[ ความท้าทายของ 'โค้ชซิโก้' ]
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีอีกหนึ่งข่าวใหญ่ของวงการฟุตบอลอาเซียน กับเรื่อง เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่กลับมารับงานโค้ชอีกครั้งหลังห่างหายไปนานกว่า 3 ปี โดยมีปลายทางที่ ฮอง อันห์ ยา ลาย สโมสรเงินหนาของประเทศเวียตนาม
มันเป็นข่าวใหญ่ที่เวียตนาม มากๆ นะครับ เพราะว่า 'โค้ชซิโก้' คือหนึ่งใน 'ตำนาน' ของ ฮอง อันห์ ยา ลาย และเป็นนักฟุตบอลไทย ที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงส่ง
ครั้งหนึ่งที่ตัวผมไปเที่ยวเมืองฮานอย เผอิญว่าจังหวะนั้นทีมชาติไทย แข่งขันกับทีมชาติเวียตนาม พอดี มันเลยทำให้ได้พูดคุยและสัมภาษณ์แฟนฟุตบอลที่นั่นพอดี
ผมถามพวกเขาว่า "นักเตะไทย ที่พวกคุณชื่นชอบคือใคร?"
เกือบจะร้อยทั้งร้อย คำตอบที่ได้คือ "เกียรติ-ติ-ซ้าก" (ต้องออกเสียงแปร่งๆ หน่อยให้เข้ากับคนเวียตนาม พูดอังกฤษ) ซึ่งก็คือ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง นั่นแหละ
อีกคนที่ได้คะแนนมาติดๆ คือ "ทอง-เหล๋า" หรือ ดัสกร ทองเหลา อดีตกองกลางทีมชาติไทย ที่เคยไปเล่นกับ ฮอง อันห์ ยา ลาย เมื่อปี 2007-09 ซึ่งครั้งนั้นเขามีทั้งค่าเหนื่อยและค่าตัวแพงที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของวงการลูกหนังเหมืองเหงียนเลยทีเดียว
ย้อนกลับมาที่เรื่องของ 'โค้ชซิโก้' ตอนที่ ฮอง อันห์ ยา ลาย ประกาศอย่างเป็นทางการผ่าน เฟซบุ๊ก ของสโมสร ปรากฏว่าได้รับการรัว 'ไลค์' เป็นหลักหมื่น ซึ่งถือว่าแฟนๆ ที่นั่นให้ความนิยมชมชอบอดีตกุนซือทีมชาติไทย เป็นอย่างมาก เพราะโดยปกติแล้วจะกดไลค์แค่หลักพันเท่านั้น
เท่านั้นยังไม่พอ เท่าที่ผมไปเช็คข่าวตามหน้า เว็บไซต์ ของประเทศเวียตนาม ก็ไม่ต่างกัน เพราะเขาได้ขึ้นเป็นเฮดหลักของสื่อกีฬาทั้งนั้น
เรียกได้ว่าชื่อเสียงของ เกียรติศักดิ์ ที่ประเทศเวียตนาม นั้นคือ ซูเปอร์สตาร์ เลยทีเดียว
ทว่ามันอาจจะเป็นแรงกดดันให้กับเจ้าตัวก็เป็นได้ เพราะผลงานกับทีมชาติไทย ที่ทำไว้ระหว่างปี 2014-17 นั้นเวอร์วังอลังการจนทำให้แฟนๆ ฮอง อันห์ ยา ลาย เคลิบเคลิ้มถึงสไตล์ฟุตบอลที่สวยงามเลยทีเดียว
นับตั้งแต่ส่งทีมเข้าร่วมแข่งขัน วีลีก เมื่อปี 2003 นับถึงปัจจุบัน พวกเขาเคยคว้าแชมป์ลีกเพียง 2 หน เท่านั้น
ซึ่ง 2 ครั้งนั้นก็ได้มาเพราะมี เกียรติศักดิ์ ประจำการอยู่ในแดนหน้านั่นแหละ
ทว่าต้องไม่ลืมทีมชุดแชมป์ ณ ห้วงเวลานั้นมีแกนหลักเป็นนักเตะไทย อย่าง ดุสิต เฉลิมแสน, ศักดา เจิมดี และ ชูเกียรติ หนูสลุง อีกทั้งโค้ชก็ยังเป็น อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ อีกต่างหาก เรียกได้ว่าเหนือกว่าสโมสรอื่นเขาแบบชัดเจน
แต่ถึงอย่างนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมการกลับไปเวียตนาม ของเขาจึงได้รับการตอบรับจะเป็นกระแสอย่างหนักหน่วงถึงความฝันอันหวานแหววว่าทีมจะ คัมแบ็ก สู่การเป็นแชมป์ครั้งแรกในรอบเกือบ 20 ปี
แต่ก็อย่างที่ผมเพิ่งเขียนไปในบรรทัดข้างต้น บางทีความคาดหวังเหล่านี้อาจจะสร้างความกดดันให้กับ เกียรติศักดิ์ ก็เป็นได้นะครับ
เวลานี้ที่ วีลีก มีสโมสรใหญ่อยู่หลายทีม ไม่ว่าจะเป็น เวียตเตล (ชื่อเดิมคือ เดอะ คอง) แชมป์ 6 สมัย, ฮานอย เอฟซี, บีคาเม็กซ์ บินห์ เดือง, โฮ จิ มินห์ ซิตี้, ซันนา คานห์ ฮัว หรือ ตันห์ เฮา ที่ล้วนแล้วแต่พร้อมจะแพ้-ชนะกันได้ตลอด
