13 ธ.ค. 2020 เวลา 06:20 • ประวัติศาสตร์
เมื่อชายตกงานบุกถึงห้องนอนควีนอลิซาเบธที่​ 2
ที่มา mirror.uk
แฟนๆ​ ซีรีส์​ the Crown SS4 Ep.5 น่าจะผ่านตากับเรื่องราวของ​นายไมเคิล​ เฟแกน​ ชายตกงานวัย​ 32​ ปีได้บุกเข้าไปในห้องบรรทมของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธ​ที่​ 2​ แห่งอังกฤษ​ใน​ปี​ 1982
เค้าเข้าไปได้อย่างไร​ และเข้าไปด้วยสาเหตุอะไร​ และความจริงจากบทสัมภาษณ์​จะเหมือนกับเรื่องราวในซีรีส์หรือไม่​ วันนี้แอดขอไปค้นคว้าหาข้อมูลมาเล่าให้ฟังเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์​นี้ค่ะ
พระราชวังบัคกิ้งแฮม
**บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาในซีรีส์นะคะ**
เกิดอะไรกับอังกฤษ​ในช่วงปี​ 1981
ขอเท้าความกลับไปเล่าถึงสาเหตุกันก่อน​ ในช่วงปี​ 1970​ อังกฤษ​ประสบปัญหาเงินเฟ้อ​อันเนื่องมาจากการอัดฉีดเงินของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปี​ 1970​ ถึงแม้ผลที่ได้จะทำให้อัตราการว่างงานลดลงในช่วงแรก​ แต่ผ่านไปช่วงระยะหนึ่ง​กลับทำให้เงินในระบบเฟ้อมากขึ้นจนกระทั่งเศรษฐกิจ​ถดถอย​ และกลับกลายเป็นว่าปัญหาการว่างงานกลับเพิ่มมากขึ้นไปอีก ​
ต่อมาในปี​ 1981 อังกฤษภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีหัวอนุรักษ์นิยมอย่างมาร์กาเรต​ แธตเชอร์ได้มีการปรับเปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจ​และการบริหารประเทศ​ เช่น​ ลดบทบาทสหภาพ​แรงงานเพื่อลดการหยุดงานประท้วง​ สนับสนุนให้ประชาชนพึ่งตนเองและพึ่งพารัฐน้อยลด​ กำหนดนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจ​ ยกเลิกการโอนกิจการใหญ่ๆ​ มาเป็นของรัฐและตัดเงินสนับสนุนจากรัฐ​ ​รวมถึงการใช้นโยบายหยุดเพิ่มเงินในระบบเพื่อแก้ปัญหา​เงินเฟ้อ​ ลดภาษีเงินได้ของกลุ่มที่เสียภาษีอัตราสูงลดลงจาก 83% เหลือ 40% แต่เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม จาก 8% เป็น 15% ​
1
และด้วยนโยบายทั้งหมดทั้งมวล​ จึงทำให้โรงงานต่างๆ​ ต้องปิดตัวจำนวนมากเพราะเศรษฐกิจ​ชะงักงัน​และมีคนว่างงานเป็นจำนวนมาก​ โดยเฉพาะในปี​ 1981 มีจำนวนคนว่างงานในประเทศกว่า​ 3 ล้านคน
ซึ่งไมเคิล​ ฟาแกนคือหนึ่งใน​ 3 ล้านคนนั้น
1982 ชัยชนะของอังกฤ​ษในสงครามหมู่เกาะฟอล์กแลนด์
ในช่วงระหว่างที่อังกฤษ​กำลังต่อสู้กับสงครามทางเศรษฐกิจ​ภายในประเทศ​อย่างหนัก​หน่วงนั้น สงครามภายนอกประเทศ​ก็เข้มข้นไม่แพ้กันเมื่ออาร์เจนตินา​ตัดสินใจบุกเกาะฟอล์กแลนด์​ซึ่งเป็นดินแดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักร​ (ที่เรียกว่าโพ้นทะเลเพราะอยู่ไกลจากอังกฤษ​กว่า​ 12,000 กิโลเมตร)​
วัตถุประสงค์​ของการบุกยึดเกาะของอาร์​เจนตินาภายใต้การนำของจอมพลเลโอโพลโด กัลเทียรี (Leopoldo Galtieri) ประธานาธิบดี​ เพียงเพื่อต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชนจากปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ​ที่ตกต่ำ และเงินเฟ้ออย่างหนัก​ ซึ่งก็เป็นวัตถุประสงค์​เดียวกันเป๊ะๆ​ กับนางมาร์กาเร็ต​ แธตเชอร์ของอังกฤษ​ ดังนั้นศึกครั้งนี้จึงเดิมพันด้วยศักดิ์ศรี​และความน่าเชื่อถือในตัวผู้นำของทั้งสองประเทศ
