21 ธ.ค. 2020 เวลา 15:22 • ความคิดเห็น
ผู้หญิงนับหมื่นลงชื่อคัดค้านไม่ให้ MtF (หญิงข้ามเพศ) เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยหญิงล้วน
ผู้หญิงนับหมื่นลงชื่อคัดค้านไม่ให้ MtF (หญิงข้ามเพศ) เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยหญิงล้วน
- คำเตือน –
เรื่องนี้อาจสร้างความสะเทือนใจให้กับกลุ่ม transwomen (MtF หญิงข้ามเพศ) และกลุ่มที่สนับสนุน trans โปรดอ่านโดยใช้วิจารณญาณ
ผู้เขียนขอเรียบเรียงสรุปย่อตามไทม์ไลน์ของเหตุการณ์ทั้งหมด
สมัยก่อนผู้หญิงเกาหลีไม่มีโอกาสได้รับการศึกษา พระนาง Sunheon จึงได้ตั้งโรงเรียนสตรี Myungshin ในปี ค.ศ. 1906 เพื่อเป็นโรงเรียนเอกชนสำหรับผู้หญิงแห่งแรกของเกาหลี หลังเกาหลีได้รับเอกราชจากญี่ปุ่นก็ได้เป็นเลื่อนเป็นวิทยาลัยและได้รับการยกวิทยฐานะเป็นมหาวิทยาลัย Sookmyung ในเวลาต่อมา
มหาวิทยาลัยสตรี Sookmyung จึงเป็นเหมือนหนึ่งในสัญลักษณ์ของโอกาสและพื้นที่สำหรับผู้หญิงในเกาหลีใต้ปัจจุบัน
เพราะตามที่ทราบกันดีว่าโอกาสต่างๆ ของผู้หญิงไม่ว่าจะในด้านการศึกษา การทำงาน การใช้ชีวิตของผู้หญิงเอเชียโดยเฉพาะที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้มีกำแพงความเหลื่อมล้ำสูงและเห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์ของเพศหญิงน้อยมาก
เช่น กรณีการลักลอบลดคะแนนการเข้าสอบแพทย์ของผู้สมัครหญิงในญี่ปุ่นเพื่อให้ผู้สมัครชายมีโอกาสสอบผ่านได้มากกว่า, การบังคับให้ผู้หญิงที่ทำงานออฟฟิศในญี่ปุ่นต้องใส่ส้นสูงและห้ามสวมแว่นตามิเช่นนั้นจะถูกปฏิเสธไม่รับเข้าทำงานหรืออาจโดนลิดรอนสิทธิด้านอื่น,
การถูกติดกล้องแอบถ่ายในห้องน้ำหญิงและในหลายๆ สถานที่ในเกาหลีใต้เพื่ออัดคลิปไปขายเป็นคลิปโป๊ในเน็ต, การล่วงละเมิด, การข่มขืน, จนถึงการบังคับค้าประเวณีที่ผู้เสียหายในเกาหลีใต้แทบจะไม่เคยได้รับความยุติธรรมจากกระบวนการยุติธรรมในประเทศเลยและอาจโดน “ข่มขืนซ้ำ” จากคนในสังคม
มหาวิทยาลัยสตรีจึงเป็นพื้นที่สำหรับผู้หญิงไม่กี่แห่งที่ช่วยให้ผู้หญิงรู้สึกปลอดภัยและไม่ต้องระวังภัยจากผู้ชายที่ไม่ดีมากเท่ากับตอนอยู่ข้างนอก
เมื่อ ตุลาคม 2019 มี MtF คนหนึ่งเดินทางผ่าตัดแปลงเพศที่ไทยและได้ดำเนินการทางกฎหมายจนได้รับการรับรองเพศสภาพเป็นหญิงจากนั้นเขาก็ได้แจ้งความจำนงจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยสตรี Sookmyung ในเดือนซึ่งทางมหาวิทยาลัยก็ได้ตอบรับ ซึ่งเท่ากับเขาจะเป็นผู้ชายที่เป็น MtF คนแรกที่ได้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยที่รับแต่นักศึกษาผู้หญิง
เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไปก็เกิดกระแสต่อต้านจากผู้หญิงโดยกำเนิดในเกาหลีใต้ (ซึ่งผู้หญิงที่ออกมาต่อต้านก็จะถูกกล่าวหาว่าเป็น transphobia) มีการร่างคำร้องคัดค้านและรณรงค์ให้มีการลงชื่อคัดค้านซึ่งภายใน 1 วันมีผู้มาร่วมลงชื่อนับหมื่น การร้องเรียนครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยสตรีอย่าง Duksung, Dongduk, Sungshin, Sookmyung, Ewha และมหาวิทยาลัยสตรีโซล รวมถึงกลุ่มเฟมินิสต์อีก 21 กลุ่ม และยังมีผู้หญิงบางส่วนโทรไปตำหนิแผนกรับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยสตรี Sookmyung
หลังจากมีกระแสคัดค้านมาก MtF ดังกล่าวก็ยกเลิกการเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Sookmyung
จากข่าวนี้ดูเผินๆ เหมือนผู้หญิงเกาหลีใต้แล้งน้ำใจและเหยียดพวก trans แต่เมื่อมองลึกลงไปจะพบว่าปัญหามันไม่ได้อยู่แค่การยอมรับ MtF คนนี้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยสตรี Sookmyung หรือไม่ แต่มันจะหมายถึงการกำหนดบรรทัดฐานของการยอมรับ MtF คนต่อๆ ไปให้เข้าไปในพื้นที่อื่นๆ ของผู้หญิง เช่น ห้องน้ำ ห้องล็อกเกอร์ สถานที่ที่เกี่ยวข้องกับอนามัยสตรีหรือการผดุงครรภ์ สถานรับรองผู้หญิงที่ถูกทำร้ายร่างกายหรือถูกข่มขืน ฯลฯ
เพราะหากมีผู้ชายโดยกำเนิดคนแรกสามารถเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยสตรีได้ สถานที่อื่นๆ ที่เป็นพื้นที่เฉพาะของผู้หญิงก็จะปฏิเสธไม่ได้อีก ในทางทฤษฎีหากมองอย่างโลกสวยแล้วหลายคนคงบอกว่า “ในเมื่อเขาแปลงเพศแล้วเขาก็คือผู้หญิงเหมือนผู้หญิงโดยกำเนิดคนอื่นๆ ฉะนั้นเขาจึงสามารถใช้พื้นที่ของผู้หญิงได้ไม่น่าจะมีปัญหา” แต่ในทางปฏิบัติมันไม่สวยหรูขนาดนั้น
ปัจจุบันในตะวันตกมีหลายประเทศที่ยอมให้ MtF เข้าไปในพื้นที่ของผู้หญิง ซึ่งกฎหมายในประเทศเหล่านั้นปัจจุบันถูกล็อบบี้จาก trans activists จนมีการแก้ให้ยอมรับว่า “ทุกคนที่ระบุว่าตัวเองเป็นผู้หญิงก็คือผู้หญิง” โดยไม่ต้องมีการรับรองจากจิตแพทย์และไม่มีเกณฑ์ที่แน่ชัดว่า “ต้องแปลงเพศระดับไหนแล้วจึงจะนับว่าเป็น MtF” ทำให้ผู้ชายที่มีหนวดมีเคราหรือไม่ได้แปลงเพศส่วนหนึ่งส่วนใดเลยก็สามารถอ้างว่าตัวเองเป็นผู้หญิงและเข้าใช้พื้นที่ของผู้หญิงได้ ทำให้ประเทศเหล่านั้นกำลังประสบปัญหาในหลายๆ ด้าน
เช่น การที่ MtF บางคนเข้าไปทำอนาจารหรือข่มขืนเด็กหญิงหรือจงใจโชว์อวัยวะเพศชายที่ยังไม่ได้ทำการผ่าแปลงเพศในห้องน้ำหญิงหรือห้องเปลี่ยนเสื้อผู้หญิง, การที่ MtF บางคนเข้าไปในเว็บที่ปรึกษาปัญหาสุขภาพของผู้หญิงแล้วห้ามผู้หญิงพูดถึงระบบสืบพันธุ์ของเพศหญิงหรือปัญหาสุขภาพเฉพาะทางของผู้หญิงโดยอ้างว่ามันทำให้อาการ dysphoria ของพวกเขากำเริบและกล่าวหาผู้ที่พูดถึงระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิงว่าเป็น transphobia กระทั่งมีความพยายามเปลี่ยนศัพท์ทางการแพทย์บางคำที่เกี่ยวกับผู้หญิงด้วยเหตุผลว่า “ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนจะมีจิ๋มหรือมดลูก ผู้หญิงมีจู๋ก็มีถมไป”,
การที่ MtF บางคนเข้าไปในกลุ่ม LGBT ประกาศตัวว่าเป็น trans lesbian และอ้างว่าอวัยวะเพศชายของตัวเองที่ยังไม่ได้ผ่าคือ “girl dick” แล้วพยายามบีบบังคับทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เลสเบี้ยนมีเซ็กซ์กับตนและกล่าวหาเลสเบี้ยนที่ปฏิเสธ “girl dick” ว่าเป็น transphobia (ค้นกูเกิ้ล “cotton ceiling” เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม),
