตรงมาทางซอยแฟลตทรัพย์สิน แล้วจึงเลี้ยวเข้าตรอกศาลเจ้าโรงเกือก ที่ถือเป็นหมุดหมายแรกของการตะลุยย่านตลาดน้อย
ชีวิตผู้คนในตรอกศาลเจ้าโรงเกือก
เข้ามาในตรอกศาลเจ้าโรงเกือก ก็จะได้เห็นงานภาพถ่ายที่ชื่อ..Portrait of Charoenkrung ติดโชว์อยู่ข้างๆ กำแพงเก่าหลายสิบภาพ
เป็นกลุ่มคนที่หันมาสนใจในวิถีชีวิตผู้คน โดยถ่ายทอดเรื่องราวมาเป็นภาพถ่ายสวยๆ ถือเป็นงานกลางแจ้งที่สวยงามและดูเข้ากันกับบรรยากาศ
3
ป้ายธรรมดาแต่ถ่ายถูกที่ถูกเวลา เมื่อเจอกับพื้นผิวดิบๆ สนิมเกรอะหน่อยก็ดูสวยไปอีกแบบ
การมาเดินเล่นที่ตลาดน้อย เวลาที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพน่าจะเป็นช่วง 10 โมงถึงบ่ายสอง เพราะเราจะได้แสงสวยๆ แข็งๆ พาดผ่านวัตถุต่างๆ ในมุมเฉียงที่สวยงาม
แสงธรรมชาติแบบนี้ไม่ต้องจัดอะไร ให้แสงเงามันพาไป
กำแพงบ้านแบบดิบๆ มีอิฐแดงเปลือยๆ ที่นี่มีให้เห็นตลอดทาง
Wall of Art
สีเก่าๆ ที่ร่อนแตกระแหง ถือเป็นพื้นผิวที่น่าทึ่งของธรรมชาติ
นี่คือทางเข้าร้านกาแฟที่สุดจะบรรยายจริงๆ
ร้านกาแฟคุณป้า Mother Roaster
ครั้งแรกที่ผมมาเดินตลาดน้อย ยังไม่มีร้านกาแฟคุณป้า ตอนนั้นผมเคยเข้าไปดูข้างในเหมือนกัน มีแต่ซากเครื่องยนต์เก่าๆ ซากของเก่าไม่ใช้แล้วเต็มไปหมด ดูแล้วยังไม่แน่ใจว่าจะขึ้นไปด้านบนได้ด้วยซำ้
เข้าประตูมาก็เจอแบบนี้เลย ใครจะคิดว่ามีร้านกาแฟซ่อนอยู่ข้างบน
บันไดทางขึ้นมีรูปคนนั่งดื่มกาแฟบอกให้รู้ว่าร้านอยู่ข้างบนนะ
บันไดไม้ถึงจะเก่าแต่เค้าก็แกร่งอยู่
บัดนี้ยังไม่ทันข้ามปี ผมละเห็นใจเจ้าบันไดทางขึ้นไปสู่ Mother Roaster ตัวนี้ ที่ต้องรับบทหนักเอาการทีเดียว เพราะที่นี่กลายเป็นหมุดหมายหลักของคนมาเที่ยวตลาดน้อยไปเสียแล้ว
คุณป้า..บาริสต้าวัยดึก
ที่บอกว่าคนเข้าร้านแกเยอะเนี่ย นอกจากคนจะรู้จักเพราะได้เห็นจากสื่อบ่อยๆ และว่าด้วยฐานที่ตั้งใหม่ของร้านก็ช่างน่าค้นหาเสียเหลือเกิน ยังเป็นเพราะบุคลิกของคุณป้าที่ดูกระฉับกระเฉง มีอัธยาศัยกับทุกคน
ยิ่งเห็นสกิลคุณป้าในการกลั่นกาแฟให้ลูกค้าด้วยตัวเองด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้บรรยากาศกินกาแฟในบ้านไม้เก่าแต่ยังเก๋าแห่งนี้ดูรื่นรมย์ไปอีกครับ
เป็นจังหวะที่ผมกำลังออกจากร้านพอดีเลยได้ภาพนี้มา
ต้องบอกก่อนว่าร้านนี้ไม่มีอะไรร้อนๆ อย่างลาเต้ร้อน คาปูร้อนแบบที่หลายคนชอบนะครับ ไม่งั้นจะเป็นแบบผม ที่ทะเล่อทะล่าไปสั่งลาเต้ร้อน แต่ก็แปลกที่ลูกค้าไม่ได้ใส่ใจแม้ไม่มีในเมนู ที่ร้านคุณป้าแกมีกาแฟเย็นหน้าตาไม่ขี้เหร่ รสชาติก็ดีบอกเลยครับอร่อยมาก
