28 พ.ย. 2020 เวลา 03:54 • สุขภาพ
⭐ ตกขาว  เรื่องที่สาวๆต้องรู้ ⭐
ฟางเชื่อว่าสาวๆ คงได้ยินคำว่า “ตกขาว” กันอยู่บ่อยๆ แต่จะมีซักกี่คนที่รู้ว่าตกขาวคืออะไร และแบบไหนที่เรียกว่าปกติ หรือไม่ปกติ  มีวิธีการสังเกตได้อย่างไร งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿
ก่อนอื่นมาดูกันก่อนว่าตกขาวมันคืออะไรกันนะ ?
https://www.thairath.co.th/women/beauty/health/1517116
⭐ ตกขาวคืออะไร ? ⭐
ตกขาว  (Leukorrhea หรือ Vaginal Discharge)   หมายถึง สารคัดหลั่งที่ถูกขับออกมาทางช่องคลอด มีหน้าที่ช่วยในการหล่อลื่น ป้องกันการติดเชื้อ และระคายเคือง ซึ่งลักษณะ สี และปริมาณของตกขาว จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและแต่ละช่วงของรอบเดือนค่ะ โดยทั่วไปอาจมีลักษณะดังนี้
วันที่ 1-5 ของรอบเดือน : เป็นช่วงที่มีเลือดประจำเดือน
วันที่ 6-14 ของรอบเดือน : ส่วนมากจะมีตกขาวน้อยกว่าช่วงปกติ ตกขาวมีลักษณะขุ่น มีสีขาวหรือเหลือง และอาจมีลักษณะเหนียวได้ค่ะ
วันที่ 14-25 ของรอบเดือน : ในช่วงก่อนวันตกไข่ ตกขาวอาจมีลักษณะเป็นเมือกลื่นๆ คล้ายไข่ขาว แต่หลังจากมีการตกไข่ ตกขาวจะกลับมามีลักษณะขุ่น มีสีขาวหรือเหลือง อีกครั้งค่ะ
วันที่ 25-28 ของรอบเดือน : ก่อนมีประจำเดือน จะเป็นช่วงที่ตกขาวมีปริมาณน้อยลงมากจนจางหายไปค่ะ
🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿
1
https://www.thairath.co.th/women/beauty/health/1517116
⭐ “ ตกขาว ” มาได้อย่างไร ⭐
เพราะในวัยเจริญพันธุ์จะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่แตกต่างกันไปตามรอบของประจำเดือน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี่เองค่ะ ที่จะส่งผลต่อลักษณะของเหลวที่สร้างมาจากอวัยวะต่างๆ ในระบบสืบพันธุ์ เช่น ในช่วงกลางของรอบเดือนหรือช่วงที่ใกล้กับการตกไข่ จะเป็นเวลาที่ร่างกายมีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง ทำให้ช่วงนี้จะมีตกขาวลักษณะเหลวใสๆ มากกว่าช่วงอื่นที่ปกติจะลักษณะขาวขุ่นคล้ายแป้งเปียก วิธีสังเกตง่ายๆ คือตกขาวที่ปกติ จะไม่มีกลิ่น และไม่คันค่ะ
🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿
1
⭐ สีของตกขาวบ่งบอกอะไรบ้าง ? ⭐
1
⭐ เฉดสีแดง : เลือดในช่วงที่มีประจำเดือน โดยทั่วไปจะเกิดขึ้นทุก 28 วัน หรืออยู่ในช่วง 21-35 วัน และจะใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน แต่หากมีเลือดออกในช่วงอื่นนอกเหนือจากช่วงที่มีประจำเดือน ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุต่อไปค่ะ
⭐ เฉดสีขาว : ตั้งแต่สีขาวจนถึงสีเหลืองอ่อน ลักษณะเช่นนี้จะถือเป็นตกขาวปกติที่พบได้ทั่วไป แต่หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีกลิ่น คัน หรือตกขาวมีลักษณะขาวเหนียวร่วมกับมีอาการอื่น ลักษณะนี้แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติที่อาจเกิดจากการติดเชื้อราได้ค่ะ
1
⭐ เฉดสีเหลืองเขียว : ลักษณะสีเหลืองเข้ม เหลืองเขียว จนถึงเขียว เป็นเฉดสีที่แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติที่อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นจึงควรไปพบแพทย์ โดยเฉพาะในผู้ที่มีตกขาวเหนียวเป็นก้อนหรือมีกลิ่มร่วมด้วยค่ะ
2
⭐ เฉดสีใส : ตกขาวปกติส่วนใหญ่จะมีลักษณะเช่นนี้ คือ ใสหรือค่อนข้างขาว ลื่น ลักษณะคล้ายไข่ขาวค่ะ
⭐ เฉดสีเทา : ตกขาวสีเทาเป็นลักษณะเด่นของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด โดยอาจมีอาการแสดงอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น มีกลิ่น คัน ระคายเคือง หรือมีอาการแดงบริเวณรอบๆ ช่องคลอด หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีค่ะ
