21 พ.ย. 2020 เวลา 03:40 • ข่าว
#คดีสยองของฮันนิบาลแห่งเยอรมัน
#รักต้องบริโภค
เมื่อเร็วๆนี้ ที่เยอรมันเกิดคดีใหญ่ เมื่อตำรวจเยอรมันได้จับกุมชายวัย 41 ปีคนหนึ่ง ชื่อราย สเตฟาน อาร์ ในข้อหาฆาตกรรมคู่ขาของเขา ที่ตอนนี้พบเป็นศพ เหลือเพียงโครงกระดูกทิ้งไว้ที่สวนสาธารณะ ในสภาพที่โดนเลาะเนื้อออกหมดจนเกลี้ยงเกลา จึงทำให้ตำรวจเชื่อว่า นี่คือคดี Cannibalism หรือ นักล่าเนื้อมนุษย์
2
และสิ่งที่ทำให้ชาวเยอรมันตกใจยิ่งกว่านั้นคือ นายสเตฟาน อาร์ มีอาชีพเป็นครู
ย้อนไปเมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา มีการแจ้งเหตุคนหายกับทางตำรวจเยอรมันไว้คดีหนึ่ง
บุคคลที่หายตัวไป ชื่อ นายสเตฟาน ทรอกิสช์ วัย 44 ปี เป็นวิศวกรไฟฟ้า ที่บริษัทแห่งหนึ่ง ด้วยความไม่สับสนกับชื่อผู้ต้องหาคนก่อนหน้า จึงขอเรียกว่านาย ที.
คดีค้างเติ่ง เนิ่นนานเกือบ 2 เดือน ก็มีคนมาพบซากโครงกระดูกมนุษย์ถูกทิ้งไว้ที่สวนสาธารณะชานกรุงเบอร์ลิน แม้ว่าจากสภาพการเสียชีวิตไม่นานมาก แต่เนื้อถูกเลาะหายหมด ที่น่าจะเป็นการเลาะด้วยฝีมือมนุษย์ ไม่ใช่การกัดแทะของสัตว์
หลังจากพิสูจน์ DNA ก็พบว่าเป็นศพของนาย ที. ที่หายตัวไปจริงๆ
ตำรวจจึงใช้สุนัขตำรวจปูพรมติดตามร่องรอย ซึ่งสำนักข่าวเยอรมันระบุว่า ใช้สุนัขตำรวจถึง 2 ตัว จากคนละด้านของเมือง และก็พาตำรวจมาถึงจุดหมายเดียวกัน คือบ้านของนายสเตฟาน อาร์
2
และเมื่อตำรวจพิสูจน์หลักฐานมาตรวจบ้าน ก็พบรอยคราบเลือดที่ตรงกับ DNA ของนาย ที. จริงๆ และยังพบข้อมูลที่นายสเตฟาน อาร์ ค้นหาไว้ในอินเตอร์เนตเกี่ยวกับลัทธิบริโภคเนื้อมนุษย์อยู่เพียบ
จึงกลายเป็นหลักฐานมัดตัวนายสเตฟาน อาร์ ซึ่งเป็นครูสอนคณิตศาสตร์ในโรงเรียนแห่งหนึ่งด้วย
จากการสืบสวนพบว่า ทั้งคู่มาเจอกันได้ จากการคุยกันผ่านเว็บไซท์หาคู่ ของกลุ่มคนรักร่วมเพศ
หลังจากที่แชทคุยกันได้ระยะหนึ่ง ก็ตัดสินใจมานัดเจอกัน
รูมเมทของนายที. ที่เป็นคนไปแจ้งเหตุคนหาย ก็บอกว่า เขาเห็นนายที. ครั้งสุดท้ายคือออกจากบ้านไปช่วงเที่ยงคืนของวันที่ 4 กันยายน และหลังจากนั้นก็หายตัวไปเลย จนกระทั่งเหลือเพียงศพทิ้งไว้ในสวนสาธารณะ
แล้วทำไมตำรวจเยอรมันจึงปักใจเชื่อทันทีว่า นี่เป็นคดีของนักล่าเนื้อมนุษย์?
ก็เพราะเคยเกิดคดีลักษณะแบบนี้เป๊ะๆ ที่เยอรมันมาก่อน!
เมื่อช่วงปี 2004 ตำรวจเยอรมันได้จับกุมตัวนายอาร์มิน มิวส์ วัย 44 ปีเช่นกัน ในข้อหาฆาตกรรม และกินเนื้อมนุษย์ ซึ่งนายอาร์มิน ได้สังหารนาย เบอร์นาร์ด เจอเก้น คู่ขาของเขา ซึ่งก็เป็นนักนิยมบริโภคเนื้อมนุษย์เช่นกัน และทั้งคู่ก็มานัดเจอกันผ่านทางเว็บใต้ดินของชาวล่าเนื้อมนุษย์ในเยอรมัน
นายอาร์มิน รับสารภาพว่า ได้สังหารเพื่อร่วมลัทธิ และกินเนื้อเขาจริง เนื่องจากเป็นเจตจำนงค์ของทั้งคู่ และมีแรงกระตุ้นทางเพศเป็นเหตุจูงใจ นอกจากนี้นายและยังได้บันทึกภาพไว้ดูต่างหน้า ที่ถูกใช้เป็นหลักฐานมัดตัวในเวลาต่อมา
และนายอาร์มินต้องจ่ายราคาความวิปริตครั้งนี้ ด้วยโทษจำคุกตลอดชีวิต และตัดสิทธิ์ขอทัณฑ์บน
จากคดีนายอาร์มิน ถึง นาย สตีเฟน อาร์. มีความคล้ายคลึงกันมาก ทั้งรสนิยม การเลือกเหยื่อ และขั้นตอนการสังหาร จึงทำให้ตำรวจเยอรมันรู้ทันทีที่เห็นรูปคดีนั่นเอง
ประเทศเยอรมัน เป็นประเทศหนึ่งที่เคยมีประวัติศาสตร์คดีสยอง เกี่ยงข้องกับลัทธิการกินเนื้อมนุษย์มานานแล้ว คดีที่สยองที่สุดเกิดช่วงราวๆปี 1903 -1924 เกิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่องโดยชายชาวมันเทินสเบิร์กคนหนึ่งชื่อว่า นาย คาร์ล เดงค์
นายคาร์ล ได้ลักพาตัวและฆาตกรรมผู้คนในเมืองนี้ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ไม่ต่ำกว่า 42 คน ภายในบ้านพักของเขา เพื่อนำเนื้อของเหยื่อมาบริโภค และยังแล่เนื้อมนุษย์ส่งขายในตลาดสด โดยอ้างว่าเป็นเนื้อหมู
แต่ความมาแตกเอาเมื่อมีเหยื่อคนหนึ่งสามารถหลบหนีออกมาได้ แล้วไปแจ้งตำรวจ และเมื่อทางการค้นบ้านก็พบกับหลักฐานมากมาย รวมถึงเศษชิ้นเนื้อมนุษย์ โครงกระดูก ที่แล่แขวนไว้เตรียมนำไปขาย
ส่วนนายคาร์ล เดงค์ แขวนคอตายหนีความผิด หลังจากถูกตำรวจจับตัวขังคุกได้เพียง 2 วัน เพื่อรอวันขึ้นศาล เป็นการปิดฉากคดีฆาตกรรมล่าเนื้อมนุษย์ที่สยดสยองที่สุดในเยอรมัน
1
จากคดีนี้ทำให้เรารู้ว่า ลัทธินิยมบริโภคเนื้อมนุษย์เพื่อความรื่นรมย์ มีอยู่จริง และก็มีหน้าฉากเป็นมนุษย์ทั่วไปในสังคมเรานี่แหล่ะ ที่อาจมีเบื้องหลัง ความวิปลาศซ่อนอยู่ในจิตใจ
เห็นแล้วชวนให้นึกถึงหนังฮอลลิวู้ดภาคต่อเรื่องดัง ของ Silence of the Lambs ที่มีคุณหมอฮันนิบาล เลคเตอร์ เป็นตัวละครหลัก ที่ทำให้หนังเป็นที่จดจำจนถึงทุกวันนี้
แต่จะดีกว่าถ้าจะมีคนอย่าง ฮันนิบาล แค่เพียงตัวละครสมมติ ที่ไม่มีอยู่จริงนะคะ😱😱😱
แหล่งข้อมูล
โฆษณา