ในวันที่​ 2 เมษายน​ 1982​ อาร์เจนตินา​ก็ได้บุกยึดเมืองพอร์ต​ สแตนลีย์ซึ่งเป็นเมืองหลวงของหมู่เกาะฟอล์กแลนด์​ แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน ในวันที่​ 14​ มิถุนายนปีเดียวกัน​ อังกฤษ​ก็กำชัยชนะในสงคราม​ สามารถยึดหมู่เกาะฟอล์กแลนด์​คืนมาจากอาร์เจนตินา​ได้สำเร็จ​ และทำให้คะแนนิยมของนางมาร์กาเร็ต​ แธต​เชอร์​เพิ่มขึ้นอย่างท่วมท้นตามที่คาดไว้
แต่ทว่า​ การทำสงครามแต่ละครั้งนั้นหมายถึงการใช้งบประมาณของประเทศจำนวนมหาศาลค่ะ
พอเห็นภาพคร่าวๆ​ ของปัญหาแล้วใช่มั้ยคะ​ ขออนุญาต​ตัดกลับมาที่ซีรี่ส์​ค่ะ
ในซีรีส์เริ่มเล่าเรื่องของชายคนหนึ่งที่อยู่อาศัยในแฟลตแห่งหนึ่ง​เพียงลำพัง เค้าตื่นมาพร้อมกับคำสบถหลังจากได้ยินการให้สัมภาษ​ณ์ของนางมาร์กาเร็ต​ที่สนับสนุนให้ประชาชนทำงานมากกว่าพึ่งพิงเงินอุดหนุนจากรัฐ​
ไมเคิลในขณะนั้นตกงานและเลิกรากับภรรยา​โดยมีลูกด้วยกัน​ 2 คน เขาดำรงชีวิตจากเงินอุดหนุน​ทุก 2 สัปดาห์​จากรัฐบาลเท่านั้น​ และถึงแม้ว่าไมเคิลจะพยายามมากสักแค่ไหน​ แต่ด้วยวิกฤติ​เศรษฐกิจ​ชะงักงันจากนโยบายของนางมาร์กาเร็ต​กลับทำให้ประชาชนต่างจับจ่ายใช้สอยน้อยลงเพราะเศรษฐกิจฝืดเคือง​ ดังนั้นอาชีพรับจ้างทาสีแบบนายไมเคิลจึงได้รับผลกระทบไปด้วย​ และนายไมเคิลก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นไปอีกเมื่อนางมาร์กาเร็ต​ตัดสินใจทำสงครามกับกับอาร์​เจนติน​าแทนที่จะมุ่งแก้ปัญหา​เศรษฐกิจ​และปากท้องของประชาชนในประเทศ
ซ้ายคือไมเคิล เฟแกนที่รับบทโดยTom Brooke ส่วนทางขวาคือไมเคิล เฟแกนตัวจริง
อยู่มาวันหนึ่งในขณะที่ไมเคิลรับเงินอุดหนุน​จากรัฐ​ ไมเคิลได้มีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่​ และเจ้าหน้าที่ก็ได้บอกให้นายไมเคิลไปร้องเรียนกับ​ สส.​เขตของเค้าเอง​ นายไมเคิลก็ได้ร้องเรียนกับ สส.เขตตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เสียด้วย เค้าได้หารือและบอกว่าระบบของประเทศไม่มีความยุติธรรมและน่าผิดหวัง แทนที่นางมาร์กาเร็ตจะอัดฉีดเงินในระบบเพื่อให้คนมีเงินใช้จ่ายมากขึ้น กลับใช้งบประมาณของประเทศกว่า 3,000 ล้านปอนด์ไปกับการทำสงครามเพื่อคนที่ไม่รู้จักเกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่น้อย (ก็ไกลกว่า 12,000 กม.อะเนาะ)
แต่การสนทนาระหว่าไมเคิลและ​ สส.​ เขต​ดูเหมือนจะจบลงไม่สวยเท่าไหร่​ เมื่อนายไมเคิลถาม​ สส.​เขตว่า​ ถ้าต้องการจะร้องเรียนนายกรัฐมนตรี​ต้องไปร้องกับใคร​ สส.​เขตจึงพูดติดตลกไปว่า​ ถ้าอยากร้องเรียนก็ไปร้องหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านสิ​ แต่ถ้าไม่สำเร็จ ก็คงต้องไปร้องเรียนกะควีนที่วังบัคกิ้งแฮม​ซะแล้วล่ะ​ เพราะนายกจะต้องเข้าเฝ้าควีนทุกวันอังคาร
ใครจะคิดว่านายไมเคิลจะหาทำจริงๆ​ เมื่อฟางเส้นสุดท้ายของเขาขาดลง...
หลังจากที่เลิกรากับภรรยา​ ไมเคิลก็ได้แต่เฝ้าดูลูกอยู่ห่างๆ​ โดยหวังว่าอยากจะให้ลูกทั้งสองได้มีโอกาสมาอยู่กับตนบ้าง​ แต่นักสังคมสงเคราะห์​มองว่าแฟลตของไมเคิลต้องได้รับการซ่อมแซม​ ไมเคิลที่กำลังตกงานจึงต้องขอเงินอุดหนุนเพื่อซ่อมแซมบ้าน​ ทว่าคำร้องของเขาก็ไม่ได้รับการอนุมัติ​เพราะชื่อเจ้าของห้องเป็นชื่อของภรรยา
ในระหว่างทางกลับบ้านไมเคิลนั่งรถเมล์ผ่านวังบัคกิ้งแฮม​ และตัดสินใจลงจากรถเมล์....
การบุกรุกครั้งที่​ 1
ข้อมูลจากวิกิพิเดีย
ประมาณสามทุ่ม​ของวันหนึ่งในเดือนมิถุนายนปี​ 1982​ ไมเคิลปีนข้ามรั้วเข้ามาในเขตพระราชวัง และปีนขึ้นไปยังชั้นที่​ 2 ทางท่อระบายน้ำ​และปีนเข้าในพระราชวังทางหน้าต่างส่วนงานมหาดเล็ก เขาสามารถเข้ามาในพระราชฐานและเดินกินแครกเกอร์และชีส​ (ชิลมาก)​ ไปตามทางเดินในพระราชวัง​กว่าครึ่งชั่วโมง​ จนไปถึงท้องพระโรง​ที่มีที่ประทับของควีน​ ไมเคิลได้ลองนั่งที่พระเก้าอี้และมองดูรูปถ่ายพระบรมวงศานุวงศ์​และรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นเจ้าหนูโกล์ดีลอคที่แอบเข้าไปในบ้านหมี​ 3 ตัว​ (แต่ไมเคิลให้สัมภาษณ์​ว่าเก้าอี้ของควีนรู้สึกว่าจะนิ่มไปหน่อย)​ หลังจากนั้นจึงเดินไปห้องจดหมายและเห็นของขวัญที่เจ้าหญิง​ไดอานาเตรียมไว้สำหรับเจ้าชายวิลเลียม​ แล้วจึงเดินไปยังห้องของ​เจ้าฟ้าชายชาลส์และเปิดไวน์จากแคลิฟอร์เนีย​กินไป​ 1 ขวด​ (ซึ่งไมเคิลให้สัมภาษ​ณ์ว่า​ไวน์ที่กินเป็นไวน์ราคาถูก​ๆ)
ฉากที่นายไมเคิลนั่งที่พระเก้าอี้ของควีน / ที่มา Netflix
หลังจากนั้นไมเคิลจึงเดินเปะปะไปเรื่อย​ และถูกแม่บ้านพบเข้า​ ไมเคิลจึงรีบวิ่งหนีกลับออกไปทางสวนด้านหลังและปีนกำแพงออกไปก่อนที่ตำรวจมาถึง ตำรวจจึงมองว่าแม่บ้านตาฝาด
เนื้อหาจากซีรีส์
ในซีรีส์ได้เล่าถึงรายละเอียดการบุกรุกคล้ายกัน​ และไมเคิลไม่ได้พบควีนเพราะพระองค์​ประทับอยู่ที่พระราชวังวินเซอร์​ ส่วนจากการสืบสวนพบว่าสัญญาณเตือนภัยบางส่วนภายในวังชำรุด และหน้าต่างชั้นสองของวังก็ไม่ได้ล๊อคจึงทำให้เขาสามารถปีนเข้ามาได้
การบุกรุก​ครั้งที่​ 2