2
⭐ ตกขาวแบบมีฟอง อาจเกิดจากการติดเชื้อทริโคโมนาส
2
⭐ ตกขาวร่วมกับตุ่มบวมแดง หากมีตุ่มบวมแดงรอบอวัยวะเพศ อาจเป็นเริมที่อวัยวะเพศ
⭐ ตกขาวแบบมีเลือดปน และมีความเจ็บปวด ปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน เจ็บปวดขณะปัสสาวะและขณะมีเพศสัมพันธ์ อาจเกิดจากประจำเดือนมาไม่ปกติ มะเร็งเยื่อบุมดลูก หรือมะเร็งปากมดลูก
1
⭐ ตกขาวสีชมพู อาจเป็นการหลุดลอกของเยื่อบุมดลูกหลังคลอด
⭐ ตกขาวสีขาว เป็นแป้งหนา และมีอาการคัน หรืออาจเจ็บปวดบริเวณช่องคลอดร่วมด้วย แต่มักไม่มีกลิ่นเหม็น อาจเป็นโรคเชื้อราในช่องคลอด และไม่ใช่การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ค่ะ
🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿
⭐ กลิ่นของตกขาว ⭐
ตกขาวของแต่ละคนจะมีกลิ่นที่แตกต่างกันออกไป แต่ตกขาวที่ผิดปกติ คือ ตกขาวที่มีกลิ่นเหม็นเกินปกติ โดยเฉพาะขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ใหม่ๆ อาจเกิดจากการตกขาวที่ติดเชื้อจากแบคทีเรียกลุ่มหนึ่งหรือพยาธิในช่องคลอด ซึ่งในน้ำอสุจิของผู้ชายมีความเป็นด่างไปทำปฏิกิริยากัน จะทำให้เกิดกลิ่นเหมือนปลาเน่าค่ะ
แต่ถึงกระนั้น ใช่ว่าตกขาวที่ไม่มีกลิ่นจะไม่อันตราย เพราะหากตกขาวไม่มีกลิ่น แต่มีปริมาณมาก มีลักษณะเป็นคราบนม ติดกับชุดชั้นใน และมีอาการคัน ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากความอับชื้น ของชุดชั้นใน ซึ่งต้องตากโดนแดดให้แห้ง ไม่ใช่ตากในร่ม แม้ชุดชั้นในจะแห้งแต่สามารถเกิดเชื้อราได้ นอกจากนี้การปล่อยให้อับชื้นระหว่างวันก็เป็นอีกสาเหตุเชื้อราในช่องคลอด ส่งผลให้มีการตกขาวผิดปกติเช่นกันค่ะ
3
🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿
1
⭐ สรุปอาการของตกขาวที่ผิดปกติ⭐
🌷 มีปริมาณมากกว่าปกติที่เคยมี
🌷 ข้นเหมือนแป้งเปียกหรือคราบนม
🌷 สีเริ่มออกเขียว หรือน้ำตาล
🌷 ตกขาวมีฟอง มีกลิ่นเหม็นอับ ร่วมกับอาการแสบคันขณะปัสสาวะ
🌷 มีกลิ่นเหม็นคาวเหมือนปลาเน่า ขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ใหม่ๆ
🌷 มีตกขาวร่วมกับอาการคัน หรือแสบ
🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿
⭐ สาเหตุที่ทำให้มีตกขาวผิดปกติ ⭐
มีเชื้อราบริเวณช่องคลอด จากการสวมใส่ชุดชั้นในอับชื้น
🌼 ผนังมดลูกลอกตัวช้าหลังหมดประจำเดือน
🌼 ช่องคลอดมีอาการระคายเคือง
🌼 รับประทานยา หรืออาหารบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะบางตัว อาหารหมักดอง อาหารทะเล
🌼 มีแผลจากการติดเชื้อในช่องคลอด
1
🌼 ตั้งครรภ์ โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ที่ป่วยโรคเบาหวาน
🌼 มีเพศสัมพันธ์กับผู้มีเชื้อหนองใน (ตกขาวมีลักษณะเหมือนหนอง อาจมีปริมาณไม่มาก และอาจมีกลิ่นเพียงเล็กน้อย ต้องให้แพทย์ตรวจอย่างละเอียด)
🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿
⭐ การวินิจฉัยตกขาว ⭐
ปกติแล้ว อาการตกขาวเป็นกลไกตามธรรมชาติของร่างกายเพศหญิง แต่หากพบว่ามีตกขาวที่ผิดปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา โดยแพทย์จะซักประวัติสุขภาพ การรักษา การใช้ยา การเจ็บป่วยที่ผ่านมาหรือที่เป็นอยู่ ประวัติการมีเพศสัมพันธ์ และสอบถามเกี่ยวกับอาการตกขาวที่พบค่ะ เช่น สีและกลิ่นของตกขาว อาการที่พบร่วมกับตกขาว อย่างอาการคัน เจ็บปวด หรือมีแผลบริเวณช่องคลอด และช่วงเวลาที่เริ่มมีตกขาวผิดปกติค่ะ
