27 พ.ย. 2020 เวลา 00:30 • กีฬา
วงการลูกหนังช็อค
ปิดตำนาน "เสือเตี้ย" ดิเอโก้ มาราโดน่า อดีต​กองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินา​
เสียชีวิตลงอย่างสงบด้วยวัย 60 ปี
เมื่อคืนวันที่ 25 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 23.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย มีรายงานจากสื่อต่างประเทศหลายสำนัก รวมไปถึง BBC สื่อดังจากอังกฤษ ว่า
ตำนานแข้งชาวอาร์เจนไตน์ วัย 60 ปี เสียชีวิตอย่างสงบที่บ้านพักในเมืองบัวโนสไอเรสด้วยอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน​ภายหลังจากการมาพักฟื้นเนื่องจากต้องเข้ารับการผ่าตัดเลือดคั่ง​ในสมองได้ไม่นาน
หากใครได้ทันดูบอลตอนช่วงยุค 80 -​ 90 จนมาถึงยุค 2000 ต้นๆ สมัยนั้นยังไม่มี เมสซี่ และ โรนัลโด้​ หรือถ้าไปถามคนที่เขาอายุ 30 ปีขึ้นไป ว่ายุค​นั้นนักบอลคนไหนเก่งที่สุด หนึ่งในนั้น ต้องมี มาราโดน่า แน่นอน
บทความ​นี้ จะเป็นการรำลึกประวัติ และผลงานของตำนานที่มีฉายาว่า "เสือเตี้ย" และ "หัตถ์​พระเจ้ากัน"
ดิเอโก มาราโดน่า กับชุดทีมชาติอาร์เจนตินา
ดิเอโก้ อาร์มันโด​ มาราโดนา เกิดวันที่ 30 ตุลาคม​ 1960
ที่เมืองบัวโนสไอเรส​ ประเทศ​อาร์เจนตินา​ โดย​ครอบครัว​ของเขามีฐานะ​ค่อยข้างยากจน
แต่อย่างไรก็ตาม มาราโดน่าเอง มีพรสวรรค์​ด้านฟุตบอลตั้งแต่เด็ก ซึ่งพ่อและแม่ของเขามองว่า เขาจะใช้พรสวรรค์​ด้านฟุตบอล​มาหาเลี้ยงครอบครัว​ได้ในอนาคต
เมื่อมาราโดน่า อายุได้ 8ปี เขาได้ถูกดึงตัวให้ไปอยู่ในทีมเยาวชนของสโมสร อาร์เจนติโนส จูเนียร์​ และเขาจะได้โอกาสลงเล่นตัวจริง​อยู่เสมอ
ในปี 1976 เขามีโอกาส​ได้ลงเล่นฟุตบอล​อาชีพ​เกมแรกในชีวิต ขณะนั้นเขาอายุแค่
15 ปี ในเกมที่ อาร์เจนติโนส จูเนียร์​ เจอกับ ตัลเญเรส เดอ คอร์โดบา
ปี 1981 เขาได้ย้ายไปร่วมทีม โบคา จูเนียร์​ส มีโอกาสได้ลงเล่น 40 เกม ทำประตูไปได้ 21 ประตู ทำให้บาร์เซโลน่า​ยอมทุ่มเงินทุบสถิติ​โลกเซ็นสัญญา​ดึงไปร่วมทีมในปีต่อมา
ปี 1982 บาร์เซโลน่า​ ทุบสถิติ​คว้าตัว มาราโดน่า มาร่วมทีม ด้วยจำนวนเงินสูงถึง
5 ล้านปอนด์​ ในสมัยนั้นถือว่าสูงมากนะครับ ถ้าเทียบกับปัจจุบัน​น่าจะเท่าค่าตัว
เนย์มาร์ที่ย้ายจากบาร์เซโลน่า​ไปปารีสได้เลย เขาได้ลงเล่นไป 58 เกม ยิงไป 38 ประตู
แต่ชีวิตในถิ่น คัมป์ นู ก็ไมได้​สวยงามยิ่งนัก เขาต้องประสบปัญหา​อาการบาดเจ็บ
บ่อยครั้ง
สมัยค้าแข้งให้กับ บาร์เซโลน่า ในปี 1982 - 1984
ปี 1984 มาราโดน่าตัดสินใจย้ายซบนาโปลี หารู้หรือไม่ นี่แหละ จะทำให้เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของเขา
มาราโดน่าย้ายมาร่วมทีมนาโปลีด้วยค่าตัว 6.9 ล้านปอนด์ ถือว่าเป็นค่าตัวสถิติโลก ณ ตอนนั้นอีกเช่นเคย นาโปลี ในตอนนั้น ยังไม่เคยได้แชมป์กัลโช่ เซเรีย อา
อิตาลี่เลย ในฤดูกาล 1986-87 เป็นฤดูกาลที่ทำให้แฟนบอลนาโปลีแฮปปี้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นฤดูกาลที่นาโปลีได้แชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา เป็นสมัยแรกใน
ประวัติศาสตร์สโมสร ซึ่งเขาเป็นตัวหลักของทีมในการพาทีมคว้าแชมป์ฤดูกาลแรก
มาครองได้สำเร็จ
ปี 1986 ปีนั้น มีการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ที่ประเทศเม็กซิโก เป็นปีที่ในตอนนั้น มาราโดน่าอยู่ในช่วงฟอร์มที่พีคสุดๆ และสร้างวีกรรมไว้มากมายบนเวทีฟุตบอลโลกในปีนั้น ฉายา "หัตถ์พระเจ้านั้น" เกิดจากเกมที่พบกับทีมชาติอังกฤษ เขาได้ใช้มือ
ชกบอลเข้าประตูผ่าน ปีเตอร์ ชิลตัน นายทวารทีมชาติอังกฤษในตอนนั้นเข้าประตูไป
และกรรมการเป่าให้เป็นประตู ส่งผลทำให้อังกฤษตกรอบฟุตบอลโลกในปีนั้น
ที่มาของฉายา "หัตถ์พระเจ้า" ในเกมพบกับทีมชาติอังกฤษ ศึกฟุตบอลโลก 1986
แต่อย่างไรก็ตาม อาร์เจนตินา ก็สามารถทะลุเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศและคว้าแชมป์เหนือเยอรมันตะวันตกได้สำเร็จด้วยการเอาชนะไปด้วยสกอร์ 3-2 ซึ่งเป็นแชมป์โลกแชมป์แรกของมาราโดน่าอีกด้วย
แต่ก็เกือบจะป้องกันแชมป์ได้อยู่นะ ในปี 1990 ฟุตบอลโลกจัดขึ้นที่ประเทศอิตาลี่
ทัพ ฟ้า-ขาว ซึ่งนำทีมโดยมาราโดน่าในตอนนั้น ก็สามารถผ่านทะลุเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้อีกครั้ง แต่สุดท้ายต้องแพ้ให้กับเยอรมันตะวันตก คู่ชิงเมื่อครั้งที่แล้วไป
1-0
4 ปีต่อมา (ปี 1994) ฟุตบอลโลกจัดขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาได้ไปรับใช้ทีมชาติอีกครั้ง แต่เมื่อเกมผ่านไปได้แค่ 2 นัด เขาตรวจสารกระตุ้นต้องห้าม เลยโดนสั่งห้ามลงแข่งขันและให้ออกจากทัวร์นาเม้นต์ทันที ทำให้มาราโดน่าจบเส้นทางการค้า
แข้งกับทีมชาติทันทีพร้อมกับผลงาน ลงเล่นไป 91 เกม ยัง 34 ประตู
ผลงานกับการเป็นกุนซือ
ผลงานเด่นในการรับบทบาทกุนซือเลย ย้อนกลับไปปี 2008 เขาได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นกุนซือทีมชาติอาร์เจนตินา และสามารถพาอาร์เจนตินาไปลุยศึกฟุตบอลโลก 2010
รอบสุดท้ายที่จัดขึ้นที่แอฟริกาใต้ ได้สำเร็จ
แต่การเป็นกุนซือนั้นก็มีวีรกรรมไม่แพ้กับตอนที่ยังค้าแข้งอยู่ ก่อนฟุตบอลโลก 2010 จะจัดขึ้น เขาให้ออกมาสัมภาษณ์ว่า ถ้าเขาสามารถพาอาร์เจนติน่าคว้าแชมป์ได้
ตัวเขาจะแก้ผ้าวิ่งรอบสนาม
ทัพฟ้า-ขาว ในตอนนั้น ถูกจัดให้เป็นเต็งแชมป์เช่นกัน มีนักเตะที่จัดว่าเป็นซุปตาร์แนวรุก ฟอร์มเทพๆทั้งนั้น เช่น ลีโอเนล เมสซี่ คนนี้ไม่ต้องกล่าวถึงมากเพราะรู้ๆกันว่าสุดยอดแค่ไหน เซอร์คิโอ อเกวโร่ ในนั้นเป็นหัวหอกของ แอต มาดริด คาร์ลอส เตเวซ กำลังหลักของแมน ซิตี้ในตอนนั้น ดิเอโก้ มิลิโต้ กองหน้าของอินเตอร์ มิลาน ผู้เหมา 2 ประตูในนั้นชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก 2010 กับบาเยิร์น มิวนิค
ขุนพลอาร์เจนติน่า ในศึกฟุตบอลโลก 2010
แต่สุดท้ายก็ไปได้ไม่ถึงฝัน พวกเขาต้องอกหักตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยการโดนเยอรมันนี ภายใต้การคุมทีมของ โยอัคคิม เลิฟ ถลุงไปถึง 4-0 ทำให้มาราโดน่าโดนสั่งปลดจากตำแหน่งกุนซือทันที
สมัยรับงานกุนซือทีมชาติอาร์เจนตินา ในศึกฟุตบอลโลก 2010
หลังจากนั้น ปี 2011 เขาก็ได้ไปคุมทีม อัล วาเซิล ในลีกประเทศ
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปี2018 ไปคุมทีม โดราโดสในลีกประเทศเม็กซิโก จนในปี
2019-2020 เขาได้คุมทีม ยิมนาเซีย เด ลา พลาตา ทีมในลีกสูงสุดของอาร์เจนติน่าซึ่งเป็นทีมสุดท้ายที่เขาได้รับบทบาทเป็นกุนซือ
ช่วงภายหลังมาราโดน่าเริ่มมีอาการป่วย เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน มาราโดน่าถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เนื่องจากมีอาการเลือดคั่งในสมองจึงต้องเข้ารับการผ่าตัด แต่ท้ายที่สุดการผ่าตัดสำเร็จไปได้ด้วยดี แพทย์สั่งให้กลับบ้านไปพักฟื้นได้
แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะหายปกติ แต่จนมาถึงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2020 มาราโดน่า เกิดสภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน ทำให้เขาได้จากโลกไปอย่างสงบด้วยวัย 60 ปี เป็นการปิดตำนานที่ไม่มีวันลืม
มีนักเตะที่มีชื่อเสียงหลายคน กล่าวและโพสข้อความแสดงความไว้อาลัยกับการจากไปของตำนานคนนี้
"สักวัน เราจะได้เล่นร่วมกันบนสวรรค์" เปเล่
"ดิเอโก้ ไม่ได้จากไปไหน เขาคงอยู่ตลอดกาล" ลีโอเนล เมสซี่
"ตำนาน ที่ใครก็ไม่อาจ เต็มเต็ม" คริสเตียโน่ โรนัลโด้
"ความมหัศจรรย์ บนฟลอหญ้า ที่ไม่มีวันถูกลืม" โรนัลโด้
"แด่เพื่อรัก หมายเลข 10 ตลอดกาลของผม" โรนัลดินโญ่
สุดท้ายนี้ ผมขอร่วมไว้อาลัยกับการจากไปไม่มีวันกลับของตำนานคนนี้
ผลงานของคุณ จะคงตราตรึงใจแฟนบอลทั่วโลก
ตลอดไป หลับให้สบายครับ
R.I.P. Diego Maradona
1960 - 2020
ขอบคุณ​แหล่งที่มา
สามารถ​อ่านบทความ​อื่นของผมได้ที่นี่
ฝากติดตามและเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ 😊
โฆษณา