22 พ.ย. 2020 เวลา 14:20 • ประวัติศาสตร์
#เรื่องราวของหม่อมราชวงศ์ปรียนันทนารังสิต กับราชวงศ์ชัยปุระ
ท่านพ่อท่านแม่ของคุณหญิง (ม.จ. ปิยะรังสิต รังสิตและพระองค์เจ้าวิภาวดี ) รู้จักกับราชมาตา แห่งชัยปุระ หรือกยาตรี เทวี มานานแล้ว เมื่อทั้งราชมาตา และ มหาราชาจกัตสิงห์ ผู้เป็นลูกมาเที่ยวเมืองไทย เลยได้รู้จักกัน ประกอบกับทั้งคุณหญิงและมหาราชาจกัต เรียนที่อังกฤษด้วยกันทั้งคู่ เลยเป็นเหตุให้ได้ทำความรู้จักคบหาเป็นแฟนกัน มหาราชาจกัต เป็นบุตรชายคนเดียวของราชมาตา กยาตรี แต่มีพี่ชายต่างมารดาอีก 3 ท่าน (ราชมาตาเป็นมเหสีองค์ที่ 3)
คุณหญิงเล่าว่าตอนที่ตัดสินใจแต่งงานเพราะว่าหลงรักปราสาทแห่งเมืองชัยปุระ ซึ่งคุณหญิงบอกว่า จริงๆแล้วถ้าท่านแม่ยังมีอยู่ ก็คงไม่พอใจกับการแต่งงานนี้นัก เพราะมหาราชาจกัตนี้ โดนเลี้ยงมาแบบสปอยล์มากๆ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร แต่เพราะอะไรที่ทำให้คุณหญิงตัดสินใจ
 
" ฉันตอบได้ว่า เพราะตอนนั้น ฉันมีความหวัง หวังว่าการแต่งงานมีครอบครัวจะทำให้เขาเป็นคนที่รู้จักรับผิดชอบขึ้นได้ ผู้หญิงชอบคิดอย่างนี้นะคะ แต่ฉันอยากบอกว่าอย่าได้คิดหวังว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงอย่างโน้นอย่างนี้เลยเพราะคนเราเปลี่ยนแปลงยาก ถ้าเขาไม่เปลี่ยน เราเองสิที่เป็นฝ่ายต้องเปลี่ยน ถ้ารับไหว ก็อดทนรับกันไป "
ในวันงานเลี้ยงฉลองแต่งงาน (จัดงานที่อังกฤษ) ขณะที่กำลังลองชุดเพื่อที่จะตัดสินใจว่า จะใส่ชุดไทย (ตามที่ท่านพ่อต้องการ) หรือ ชุดแขก (ตามที่ราชมาตาต้องการ และได้เตรียมทั้งชุดทั้งเครื่องประดับให้)
ปรากฏว่า ช่างทำผมประจำตัวคุณหญิง เกิดตาดี ไปเห็นว่าเครื่องเพชรแบบแขก เนี่ยเป็นของเก๊ (ที่ทำเลียนแบบได้เหมือนจริงมาก) คุณหญิงเลยเลือกใส่ชุดไทยแทน
งานเลี้ยงรับรองนี้ มีควีนเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ด้วย เพราะทรงรู้จักกับทั้ง 2 ฝ่ายอย่างดี
หลังจากแต่งงาน ฝ่ายมหาราชาวางแผนที่จะใช้ชีวิตอยูที่อังกฤษ แต่คุณหญิงอยากไปอยู่อินเดีย เพราะเธออยู่ที่อังกฤษ ตั้งแต่อายุ 13 แล้ว
เหตุผลอีกประการหนึ่งคือ ถ้าอยู่ที่อังกฤษ มหาราชาก็คงไม่ทำงานอะไร แต่ถ้าไปอินเดีย อย่างน้อยคงยังได้ดูแลกิจการทรัพย์สินที่มีอยู่บ้าง
แต่บังเอิญคุณหญิงตั้งครรภ์ลูกสาว เลยรอให้คลอดที่อังกฤษก่อน แล้วจึงค่อยเดินทางไปอินเดีย
ตลอดการแต่งงาน คุณหญิงเป็นฝ่ายรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเกือบทุกอย่าง ทั้งนี้ เพราะมหาราชาอ้างว่า อินเดียอยู่ใต้การปกครองของอินทิรา คานธี ซึ่งเป็น socialist ไม่สามารถนำเงินออกจากอินเดีย
" ความจริงฉันก็ใจเสียมาตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้วนะคะ ที่เค้าบอกว่าต่างคนต่างต้องออกค่าใช้จ่ายเอง เอาไว้แต่งงานกันเมื่อไหร่ เขาจึงจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้
แต่พอแต่งงานกันแล้วนะคะ ไปเดินซื้อของที่ซูเปอร์มาเกตกัน เวลาจะจ่าย เขาก็แยกจ่ายเฉพาะค่าเหล้าของเขา ฉันก็จ่ายของส่วนของครอบครัวตามเดิม "
เมื่อคุณหญิงคลอดบุตรสาวคนแรก มหาราชาเป็นผู้ออกค่าโรงพยาบาลให้ แต่ยังเหลือค่ายาชาอีก ร้อยกว่าปอนด์ ซึ่งมหาราชาไม่ยอมจ่ายให้ อ้างว่า "มันไม่เกี่ยวข้องกับลูกของฉัน เธอเป็นคนเจ็บ เธอก็จ่ายเองสิ"
เมื่อคุณหญิง เดินทางไปอินเดีย ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ปราสาท Takht-I-Shahi ที่เธอหลงรัก คุณหญิงก็ต้องเสียค่าตกแต่งเองเช่นกัน
เมื่อมาใช้ชีวิตอยู่ที่อินเดีย คุณหญิงก็ยังดูแลเรื่องอาหารการกินของลูกๆ เอง ถึงแม้ว่า ครอบครัวของมหาราชาจะเป็นเจ้าของโรงแรม แต่การที่จะให้ลูกๆ ทานอาหารจาก room service ทุกมื้อ ซึ่งโรงแรมและปราสาทก็ห่างกันประมาณกิโลได้ แต่คุณหญิงอยากให้ลูกได้ทานอาหารสดๆ จึงยอมไปจ่ายตลาดซื้อหาอาหารเอง
คุณหญิงวุ่นอยู่กับการดูแลลูกๆ แต่มหาราชาก็มิได้ทำอะไร นอกจากไปงานเลี้ยง และกลับบ้านดึกๆ
กลับมาถึงบ้านก็เปิดเพลงร็อคเสียงดัง รบกวนคุณหญิงและลูกๆ " ฉันจึงได้คิดว่าผู้ชายคนนี้ที่จริงแล้วเค้าไม่พร้อมที่จะมีลูก หรือมีครอบครัว เป็นเด็กโคร่ง เป็นเด็กที่ไม่มีวันโต "
สำหรับผู้ใหญ่อย่างราชมาตา คุณหญิงเธอว่าท่านไม่ใช่แม่สามีที่ใจร้ายหรือเกรี้ยวกราดกับเธอนัก เพียงแต่ใจดำไปหน่อย ครั้งนึง ราชมาตาไปต่างประเทศ ซื้อของอย่างดีมาฝากทั้งลูกชายและหลานทั้ง 2 แต่คุณหญิงได้เพียงชอกโกแลต 1กล่อง วันเกิดครบอายุ 30 ของคุณหญิง ได้เพียง jigsaw puzzle 1 กล่องจากราชมาตา สำหรับสามีนั้น คุณหญิงไม่เคยได้อะไรเลย ขนาดแต่งงานยังไม่ได้ฮันนีมูนเลย
ตอนฮันนีมูน แฟลตท่านพ่อคุณหญิงมีคนอยู่ คุณหญิงเลยเสนอให้ไปพักตามโรงแรมสัก 2- 3 คืนจะได้ดูโรแมนติค แต่มหาราชากลับบอกว่า จะไปโรงแรมทำไมให้เสียสตางค์ไปพักบ้านเพื่อนเค้าดีกว่าตกลงก็ไปฮันนีมูนบ้านเพื่อน
มีครั้งนึงมหาราชาแห่ง Jodphur เชิญทั้งครอบครัวคุณหญิงไปร่วมฉลองปฐมฤกษ์ขบวนรถไฟ
แต่มหาราชาจกัตบอกว่า ไปไม่ได้ เพราะไม่มีผู้หญิงไป ความลับมาแต่กเมื่อ รานีแห่ง Jodphur มาถามคุณหญิงว่าทำไม ไม่ไปด้วยกันล่ะ คุณหญิงถึงได้รู้ว่า ได้รับเชิญไปทั้งครอบครัว แต่ที่มหาราชาไม่บอก เพราะกลัวว่าหากเดินทางไปกับครอบครัวซึ่งมีเด็กเล็กๆ จะเป็นการวุ่นวายลำบาก ไม่สะดวก
คุณหญิงเล่าว่าส่วนมาก มหาราชาจะใช้วิธีบินไปก่อน หรือบินตามไปทีหลัง ปล่อยให้คุณหญิงหอบข้าวของหอบลูกไปเองลำพัง
ตลอดเวาที่อยู่ คุณหญิงต้องมีเช็คเดินทางติดตัวไว้ เพื่อคอยจ่ายค่าต่างๆ ตลอด ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนคนงาน ซึ่งมหาราชาไม่ยอมจ่ายเสียที จนคุณหญิงสงสารทนไม่ไหวเลยจ่ายไปเองเลย
 
" ที่เล่าไปนี่ อย่าคิดว่าเค้าไม่มีเงินนะคะ เปล่าเลย เค้ามีค่ะ เพราะอย่างเวลาเค้าเดินทางไปไหน จะนั่ง first class ทั้งแม่ทั้งลูก ไปพักโรงแรมก็จะอยู่ห้องสวีทหรูๆ เขายอมจ่ายทุกอย่างเพื่อความสุขสบายของตัวเองแต่ไม่ให้คนอื่น เขาไม่ได้ดูถูกฉันหรอกนะคะ แต่เพราะเค้าเห็นว่า ฉันมีสตางค์ ถ้าเค้าดื้อแพ่งนานๆ ไม่ยอมจ่าย เดี๋ยวฉันก็ต้องควักระเป๋าเอง ทนอยู่นานไม่ได้หรอก การที่เขาไม่ยอมจ่ายให้ใคร อย่าพูดเหมาเลยว่ามันเป็นประเพณีของที่นี่ ฉันคิดว่ามันเป็นธรรมเนียมของครอบครัวนี้มากกว่า "
เมื่อคุณหญิงทนไม่ไหว ไปพูดกับราชมาตาเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน ก็ได้คำตอบว่า
" ฉันช่วยไม่ได้หรอก เพราะนี่เป็นเรื่องส่วนตัวของสามีภรรยา"
คุณหญิงเสียใจที่ผู้ใหญ่ไม่ช่วยไกล่เกลี่ย แต่มาได้คิดว่า หากราชมาตาไปบอก มหาราชาก็ต้องบอกว่าไม่จ่าย แล้วท่านเองก็จะต้องเป็นผู้ควักกระเป๋าจ่าย
 
สิ่งที่ทำให้คุณหญิงเสียใจมากที่สุด คือ เมื่อเทพราช ลูกชายต้องเข้า โรงพยาบาลเพราะท้องเสียเป็นบิด อาการร่อแร่ คุณหญิงต้องไปอยู่เฝ้าและดูแลลูกชายที่ โรงพยาบาล เผอิญว่า วันนั้นเป็นวันเกิดมหาราชาจกัต และจะมีงานปาร์ตี้ตอนเย็นที่บ้าน โดยคุณหญิงเป็นแม่งานดูแล คนรับใช้เป็นห่วงทั้งคุณหญิงและบุตรชาย เห็นว่ารานีไปโรงพยาบาล ไม่ได้กลับบ้านมาอาบน้ำ หรือ จัดงานเลย ดังนั้นเมื่อมีแขกมาปาร์ตี้ เลยบอกกับแขกว่างดปาร์ตี้แล้ว เพราะเทพราชป่วยหนัก รานีอยู่โรงพยาบาล
 
" เมื่อจกัตกลับมาจากล่าสัตว์ ครึกครื้นเพราะดื่มเหล้ามาพอสมควร พอรู้ว่าคนใช้บอกให้แขกกลับบ้าน
ก็โกรธล้งเล้งใหญ่ ไล่คนใช้ออกไป แล้วเขาก็โทรไปเรียกเพื่อนฝูงให้กลับมาปาร์ตี้ใหม่ สั่งเหล้าและอาหารจากโรงแรม กว่าจะมาเยี่ยมลูกได้ ปาเข้าไปตีสี่
 
แล้วคืนนั้นละที่ฉันรู้สึกว่า เราจะแต่งงานกับคนๆนี้ไปทำไม ในเมื่อเขาไม่ช่วยรับรับภาระเลี้ยงดูลูก หรือร่วมทุกข์ร่วมสุขกันเลย เรื่องอย่างนี้มันค่อนข้างเจ็บปวดนะ "
คุณหญิงเลยตัดสินใจฟ้องหย่า โดยไม่ขอเรียกค่าเลี้ยงดู แต่ประการใด และได้สิทธิ์ในการดูแลลูกด้วย
รวมเวลาฟ้องหย่า 5- 6 ปี กว่าจะหย่าได้ก็ใช่ย่อย เช่นทางโน้นยื่นอุทธรณ์ หรือ ยื่นฏีกา ในวันสุดท้าย
ทำเอาคุณหญิงเธอลุ้นแทบแย่
 
แต่ปัจจุบัน คุณหญิงเธอก็มีความสุขกับครอบครัวใหม่ดี
บทความจาก หนังสือพลอยแกมเพชร
เล่ม 48 31มกราคม 37
โฆษณา