หากพบสัญญาณความผิดปกติ แพทย์จะตรวจร่างกายภายใน แล้วจึงนำตัวอย่างตกขาวไปตรวจ หรืออาจใช้วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap Test) ในกรณีที่สงสัยว่าอาจป่วยเป็นมะเร็ง ซึ่งแพทย์จะใช้เครื่องมือสอดเข้าทางช่องคลอด เพื่อป้ายเซลล์จากบริเวณปากมดลูกแล้วส่งตรวจตัวอย่างเนื้อเยื่อหาการติดเชื้อค่ะ
🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿
1
⭐ ตกขาวผิดปกติกับการติดเชื้อในช่องคลอด ? ⭐
ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มีการติดเชื้อในช่องคลอด มักแสดงอาการผ่านทางลักษณะของตกขาว อาการคัน และกลิ่น โดย 3 โรคหลักที่เกี่ยวข้องกับตกขาวผิดปกติ ได้แก่
🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿
การติดเชื้อราในช่องคลอด (VULVOVAGINAL CANDIDIASIS)
ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ CANDIDA ALBICANS แต่บางรายอาจเกิดจากเชื้อราชนิดอื่นได้
ปัจจัยที่อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อราในช่องคลอด ได้แก่ โรคเบาหวาน การใช้ยาปฎิชีวนะเป็นเวลานาน การมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงขึ้นหรือได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนจากภายนอก (เช่น การใช้ยาคุมกำเนิด ภาวะตั้งครรภ์) ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น การติดเชื้อเอชไอวี การได้รับยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน)
⭐ อาการ ⭐
ตกขาวมีลักษณะเหมือนแป้งเปียก มักมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอด หรือมีอาการแสบร้อนในช่องคลอด ปัสสาวะแสบขัด เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ เมื่อตรวจภายในอาจพบการบวมแดงบริเวณปากช่องคลอดและช่องคลอดค่ะ
⭐ การรักษา ⭐
ให้ยาฆ่าเชื้อรา ซึ่งมีทั้งรูปแบบยาครีม ยาเหน็บช่องคลอด และยารับประทาน เช่น Clotrimazole, Miconazole, Tioconazole, Fluconazole
🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿
การติดเชื้อแบคทีเรีย (BACTERIAL VAGINOSIS)
เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ดีมีการเจริญเติบโตเพิ่มจำนวนจนมากกว่าเชื้อแบคทีเรียประจำถิ่น ทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้น
มักสัมพันธ์กับการมีคู่นอนหลายคน การสวนล้างช่องคลอด การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย และการขาดแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัสในช่องคลอด
⭐ อาการ ⭐
ส่วนมากจะไม่แสดงอาการผิดปกติ บางรายอาจมีอาการตกขาวผิดปกติ เช่น ตกขาวมีสีเทา มีกลิ่นเหม็นเหมือนคาวปลา มีอาการคัน อาจมีปัสสาวะแสบขัดหรือเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ร่วมด้วย ส่วนอาการอักเสบในช่องคลอดหรือแสบร้อนบริเวณปากช่องคลอดพบได้น้อยค่ะ
⭐ การรักษา ⭐
ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น Metronidazole, Tinidazole, Clindamycin และควรงดกิจกรรมทางเพศระหว่างการรักษาค่ะ
🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿
การติดเชื้อทริโคโมแนส (TRICHOMONIASIS)
การติดเชื้อทริโคโมแนส ( TRICHOMONIASIS)
เกิดจากเชื้อโปรโตซัว TRICHOMONAS VAGINALIS (TV) ที่มักติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์
⭐ อาการ ⭐
ตกขาวมีสีเขียวเป็นฟองและมีกลิ่นเหม็น ร่วมกับมีอาการแสบร้อนและคันบริเวณปากช่องคลอดและช่องคลอด ปัสสาวะแสบขัด เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์หรือเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ มีการอับเสบ บวมแดงบริเวณปากช่องคลอดและช่องคลอด มีจุดเลือดออกบริเวณช่องคลอดและปากมดลูกที่มีลักษณะจำเพาะเรียกว่า Strawberry cervix ค่ะ
⭐ การรักษา ⭐
ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น Metronidazole, Tinidazole  และให้การรักษาคู่นอนร่วมด้วยค่ะ
🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿
⭐ เมื่อไหร่จึงควรไปพบแพทย์? ⭐
🌷 ผู้หญิงเราควรไปพบแพทย์เมื่อตกขาวมีลักษณะ สี หรือกลิ่น ผิดไปจากปกติ หรือมีอาการทางช่องคลอด เช่น
🌷 มีลักษณะแดง คัน เจ็บ แสบร้อน หรือระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศหรือช่องคลอด
🌷 ตกขาวมีลักษณะเป็นฟอง หรือมีลักษณะคล้ายแป้งเปียก
🌷 ตกขาวมีสีเหลือง เขียว หรือเทา
1
🌷 มีเลือดหรือเลือดออกกะปริดกะปรอยในช่วงที่ไม่มีประจำเดือน
🌷 มีกลิ่นรุนแรง
🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿
⭐ วิธีทำความสะอาดเมื่อมีตกขาว ⭐
การทำความสะอาดที่ดีที่สุด คือ การใช้น้ำเปล่า และซับให้แห้ง หากมีประจำเดือนควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ ไม่แนะนำให้ใช้แผ่นอนามัย เพราะอับชื้นได้ง่ายกว่า และอย่าให้อับชื้น ควรเปลี่ยนชุดชั้นในเมื่อมีความเปียกชื้น ซักให้สะอาด และตากให้แห้งสนิทก่อนนำมาสวมใส่ค่ะ
🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿
โดยทั่วไปการติดเชื้อหรือความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศหญิงอาจมีผลทำให้ตกขาวผิดปกติได้ ซึ่งบางครั้งอาจจำเป็นต้องได้รับการรักษา ดังนั้น ผู้ที่สังเกตเห็นอาการผิดปกติของตกขาวหรืออาการอื่นๆ ที่อาจบ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและทำการรักษาต่อไป
ปัญหาความผิดปกติของตกขาวสามารถป้องกันได้ โดยปกติแล้วบริเวณช่องคลอดจะมีแบคทีเรียทีเรียเจ้าถิ่นอยู่แล้วค่ะ ทำหน้าที่คอยปกป้องช่องคลอดไม่ให้เกิดการติดเชื้อ
แต่เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายมีการรับประทานยาฆ่าเชื้อ อาจเป็นการรักษาโรคหวัดและอื่น ๆ จะส่งผลให้แบคทีเรียชนิดนี้ถูกทำลายได้ รวมถึงการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ อาจส่งผลให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง หรือการทานยากดภูมิ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่ตกขาวได้ รวมถึงช่วงหลังมีประจำเดือนหรือใกล้มีประจำเดือนที่เป็นปัจจัยเสี่ยง
1
ป้องกันได้โดยการทำร่างกายให้แข็งแรง โดยออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ งดสุราและบุหรี่ หรือ ปรับพฤติกรรมบางอย่าง เช่น หลีกเลี่ยงการอับชื้น ไม่ใส่กางเกงในรัดเกินไป และระวังเวลาเป็นหวัด หากทานยาฆ่าเชื้ออาจมีตกขาวตามมาได้ นอกจากนี้ยังพบว่าในบางรายมีการฉีดน้ำล้างช่องคลอดเป็นเวลานาน ยังทำให้สิ่งแวดล้อมในช่องคลอดเปลี่ยนไป อาจส่งผลให้เชื้อแบคทีเรียเจ้าถิ่นตายและเกิดการติดเชื้อได้ง่ายอีกด้วย
สำหรับการทำความสะอาดช่องคลอดควรทำความสะอาดในระดับที่พอดีกับความต้องการของร่างกาย ไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดมากเกินไป เพราะจะทำให้ผิวหนังบริเวณช่องคลอดบาง หรือส่งผลให้เชื้อแบคทีเรียเจ้าถิ่นตายและเกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้นค่ะ
ข้อแนะนำสำหรับผู้หญิงที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไป หรือเริ่มมีเพศสัมพันธ์ควรตรวจภายในเป็นประจำทุกปี เพื่อตรวจหาสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นและทำการรักษาได้ทันเวลาค่ะ
🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿
⭐ อ้างอิง ⭐
🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา