22 พ.ย. 2020 เวลา 08:50 • ข่าว
ข่าวสำคัญ !! พบผู้ป่วยโควิดติดเชื้อภายในประเทศ ที่อำเภอพบพระ จังหวัดตาก
มีรายงานด่วน จากนายอำเภอพบพระ ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เมื่อวานนี้ 21 พฤศจิกายน 2563 เวลา 15.00น.ว่า
1
พบผู้ป่วยชายอายุ 48 ปี ทราบชื่อภายหลังว่า
นายส่อคา เน มีอาการป่วยเป็นไข้สูง และได้ทำการ ตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรนาที่ก่อโรคโควิด
อาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยการสู้รบ บ้านอุ้มเปี้ยม ตำบลคีรีราษฎร์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก หมู่ที่ 4 โซนเอ
โดยปลัดอำเภอซึ่งปฎิบัติหน้าที่หัวหน้าประจำพื้นที่พักพิงผู้หนีภัยดังกล่าว ร่วมกับองค์กร IRC ทำการสอบสวนโรคพบว่า ชายดังกล่าวเป็นผู้หนีภัยชาวเมียนมา แต่ไม่มีรายชื่ออยู่ในทะเบียนของผู้อพยพหนีภัยแต่อย่างใด
1
ได้มาอยู่ในค่ายผู้หนีภัยนานแล้ว มีบัตรรับอาหารองค์กร TBC แต่ไม่ได้มารับอาหารเป็นเวลาสองปีแล้ว
ผู้ป่วยรายนี้ ซึ่งมีไข้สูง หมายความว่ามีปริมาณเชื้อไวรัสในตนเองมาก โอกาสที่จะแพร่เชื้อให้กับคนอื่นก็จะสูง มากกว่าผู้ที่ติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการ ได้ลอบหนีออกจากที่พักผู้ลี้ภัย ข้ามไปยังฝั่งเมียนมา ตามช่องทางธรรมชาติที่เป็นพื้นที่ป่า
ไปยังเมืองผาอ่าง รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา และได้ลอบกลับเข้ามาอยู่ในที่พักพิงผู้ลี้ภัยเหมือนเดิม(คาดว่าไปรับเชื้อมาจากฝั่งเมียนมา)
1
ขณะนี้ผู้ป่วยได้เข้ารับการรักษาและกักตัวที่โรงพยาบาลแม่สอดแล้ว
จากการสอบสวน มีกลุ่มเสี่ยงคือผู้สัมผัสใกล้ชิดจำนวน 10 ราย ได้ทำการกักตัวไว้ทั้งหมดแล้ว เพื่อตรวจหาเชื้อต่อไป
และได้ทำการล็อกดาวน์พื้นที่พักพิงผู้หนีภัยชั่วคราวทั้งหมด ซึ่งมีผู้หนีภัยจำนวนราว 1 หมื่นคน และจัดกำลังตรวจตราห้ามบุคคลเข้าออกโดยเด็ดขาด
ใช้รั้วลวดหนามติดตั้งเพิ่มเติมที่จุดเสี่ยง ที่สามารถลักลอบออกจากค่ายผู้หนีภัยได้ และจัดกำลังลาดตระเวนโดยรอบพื้นที่ เพราะเป็นพื้นที่ที่ติดกับเขตแดนเมียนมา
เป็นอีกหนึ่งกรณี ที่ทำให้ประเทศไทยจะต้องมีความระมัดระวังเรื่องโควิด-19 กันต่อไป
นอกจากจะมีการติดเชื้อกันเองภายในประเทศแล้ว ยังมีการรับเชื้อจากประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านทางช่องทางธรรมชาติ ซึ่งได้เกิดขึ้นประปราย โดยเฉพาะทางด้านชายแดนไทยเมียนมา และเคยมีกรณีทางด้านมาเลเซียด้วย
โชคดีที่ทางการไทยและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง สามารถควบคุม ตรวจสอบ และสกัดกั้นการระบาดจากทุกเคสที่ผ่านมาได้ทั้งหมด
แต่เราอาจจะไม่ได้โชคดีทุกครั้งไป ประชาชนคนไทยทุกคนจึงควรช่วยกันระมัดระวัง โดยการใส่หน้ากากอนามัยเวลาออกจากบ้านทุกครั้ง พยายามเว้นห่างระยะทางสังคม 2 เมตร ทานอาหารสุก ล้างมือบ่อยบ่อย
และผู้ที่เกี่ยวข้องกับเขตชายแดน ควรจะแจ้งเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทันทีที่เห็นการเข้าออกที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย
ก็จะทำให้ประเทศไทยสามารถคุมสถานการณ์ของ โควิด-19 ไปได้อีกสักพักหนึ่ง อย่าเพิ่งให้เกิดการระบาดรอบสองขึ้นมา
ซึ่งถ้าต้องทำการล็อกดาวน์บางจังหวัด หรือทั้งประเทศ เหมือนประเทศทางยุโรป(ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมนี สเปน) ปัญหาวิกฤติทางเศรษฐกิจและสังคมก็จะรุนแรงมากขึ้น
เพื่อรอให้มีวัคซีน ซึ่งขณะนี้วัคซีนที่อยู่ในขั้นทดลองเฟสสามมีจำนวนทั้งหมด 12 ตัวด้วยกัน และกำลังจะทยอยจดทะเบียนใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินภายในสิ้นปีนี้จำนวนอย่างน้อยสองบริษัท
และต้นปีหน้าน่าจะเพิ่มขึ้นเป็นห้าบริษัท จากสหรัฐ ประเทศจีน รวมทั้งประเทศอังกฤษ
ส่วนประเทศไทยเราเอง ก็คงจะมีโอกาสใช้วัคซีนโดยถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจากอังกฤษ
(AstraZeneca) และนำมาผลิตเอง ซึ่งจะได้ใช้ประมาณกลางปีหน้า
และในกรณีวัคซีนที่พัฒนาขึ้นเองโดยคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย(mRNA)
ก็คงจะได้ใช้ในปลายปีหน้า
ก็คงต้องอดทนร่วมมือกันต่อไปอีกสักพักครับ
Reference
โฆษณา