การที่นักโทษชายหลายคน (โดยเฉพาะผู้ต้องคดีที่เกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายและการข่มขืนผู้หญิง) ตัดสินใจแปลงเป็น MtF แล้วทำเรื่องยื่นคำร้องขอให้ตนได้อยู่แดนนักโทษหญิงแล้วได้รับการอนุมัติจนในที่สุดก็ไปก่อคดีลวนลามข่มขืนนักโทษหญิงในแดนนักโทษหญิง, การอนุญาตให้ MtF เข้าแข่งกีฬาร่วมกับผู้หญิงโดยกำเนิด, การให้ MtF ได้ใช้สิทธิ์ในโควตานักการเมืองหรือทุนการศึกษาที่สงวนไว้ให้ผู้หญิง และยังมีปัญหาอื่นๆ อีกที่หากใช้พื้นที่ตรงนี้กล่าวถึงคงยาวเกินไป (ยังมีอีกหลายประเด็นความเกี่ยวกับ trans ที่เกิดขึ้นในตะวันตกที่ดูแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดแต่มันคือเรื่องจริงไว้มีโอกาสจะนำมาเขียนถึง)
ซึ่งเมื่อมองไปทางประเทศทางตะวันตกแล้วการที่ผู้หญิงเกาหลีจะรู้สึกกังวลและไม่อยากให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับประเทศตัวเองก็คงไม่ใช่ความรู้สึกเกินจริง การกระทำของพวกเธอจึงเป็นการปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง สิทธิของผู้หญิงคนอื่นและสิทธิของลูกสาวหลานสาวในอนาคต
หากถามว่า “แล้วสิทธิของ MtF ล่ะกะจะไม่ให้เขามีที่ยืนเลยเหรอ”
ในทางปฏิบัติการเป็น MtF ไม่ได้ทำให้สิทธิของเพศชายโดยกำเนิดหายไปและยังสามารถใช้สิทธิ์ตรงนั้นได้เต็มที่หรือแม้กระทั่งจะศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชายล้วน (ซึ่งมีอภิสิทธิ์บางอย่างเหนือกว่าผู้หญิง) ก็สามารถทำได้ แต่ผู้เขียนจะไม่เห็นด้วยเลยถ้าทุกฝ่ายจะให้ความสำคัญกับ MtF จนละทิ้งผู้หญิงโดยกำเนิดหรือบังคับให้ผู้หญิงต้องยอมรับซึ่งจะเข้าสู่ประเด็นเดิม “ผู้ชายสำคัญกว่าผู้หญิงเสมอและผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายเสียสละ”
ที่เขียนแบบนี้ก็เพราะที่ผ่านมามีแต่การเรียกร้องของ MtF ที่จะเข้าไปในพื้นที่ของผู้หญิงหรือประณามผู้หญิงที่ไม่ยอม แต่แทบจะไม่มีข่าวของ FtM เรียกร้องจะเข้าไปพื้นที่ของผู้ชายหรือบังคับให้ผู้ชายยอมรับ FtM เลย (ถึงจะใช้คำว่า “แทบจะ” แต่ส่วนตัวผู้เขียนยังไม่เคยพบข่าวการเรียกร้องของ FtM ซึ่งหากมีผู้เขียนขออภัยในความไม่รู้ของผู้เขียนเองล่วงหน้า)
ผู้เขียนสนับสนุนบุคคลทุกเพศให้มีสิทธิ์ในการใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน แต่สิทธิ์ที่ว่านั้นไม่ควรได้มาจากการลิดรอนสิทธิของผู้อื่น ซึ่งกรณีของ trans woman ผู้เขียนหวังว่าในอนาคตอันใกล้องค์กรต่างๆ จะสามารถจัดสรรทรัพยากรและพื้นที่ให้กับพวกเขาได้โดยไม่ต้องเบียดบังจากผู้หญิง
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจจากข่าวนี้คือ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีการเคลื่อนไหวของผู้หญิงในเกาหลีใต้มากขึ้น ประเด็นต่างๆ ที่เคลื่อนไหวก็ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ใกล้ชิดกับความปลอดภัยและสวัสดิภาพในการใช้ชีวิตของผู้หญิงโดยตรงซึ่งก็เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าเกาหลีใต้ขึ้นชื่อด้านการเหยียดและทารุณกรรมผู้หญิงมากที่สุดในเอเชียประเทศหนึ่ง การตื่นตัวลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิเหล่านี้ราวกับจะบ่งชี้ถึงสภาพจิตใจของผู้หญิงเกาหลีใต้ชัดเจนว่าจะไม่อดทนกับการถูกกระทำอีกต่อไปแล้ว

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา