มีรูปแบบโครงสร้างที่แยกชัดเจนอ่านตามเอกสาร พ.ร.บ ซึ่ง ณ ปัจจุบันเป็นโครงสร้างที่เรากำลังถกเถียงกันอยู่คือตรงนี้ครับ
แยกทรัพย์สินเป็น 2ส่วน
~ทรัพย์สินส่วนพระองค์ การดูแลรักษาจัดหาผลประโยชน์เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย (ส่วนนี้ต้องเสียภาษี)
~ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ดูแลโดยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ นอกเหนือจากทรัพย์สินส่วนพระองค์ เป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และอีกส่วนนึงคือทรัพย์สินในพระมหากษัตริย์เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ (ส่วนนี้ไม่ต้องเสียภาษี)
จะเห็นได้ว่าโครงสร้างจะแยกกันอย่างชัดเจน ในการบริหารจัดการทรัพย์สิน
***อยากพูดถึงสภาพการเมืองในช่วงยุคนั้น น่าจะเป็นยุคที่วุ่นวายมากที่สุดครับ หลังจากที่ ร.7 สละราชสมบัติ และเป็นช่วงจบสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางฝ่ายคณะราษฎรหลังจากวางรากฐานกำจัดอุปสรรคทางอำนาจของตัวเอง ก็เชิญ ร.8 ขึ้นครองราชย์ และแต่งตั้งคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ขณะนั้นนายปรีดี เป็นผู้มีอำนาจและกำลังวางรากฐานเพื่อฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจหลังยุคสงครามก็เกิดการแย่งชิงอำนาจระหว่างกลุ่มคณะราษฎรซึ่งแตกกันเอง ช่วงนั้นสถาบันกษัตริย์อ่อนแอมาก จนถึงขั้นการสูญเสีย ร.8 ถูกลอบปลงพระชนม์ เพื่ออำนาจทางการเมืองของฝ่ายปฏิปักษ์ของนายปรีดี จนมาถึงการเข้าสู่อำนาจอันยาวนาน จอมพล ป. หรือนายแปลก พิบูลสงคราม ซึ่งมีอำนาจล้นเหลืองมากในยุคนั้น อย่างที่เราได้ยินจาก ผศ.ดร.อานนท์พูดในรายการคุณจอมขวัญ "ในหลวง ร.9 ในต้นรัชสมัยถ้าในหลวงจะเสด็จไปที่ใด ต้องขออนุมัติรถจากจอมพล ป." ซึ่งผมจะเขียนต่อไปในเรื่อง จอมพล ป.ปฏิปักษ์กับเจ้าในหัวข้อต่อไป