ที่สำคัญคนที่ เกียรติศักดิ์ จะต้องเผชิญแน่ๆ คือ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง กุนซือมากฝีมือผู้เป็นอดีตกับ แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่น่าจะได้โยกไปคุม โฮ จิ มินห์ ซิตี้ ในเร็ววันนี้
งานของ เกียรติศักดิ์ จึงยากเพิ่มขึ้นไปอีก
แม้ว่าเรื่องการปรับตัวคงจะไม่ต้องใช้เวลานานัก เนื่องจากเขาเองก็เคยไปค้าแข้ง (2002-06) รวมถึงเคยคุมทีม (2010) มาแล้วอยู่ระยะหนึ่ง แต่การห่างหายการเป็นโค้ชไปร่วม 3 ปี นี่แหละคือสิ่งที่ เกียรติศักดิ์ ต้องรีบรื้อฟื้นโดยไว
อีกเหตุผลหนึ่งที่น่าสนใจคือผลงานในการคุมทีมระดับสโมสรของ 'โค้ชซิโก้' นั้นถือว่าห่างไกลกับทีมชาติแบบสุดกู่
ไล่เรียงตั้งแต่
ฮอง อันห์ ยา ลาย (2006)
จุฬา ยูไนเต็ด (2008)
ชลบุรี เอฟซี (2008-09)
ฮอง อันห์ ยา ลาย หนที่สอง (2010)
บีบี-ซียู (2011-12)
บางกอก เอฟซี (2012)
ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี (2013)
ทีมชาติไทย (2014-17)
การท่าเรือ (2017)
เขามีเพียงแชมป์ ถ้วย ก. (ถ้วยการกุศลก่อนเปิดฤดูกาลของเมืองไทย) ปี 2009 กับ ชลบุรี เอฟซี และพา ฮอง อันห์ ยา ลาย ได้รองแชมป์รายการ เวียนามีส เนชั่นแนล คัพ 2010 เท่านั้น
นั่นจึงเป็นที่น่าสนใจว่าตำนานศูนย์หน้าหมายเลข 13 ของเมืองไทย จะลบฝันร้ายในระดับสโมสรได้หรือไม่
มันน่าติดตามอย่างยิ่งนะครับ เพราะความกดดันที่มี กับภารกิจนำ ฮอง อันห์ ยา ลาย กลับคืนสู่บัลลังก์มันเป็นเรื่องสุดท้าทายความสามารถในเชิงโค้ชของ เกียรติศักดิ์ จริงๆ
ยิ่งกระแสทีมชาติเวียตนาม ที่ตอนนี้มาดี ข่มทีมชาติไทย อีกต่างหาก
มันยิ่งทำให้ความสนุกของ เกียรติศักดิ์ รออยู่ข้างหน้านี้แล้ว
"ผมระลึกเสมอว่าคุณด่วน เหงียน ดึ๊ก นั้น ให้โอกาสกับตัวผมทั้งในฐานะผู้เล่นและโค้ชมาแล้ว จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธได้ เรียกว่าบุญคุณต้องทดแทน" นี่คือบทสัมภาษณ์ส่วนหนึ่งที่เขาบอกผ่านการไลฟ์สดทาง เฟซบุ๊ก
เรื่องการตอบแทนบุญคุณน่ะเรื่องหนึ่ง แต่ผมมองว่า 'ความท้าทาย' และ 'ความอยากเอาชนะ' คำสบประมาท ก็มีส่วนที่ทำให้ เกียรติศักดิ์ ตกลงรับคุมทัพ ฮอง อันห์ ยา ลาย เพราะเท่าที่รู้มาตามสื่อกีฬา งานด้านการกุศล รวมไปถึงโฆษณาต่างๆ ของ 'โค้ชซิโก้' นั้นยังมีอยู่เพียบเลยนะครับ
ดังนั้นการตัดสินใจครั้งนี้จึงน่าจะต้องมีการทาบทามกันมาก่อน รวมถึงตัว เกียรติศักดิ์ เองก็คงจะพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเช่นกัน ที่สำคัญเท่าที่รู้มา ตัวเลขเงินเดือน 600,000 บาท ตามข่าวที่ออกไป ผมว่ามันยังไม่ใช่เรตค่าจ้างของเขานะครับ
เพราะตอนทำทีมชาติไทย ผมได้ยินมาว่าเขาได้อยู่ 7 หลักต่อเดือนเลยทีเดียว
ดังนั้นจึงน่าจะเป็นเรื่องของ 'ความท้าทาย' และ 'ความอยากเอาชนะ' คำสบประมาทนี่แหละที่ทำให้เจ้าตัวกระโดดรับงานนี้
ในฐานะแฟนฟุตบอลคนหนึ่ง ผมจึงขอเป็นกำลังใจให้ 'โค้ชซิโก้' ประสบความสำเร็จกับภารกิจครั้งนี้
แต่เขาจะทำได้หรือเปล่า คำตอบมีอยู่ในสนามเท่านั้น
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
Facebook : www.facebook.com/cheerball
Twitter : www.twitter.com/cheerballth
Website : www.cheerball.com
Youtube : www.youtube.com/cheerballth
ขอบคุณครับ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
