22 พ.ย. 2020 เวลา 05:55 • สุขภาพ
จำเป็นต้องรู้ก่อนครับว่า “เอนไซม์” คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร
# ต่อจากครั้งที่แล้ว "ก่อนตัดสินใจทำน้ำหมักเอนไซม์ด้วยตนเอง "
สวัสดีครับ...จากการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นทั้งในอดีต-ปัจจุบัน การทำน้ำหมักชีวภาพ หรือน้ำหมักจากผัก ผลไม้และสมุนไพร มีกระบวนการทำที่แตกต่างกันเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ใช้น้ำอ้อยผง/ป่น (มีความนิยมมากกว่าเพราะราคาไม่แพง ลดต้นทุน) และกลุ่มที่ใช้น้ำผึ้ง
น้ำตาลอ้อยป่น และน้ำผึ้ง
ผู้เขียนเลือกที่จะใช้น้ำผึ้ง เนื่องจากพิจารณาในด้านความสะอาด และเชื่อในประสิทธิภาพของน้ำผึ้งที่มีต่อสุขภาพของคนเราสูงกว่าน้ำตาล นอกจากนี้ยังเลือกสูตรและกระบวนการทำของ ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธุ์วงศ์ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิภูมิปัญญาสากล ชมรมบ้านสุขภาพ มาเป็นบรรทัดฐานในการปฏิบัติจริง และเรียนรู้จากการทำน้ำหมักเอนไซม์ตั้งแต่นั้นมาตามลำดับ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องอ้างอิงและนำเอาสาระความรู้ที่สำคัญๆ ของมูลนิธิภูมิปัญญาสากล ชมรมบ้านสุขภาพ มาบอกกล่าวในเบื้องต้นตามลำดับดังนี้
เอนไซม์ คืออะไร?
เอนไซม์ หรือ enzyme คือ กลุ่มของโปรตีนที่มีหน้าที่พิเศษแตกต่างจากโปรตีนทั่วไป คือ มีความสามารถในการเร่งปฏิกิริยาทางชีวเคมี ที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง เพื่อใช้ในการสังเคราะห์องค์ประกอบภายในเซลล์ ระบบการย่อยอาหาร ฯลฯ
เอนไซม์ มีหน้าที่อะไร?
หน้าที่หลักที่แท้จริงของเอนไซม์ ได้แก่ ช่วยในการย่อยอาหาร โดยเอนไซม์มีหน้าที่เป็นตัวเร่งในการย่อยอาหารให้สมบูรณ์ ทำให้ร่างกายของเราได้รับสารอาหารที่มีคุณภาพแล้วนำไปใช้ได้ ถ้าน้ำย่อยไม่ดีถึงรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพียงใดก็ไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ กับร่างกายทั้งสิ้น นอกจากนี้เอนไซม์ยังมีหน้าที่ช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ช่วยสร้างโปรตีนในกล้ามเนื้อ ช่วยทำให้กล้ามเนื้อหดตัว สลายสารพิษ ทำให้เลือดบริสุทธิ์ ช่วยกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากปอด และช่วยลดความเครียดของตับอ่อนและอวัยวะอื่น ๆ ภายในร่างกาย
การทำน้ำเอนไซม์สำหรับดื่มนั้นสามารถทำได้ 2 วิธี คือ
1. ได้จากการคั้น, ปั่นด้วยเครื่องปั่น, สับ, หรือตำกับครก แล้วกรองเอากากออกด้วยผ้าขาวบาง หรือจะใช้เครื่องแยกกากก็ได้ แต่หลังทำเสร็จควรดื่มทันทีและไม่ควรทิ้งไว้นานเกินครึ่งชั่วโมง เพราะหากเก็บไว้นานจะทำให้เอนไซม์ที่มีอยู่ในตัวผักและผลไม้เสื่อม ประสิทธิภาพลง
2. ได้จากการนำผลไม้ หรือสมุนไพรมาหมัก ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะกระบวนการที่ได้จากการหมักและกรรมวิธีขั้นตอน ของการหมัก เพราะสามารถเก็บไว้ดื่มได้นานกว่าและให้สารโปรตีนที่ประกอบไปด้วยวิตามิน ซึ่งเมื่อทานเข้าไปจะเกิดการแลกเปลี่ยนการใช้สารอาหารได้สูงสุด ณ จุดที่ร่างกายสามารถนำของเสียทิ้งได้ทั้งหมด และทำให้ร่างกายสร้างพลังงานในแต่ละเซลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลให้เกิดการ สร้างเซลใหม่ทดแทนเซลเก่าที่ตายในแต่ละวันได้เต็มที่
ประโยชน์ของเอนไซม์
@ เอนไซม์มีความจำเป็นสำหรับทุกปฏิกิริยาเคมีในร่างกาย เซลล์ทั้ง 60 ล้านล้านเซลล์จะต้องใช้เอนไซม์เพื่อเร่งปฏิกิริยาเคมี หากไม่มีเอนไซม์เราจะไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้
@ แม้ว่าวิตามิน เกลือแร่ โปรตีน ฮอร์โมน และสารอาหารอื่น ๆ จะมีความสำคัญต่อชีวิตและสุขภาพ แต่ก็โดยเอนไซม์เท่านั้นที่ทำให้สารต่าง ๆ ได้ทำงานตามคุณสมบัติของมันได้ เพราะถ้าไม่มีเอนไซม์ทุกอย่างก็จะทำปฏิกิริยาไม่ได้เลย จนมีผู้กล่าวว่า "เอนไซม์ คือ พลังงานชีวิต" ถ้าระดับเอนไซม์ในร่างกายลดต่ำลงจนถึงระดับหนึ่ง จะทำให้ระบบภายในร่างกายทำงานไม่ได้ และชีวิตจะหยุดลงทันที เอนไซม์จึงเป็นผู้สร้างเซลล์ สร้างร่างกาย สร้างอวัยวะ และสร้างชีวิต
@ ถ้าในร่างกายมีเอนไซม์อย่างสมบูรณ์และเพียงพอ มนุษย์อาจมีอายุยืนได้ถึง 120 ปี เพราะเซลล์ในร่างกายสามารถแบ่งตัวได้ตามกำหนดของโปรแกรมนาฬิกาชีวิต
ถ้าไม่มีเอนไซม์เป็นตัวเร่ง ปฏิกิริยาเคมีก็ยังเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ แต่จะไม่ทันต่อการดำรงชีวิต เพราะผลของปฏิกิริยาจะเกิดขึ้นช้ามาก เช่น ถ้าร่ากายต้องการทำปฏิกิริยาเคมีกับน้ำตาลเพื่อให้เกิดพลังงานไปสร้างภูมิคุ้มกันต่อต้านเชื้อโรคที่เข้าจู่โจมร่างกาย ถ้าทำปฏิกิริยาตามปกติโดยไม่มีเอนไซม์เป็นตัวช่วย ก็คงจะเกิดพลังงานได้เหมือนกัน แต่กว่าจะเกิดปฏิกิริยาสมบูรณ์ ก็อาจต้องกินเวลานานกว่า 3 เดือน ร่างกายจึงจะได้รับพลังงานมาต่อต้านเชื้อโรค ถ้าเป็นเช่นนี้ เชื้อโรคจะฆ่าเราก่อนที่พลังงานภูมิคุ้มกันนั้นจะเกิดขึ้นอีก แต่ถ้าเรามีเอนไซม์สมบูรณ์ พลังงานและภูมิต้านทานจะเกิดขึ้นเร็วมากในเวลาเพียง 1 นาทีแรกที่เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย เป็นต้น
@ เอนไซม์บางชนิด จะส่งเสริมการทำงานของหัวใจ ฯลฯ ซึ่งเอนไซม์แต่ละชนิดจะมีหน้าที่แตกต่างกันออกไป
@ หากร่างกายมีเอนไซม์อย่างสมบูรณ์ จะช่วยแก้ปัญหาการทำงานผิดปกติของระบบอวัยวะต่าง ๆ ภายในของร่างกายได้ เช่น ระบบทางเดินอาหาร (โรคกระเพาะ ลำไส้อักเสบ ท้องผูก อาหารไม่ย่อย มะเร็งกระเพาะและลำไส้ โรคไตอักเสบ ไตวาย โรคตับ ต่อมลูกหมาก), ระบบหลอดเลือดและหัวใจ (โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง), ระบบทางเดินหายและระบบภูมิคุ้มกัน (ไซนัส ภูมิแพ้ หลอดลมอักเสบ โรคปอด ไข้หวัดใหญ่ หัดต่าง ๆ), ระบบผิวหนัง (บำรุงผิวพรรณ แก้กลากเกลื้อน สิวฝ้า จุดด่างดำ ผิวหนังอักเสบ แผลสด แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก แผลในปาก สะเก็ดเงิน), ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก (กล้ามเนื้ออักเสบ อัมพฤกษ์ อัมพาติ โปลิโอ ปวดเมื่อยตามตัว กระดูกพรุน กระดูกอักเสบ ไขข้ออักเสบ รูมาตึซึม โรคเก๊าท์), ระบบต่อมไร้ท่อ (เบาหวาน ต่อมไทรอยด์อักเสบ), ระบบสร้างเม็ดเลือด (โรคลูคิเมีย โรคโลหิตจาง), ระบบสืบพันธุ์ (เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ความผิดปกติของประจำเดือน)
สรุป มาถึงตรงนี้แล้วทุกท่านคงมีความรู้สึกเช่นเดียวกันว่า ประโยชน์ของเอนไซม์ช่างมีอย่างมากมายจริงๆ เป็นตัวช่วยให้ร่างกายของคนเราแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันต่อสู้กับโรคต่างๆได้ดีขึ้น แล้วเมื่อรู้เช่นนี้จะมัวช้าอยู่ทำไม "ต้องเสริมเอนไซม์ให้กับร่างกายอย่างสม่ำเสมอ" กันแล้วละ ส่วนวิธีการคงขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละบุคคลครับ...สวัสดี
Cr. มูลนิธิภูมิปัญญาสากล ชมรมบ้านสุขภาพ, http://friutenzyme.blogspot.com, นานาสาระเพื่อสุขภาพที่ดี, https://ngthai.com/science/14770, https://th.wikipedia.org และภาพจาก Internet
โฆษณา