23 พ.ย. 2020 เวลา 03:26 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
“ ทำความรู้จักตัวเอง ในแบบที่ไม่เคยรู้จัก”
เราเป็นทาสของอารมณ์ ผ่านการรับรู้
ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มาตั้งแต่เกิด
เราตัดสินทุกความรับรู้ จนสะสมกลายเป็นอารมณ์ชอบ หรือ ไม่ชอบ
จนมันแปลงสภาพกลายเป็นความ เกลียด รัก ลำเอียง กังวล เศร้า หดหู่ หลงไหล และอะไรอีกมากมายให้เราต้องกลายเป็นทาสคอยตามรับใช้มัน “ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้?”
และเราก็ไม่เคย “เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง”
เมื่อเราปล่อยให้อารมณ์เป็นใหญ่ กว่าการมีสติสัมปชัญญะ และเห็นสิ่งต่างๆตามจริง
อารมณ์จะทำให้เราตัดสิน และเลือกที่จะเชื่อว่าเราถูก เราดี เราสำคัญ เราเป็นศูนย์กลางของจักรวาลอย่างไม่มีเหตุผล
จนทำให้เราทำร้ายคนที่เรารักได้แบบไม่ลืมหูลืมตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จากการเป็นทาสอารมณ์
เราลืมพระคุณของพ่อแม่ ถึงขนาดด่าทอท่านว่า
ให้เราเกิดมาทำไม เพียงแค่ท่านไม่มีเงินซื้อของที่เราต้องการให้
เราลืมความรักความเสียสละจากคนรัก ถึงขนาดพูดจา แสดงกิริยาทำร้ายเค้าได้มากมาย เพียงแค่เค้าทำอะไรไม่ถูกใจเพียงเล็กน้อย แต่อารมณ์ที่ครอบงำมันก็ทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ถึงขั้นทะเลาะทำร้ายกัน ไม่พูดกันเป็นเดือนๆ เลิกราตัดความสัมพันธ์ หรือฆ่าแกงกันก็ยังได้
เราลืมน้ำนมข้าวป้อนและความรักจากพ่อแม่ ถึงขนาดหยิบเชือกมาผูกคอ หรือทานยาฆ่าตัวตาย เพียงเพราะผิดหวังจากความรักที่เราไม่เคยมีให้แม้แต่ตัวเอง เป็นความรักปลอมๆที่เราเข้าใจไปเองว่ามันคือรักแท้ แต่ที่จริงมันก็เป็นแค่อารมณ์ทนไม่ได้ต่อความไม่ได้ดังใจของเราเท่านั้นเอง
เราเสียเวลาไปมากมายเท่าไหร่แล้ว กับการหาใครมารองรับอารมณ์ หรือจะต้องหาใครมารับผิดให้ได้จากการที่เราตกเป็นทาสอารมณ์ของตัวเราเองนี้
มันทำให้เราค่อยๆตาบอดขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาดลงมือทำร้ายคนที่เรารักมาแล้วไม่รู้กี่คนต่อกี่คน รวมถึงตัวเราเอง
จากการที่เรา
“ไม่สบอารมณ์” เพียงเท่านั้นเอง
จริงๆมันไม่ใช่เรื่องผิด
ถ้าจะผิดก็คงผิดที่ “ความไม่รู้”
หากอยากลาออกจากอะไรแบบนี้ซักที
ต่อไปถ้าอะไรเกิดขึ้นกับเรา
ไม่ว่าจะเป็นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ซึ่งได้แก่การมองเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส สัมผัส รับรู้
แล้วเราสามารถหยุดทุกอย่างไว้เพียง “แค่รู้”
ตัดท่อเชื่อมไปสู่ความชอบ หรือไม่ชอบ
แล้วเปลี่ยนมาเห็นอีกมุมคือ
เมื่อไปถึง “แค่รู้” และลองสังเกตความเปลี่ยนแปลงของการรับรู้นั้นจนเห็นว่าสิ่งที่ถูกรู้นั้นหายไปต่อหน้าต่อตา
เราจะค่อยๆถอดถอนออกจากการเป็นทาสของอารมณ์
ยกตัวอย่างเช่น
ได้กลิ่นหอมลอยมา
รับรู้ว่ากลิ่นหอมลอยมา
เห็นการมีอยู่ของมันและสังเกตสภาพของมัน
จนเห็นด้วยใจว่า ความหอมนั้นกำลังแสดงความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและสุดท้ายมันก็หายไป
ทำแบบนี้กับทุกการรับรู้ทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ
มันจะทำให้เราฉลาดขึ้นว่า
ทุกอย่างที่รับรู้ มันล้วนมาแล้วก็ไป
มีแต่คนโง่และคนที่ไม่เข้าใจโลกเท่านั้น ที่เก็บของที่หมดอายุไปแล้วมาเป็นอารมณ์คอยฟาดงวงฟาดงาคนอื่นไม่จบไม่สิ้น
กินข้าวไม่อร่อย เคี้ยว กลืนจน ความไม่อร่อยหายไปแล้ว แต่ก็เก็บอารมณ์ความทุกข์ไปบรรยาย ไปโพสต์ลงพันทิป ไปบอกต่อใครต่อใครอีกหลายวันว่าร้านนี้ไม่ดีอย่าไปกิน เพียงเพราะแค่มองไม่เห็นว่าความไม่อร่อยมันหายไปแล้ว
ไปเที่ยวที่ๆสวยงาม มีความสุข พอจะกลับความสุขผ่านไปแล้ว ก็เปลี่ยนกลายเป็นความทุกข์ ไม่อยากกลับ อยากมาอีก อารมณ์เสีย พาลเพื่อนร่วมงาน พาลเจ้านายที่เวลาหยุดมันช่างน้อยนิดเพียงเพราะมองไม่เห็นว่าความสุขจากการได้ไปเที่ยวมันผ่านไปแล้ว
ทะเลาะกับแฟนเรื่องเล็กน้อย ก็ไปขุดเรื่องที่ผ่านมาแล้วสิบเรื่องร้อยเรื่อง มาสร้างเป็นปัญหาใหญ่โตขึ้นมาใหม่โดยที่ไม่เห็นว่าเรื่องเล็กน้อยกลายเป็นเรื่องใหญ่เพราะถูกอารมณ์ครอบงำไปแล้ว
สิ่งเหล่านี้ ผมเชื่อว่า มีหลายคนไม่อยากเป็นไม่อยากทำ และพร้อมที่จะแก้ไขมันแล้ว
ฉะนั้น
การเห็นความรู้สึกทางกายใจที่กำลังปรากฎ
แล้วสังเกตสภาพของมัน จนเห็นว่ามันค่อยๆเปลี่ยนแปลง และดับไป ช่วยได้ครับ
ทำควบคู่ไปกับการรู้ลมหายใจและฝึกหายใจยาวและลึกได้ทั้งวัน
และแน่นอน
ทำวันเดียวไม่ได้ผลหรอก
เราสะสมจนเป็นแบบนี้มาเนิ่นนาน
เหมือนกินแบบไม่บันยะบันยังมา 10 ปี จนอ้วนฉุ
หากอยากลดความอ้วน ก็คงไม่ใช่ว่าจะผอมใน 1-2 วัน
เราต้องใช้เวลา ทุ่มเท และทำถูกวิธีอย่างน้อยๆ ก็ 3-5 เดือนขึ้นไป จนมันกลายเป็นนิสัยใหม่
และแน่นอน มันจะเห็นผลอย่างช้าๆเมื่อเริ่มลงมือทำอย่างเป็นเหตุเป็นผลตั้งแต่วันแรก
ใครที่อยากเลิกเป็นทาสอารมณ์ เพราะเห็นโทษของการเป็นทาสของมัน ก็เริ่มได้เลยครับ
ส่วนใครที่ยังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร
และทั้งหมดในโพสต์นี้ เมื่อทำไปเรื่อยๆจนชำนาญ
มันก็เป็นเช่นดังความรู้ ที่ได้แล้วได้เลย ใครจะมาขโมยไปก็ไม่ได้ ยิ่งทำก็ยิ่งทุกข์น้อยลงได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องไปพึ่งใครที่ไหน
เพราะโลกใบนี้ ไม่มีน้ำมนต์ พระพุทธรูป รูปปั้น เครื่องลาง พิธีกรรมเพื่อเปลี่ยนนิสัย
มีแต่ใจที่เริ่มมีปัญญา และลงมือทำด้วยตัวขอบตัวเองเท่านั้นที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้จริง
และจะทำให้เราได้กลายเป็นเจ้านายของตัวเองมากขึ้น ไม่ตกเป็นทาสอารมณ์ ทาสของกิเลส และความไม่รู้อีกต่อไป
และนี่คือการแก้ไขในระดับจิตวิญญาณของเรา ให้เรากลายเป็น มนุษย์ที่มีศักยภาพมากขึ้น มีเหตุผล กลายเป็นมนุษย์น้ำดี ที่สังคมปัจจุบันต้องการเป็นอย่างมาก
เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ
และทั้งหมดนี้ ผมก็ฝึกเป็นเพื่อนทุกคนเช่นกัน
อะไรที่ทำแล้วดี ก็เอามาบอกกัน ทำไปด้วยกัน พิสูจน์ไปด้วยกัน และรู้คำตอบไปด้วยกันนะครับ
เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังจะยื่นใบลาออกจากการเป็นทาสของอารมณ์ครับ
แอดมินป้อง
☘️
รู้จักตัวเองมากขึ้นง่ายๆระดับจิตใต้สำนึก
ผ่านคอร์ส อาบน้ำหัวใจ all problems
สอบถามรายละเอียดได้ที่
โฆษณา