1
มีเคาท์เตอร์กาแฟดริปให้สำหรับคนชอบกาแฟร้อน
ร้านกาแฟคุณป้า ถือว่าฉีกกฎการทำร้านกาแฟหลายอย่าง คือไม่มีเครื่องชงราคาเป็นแสนๆ จึงไม่มีเมนูร้อนยอดนิยม แถมทางเข้าร้านเต็มไปด้วยอะไหล่ของเก่า รกแล้วก็โคตรจะสกปรก แต่สำหรับผม ชีวิตมันก็อย่างนี้แหละครับ บ่อยครั้งที่เราต้องผ่านเรื่องหนักๆ อุปสรรคดำมืด เมื่อยังเอามันออกไปไม่ได้ ก็จัดให้มันอยู่ในที่ในทางซะ อย่าให้ขวางจุดหมายของเราครับ ผมว่ามันไม่ใช่แค่ทางเข้าร้านนะ ผมมองว่ามันเป็นศิลปะที่สะท้อนทางออกของชีวิต ลองไปดูครับ เผื่อคุณมีมุมมองที่น่าสนใจสำหรับตัวเอง
ตรอกแคบๆ ไม่ได้สวยงามมาก แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก
ออกจากร้านกาแฟสุดฮิปของตลาดน้อย ก็เดินไปตามตรอกแคบๆ พอให้คนและมอเตอร์ไซค์สวนทางกันได้ ตลอดทางจะเห็นบานเฟี้ยมเก่ากับบ้านสีพาสเทลได้เกือบทุกหลัง
มองให้ดีผมว่ามันมีความอาร์ตแบบบ้านๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจ
แสงเงาที่ทอดผ่านสายไฟเปลี่ยนความพะรุงพะรังยุ่งเหยิงให้เข้ากันได้กับสีสันต่างๆ
สังกะสีเก่าบวกสังกะสีใหม่
ประตูทางเข้าบ้านดิบๆ ผุๆ พร้อมลายเซ็นต์คนแปลกหน้า ใครไม่ชอบแต่ผมชอบนะ
ตู้เหล็กข้างทาง
ป้ายโฆษณาร้านกาแฟแบบมินิมอล ต้องเข้าไปดูใกล้ๆ ว่าคือไรหว่า
มุมถ่ายยอดฮิตอีกมุมนึง รถคันนี้ต้องบอกว่า..ห้ามหายเด็ดขาด
เราจะไปไหนกันดีนะ
บ้านไม้สักน่าจะอายุไม่ต่ำกว่าร้อยปี
ยังไม่เคยเห็นประตูเหล็กแบบนี้เหมือนกัน
ตึกโบราณตัดกับฉากหลังที่เป็นตึกสมัยใหม่
วันนี้...ของตลาดน้อย
มีผู้คนมาเยี่ยมเยือนตลาดน้อยหนาตากว่าเดิมจริงๆ เพราะที่นี่ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของกรุงเทพไปแล้ว วิถีชีวิตที่เคยเรียบง่ายของคนตลาดน้อยคงจะคึกคักกว่าเดิมเป็นแน่
1
ด้วยว่าพื้นเดิมคนตลาดน้อยคือคนน่ารัก ไม่เซ้าซี้นักท่องเที่ยวเหมือนย่านท่องเที่ยวบางแห่ง ไม่สร้างภาพว่ามีตำนานโบร่ำโบราณ มีความเป็นธรรมชาติของคนอยู่อาศัยแบบปกติ ซึ่งช่วยให้ย่านนี้น่าจะมีความเปลี่ยนแปลงจากเดิมน้อยกว่าที่อื่นๆ
และสุดท้ายแล้ว..ผมว่าตลาดน้อยอาจจะมีของอร่อยให้กินน้อยกว่าที่อื่น แต่ความเก่าแก่ของบ้านเรือน ที่สืบทอดมาในยุคของถนนสายแรกในกรุงเทพที่ชื่อ...เจริญกรุง ก็ยังพอมีให้คนรุ่นหลังได้เห็นบ้าง และการเข้าไปเติมเต็มศิลปะร่วมสมัยอีกเล็กน้อยของคนรุ่นใหม่ ที่นี่ก็น่าจะเป็นแลนด์มาร์คของคนชอบถ่ายรูปได้เหมือนกันนะครับ
โฆษณา