23 พ.ย. 2020 เวลา 06:46 • ปรัชญา
ในยุคที่โรคระบาดยังคงอยู่
เหตุการณ์บ้านเมืองไม่สู้ดี
แต่ละคนต้องดิ้นรนในชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงาน
บางครั้งก็เผลอทำร้ายคนอื่น และชินชากับความรุนแรง
ในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้
เราควรประคับประคองใจ
ให้มีเมตตาทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
ความเมตตานี้ บางทีก็ต้องระวัง
เพราะบ่อยครั้ง พอเราเมตตาผู้อื่น
เรากลับเมตตาด้วยความคิดที่ว่าเราสูงส่งกว่า หรือดีกว่า
ความคิดเช่นนี้ รังแต่ละเป็นมิจฉาทิฐิ
ยิ่งคิดยิ่งแผ่เมตตาในแนวทางนี้
ก็จะยิ่งเชื่อว่าเราดีกว่า สูงกว่าใคร
เป็นการบ่มเพาะอัตตาตัวตนให้ใหญ่คับโลก
การให้ความช่วยเหลือ การบริจาค ด้วยเมตตาแบบบิดเบี้ยว มีแต่จะกระตุ้นให้ตัวเรา ลอยอยู่บนอากาศจอมปลอม ไม่รู้เลยว่าจะตกลงมากระแทกพื้นเมื่อใด
ดังนั้น การมีเมตตา จึงควรมีสติกำกับ และมีสัมมาทิฐิเป็นจุดเริ่มต้น
เริ่มจากการที่เราเห็นว่าทุกคนเท่าเทียมกัน
ไม่ใช่เพียงทุกคน แต่คือสรรพสิ้งทั้งมวล ล้วนมีคุณค่าเสมอเหมือนกัน
มีสิทธิ์ในการใช้ชีวิต ดุจเดียวกัน
เมื่อเราฝึกเมตตาผู้อื่นด้วยความคิดตั้งต้นเช่นนั้น
เราย่อมไม่เผลอยกตัวว่าดีกว่า ไม่เผลข่มเหงใครอื่นให้ด้อยลง
ส่วนการเมตตาตนเอง ก็สำคัญอย่างยิ่ง
ในโลกทุกวันที่วิ่งไหวด้วยการไขว่คว้าความสำเร็จ
ขอให้เมตตาตัวเองในแต่ละวัน
ไม่มีหรอก ชีวิตที่สำเร็จทุกย่างก้าว
ไม่มีหรอก ความราบรื่นไปหมดในทุกวัน
ขอให้เชื่อก็พอว่าเราทำเต็มที่แล้ว
และเรากำลังอยู่ในเส้นทางที่เหมาะสมที่สุด
เมตตาและหมั่นให้อภัยตัวเอง เพื่อจิตใจจะได้มีเรี่ยวแรงต่อไปในวันข้างหน้า
ขอโทษทุกคนที่เราเงียบหายไปนานมาก
เหมือนว่าไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง ไม่ค่อยมีสมาธิเลย
เหมือนว่าเราต้องเริ่มเดินใหม่
บางวันก็กลายเป็นเด็กแบเบาะยังไงก็ไม่รู้ค่ะจิตใจ
แต่จะพยายามฮึบมาเขียนเรื่อยๆ นะคะ
ขอให้ทุกคนรักษากายใจนะคะ
เรายังต้องเดินกันต่อไปอีกไกลในสังสารวัฎนี้
ธรรมทันธีร์
โฆษณา