ข้อมูลจากวิกิพีเดีย​ บทสัมภาษณ์​จาก​ the Telegraph ในปี​ 2012 และข้อมูลจากบทความอื่นๆ​ บันทึกไว้ว่า
ราวๆ​ 7 โมงเช้าของวันที่​ 9 กรกฎาคม​ 1982 ไมเคิลได้บุกรุกเข้าพระราชวังบัคกิ้งแฮมได้​อีกครั้งถึงแม้ว่าจะมีการวางลวดหนามไว้บนรั้ว​เพื่อป้องกันการบุกรุกเช่นครั้งก่อน โดยครั้งนี้ไมเคิลปีนเข้าทางท่อระบายน้ำและทุบกระจกหน้าต่างชั้นสอง​ของออฟฟิตหัวหน้าแม่บ้าน ในระหว่างที่เขาเดินอยู่ในพระราชวัง​สัญญาณเตือนภัยดังไปที่ห้องควบคุมวงจรปิด​ แต่เจ้าหน้าที่ไม่เห็นไมเคิลและคิดว่าสัญญาณ​ขัดข้อง ไมเคิลเดินไปตามทางเดินและลงไปยังชั้น​ 1 และเข้าไปยังห้องของควีนประมาณ​ 7.15 น. ในขณะนั้นควีนยังคงบรรทมอยู่และถูกปลุกเพราะไมเคิลเปิดม่านหน้าต่างและเดินมานั่งที่ปลายเตียง
ภาพวาดจำลองเหตุการณ์การบุกรุกห้องบรรทม / ที่มา Mirror.uk
ควีนทรงตกพระทัยที่เห็นชายแปลกหน้านั่งอยู่ปลายเตียงโดยมีเลือดไหลจากมือขวา จากบทสัมภาษณ์ นายไมเคิลเล่าว่าควีนตรัสกับเค้าด้วยน้ำเสียงนิ่งถามว่าเขาคือใคร​ แล้วทรงวิ่งออกไปนอกห้องเพื่อตามหามหาดเล็ก​ พยายามกดปุ่มฉุกเฉิน​ และพยายามโทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ไม่มีคนรับสาย ซึ่งในภายหลังการสืบสวนพบว่าตำรวจที่อยู่ในกะเช้าได้ออกเวรไปก่อนเวลาเปลี่ยนกะและปุ่มฉุกเฉินใช้งานไม่ได้​ ส่วนผู้รับใช้กำลังพาเจ้าคอร์กี้ไปเดินเล่น​ และแม่บ้านกำลังทำความสะอาดอยู่อีกห้องหนึ่งโดยที่ปิดประตูไว้เพื่อไม่ให้เสียงรบกวนออกไปข้างนอก​
ในรายงานของตำรวจระบุว่าไมเคิลถือชิ้นส่วนของที่เขี่ยบุหรี่ไว้ในมือ​ ซึ่งไมเคิลบอกว่าเขามีความคิดที่จะใช้มันกรีดข้อมือต่อหน้าพระพักตร์​ แต่เขายืนยันว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้ามาด้วยวัตถุประสงค์​นี้​ แต่มันทำให้เค้าฉุกคิดเมื่อเห็นที่เขี่ยบุหรี่ในพระราชวัง
การบุกรุกเข้าไปในห้องนอนของควีนครั้งนี้กินเวลา​ 10 นาที​ คนรับใช้พาไมเคิลออกจากห้องนอนควีนไปที่ห้องครัวและเทวิสกี้ให้ 1 แก้ว​ หลังจากนั้นตำรวจจึงมาถึง​ ซึ่งตำรวจเหล่านั้นเป็นตำรวจที่เกษียณอายุ​และไม่ได้จับกุมผู้ร้ายมาหลายปีแล้ว
เนื้อหาในซีรีส์
ในซีรีส์เล่าถึงควีน​ประทับอยู่บนเตียงนอนและพยายามตะโกนเรียกมหาดเล็กและเจ้าหน้าที่​แต่ไม่มีใครได้ยินเสียง​ ไมเคิลบอกควีนว่าเขาไม่ได้ต้องการเงินทองอะไรทั้งสิ้น​ เพียงแค่ต้องการหารือกับพระองค์​เท่านั้น​ ควีนได้พยายามที่จะโทรศัพท์​เรียกเจ้าหน้าที่อีกครั้งแต่ไมเคิลห้ามไว้และบอกว่าตนจะไปเองหลังจากพูดจบ
ไมเคิล เฟแกนและควีนในฉากบุกรุกเข้าไปในห้องบรรทม, ที่มาThe Crown, Netflix
บทสนทนาระหว่างทั้งสองเกิดขึ้นราว​ 10 นาที​และไมเคิลยังขอบุหรี่จากควีนอีกด้วย​ ไมเคิลแนะนำควีนว่าควีนควรพบปะกับประชาชนทั่วไป​ เพราะประชาชนที่เข้าเฝ้านั้นล้วนแล้วแต่​ 'ได้รับการคัดเลือก'​ ให้เข้าเฝ้า​ เมื่อควีนทรงสังเกตเห็นว่ามือขวาของไมเคิลมีเลือดออก​ ไมเคิลจึงขอควีนเข้าห้องน้ำเพื่อล้างเลือดจากมือ​ ควีนพยายามกดกริ่งเพื่อเรียกเจ้าหน้าที่​ แต่ก็ยังไม่มีใครได้ยินอยู่ดี​เพราะแม่บ้านกำลังดูดฝุ่น
ไมเคิลบอกว่าตนเองเป็นผู้บุกรุกในครั้งแรก เพราะต้องการหารือกับควีนเพื่อให้ควีนช่วยเหลือประชาชนจากนโยบายของนางมาร์กาเรตที่ทำให้คนตกงานในประเทศกว่า​ 3 ล้านคน​ ควีนตรัสว่าพระองค์เองก็ไม่สามารถทำอะไรได้​ ประเทศก็เคยผ่านวิกฤตต่างๆ​ ทั้งว่างงาน​ เศรษฐกิจ​ตกต่ำ​ หรือสงคราม​ แต่สุดท้ายประเทศสามารถผ่านวิกฤติ​การณ์ไปได้ทุกครั้ง
ไมเคิลได้เปรยถึงปัญหาในชีวิตของเขา​ และบอกว่าคนอื่นมองว่าเขามีปัญหา​สุขภาพจิต​ แต่เปล่าเลย​ เค้าไม่ได้เป็นบ้า​ เค้าแค่จนเท่านั้นเอง
ควีนบอกว่าปัญหาของไมเคิลนั้นรัฐสามารถช่วยได้​ แต่ไมเคิลขัดว่าไม่เลย​ รัฐไม่เหลือให้พึ่งพาแล้วเพราะนโยบายของนางมาร์กาเรต​ ควีนพยายามโน้มน้าวบอกว่าความมีไมตรีจิตยังอยู่​ และประชาชนเองก็ยังคงเสียภาษี​ให้กับรัฐ​ ไมเคิลบอกว่าซึ่งภาษีเหล่านี้กลับถูกใช้ในการทำสงครามที่หลอกว่าเป็นการคืนความสุขให้กับประชาชน​ แต่ความสุขจริงๆ​ คือสิทธิ์​ที่ได้ทำงาน​ ได้ป่วย​ ได้อ่อนแอ​ ได้เป็นมนุษ​ย์
บทสนทนาสิ้นสุดลงเมื่อคนรับใช้นำชาเข้ามาถวายและตกใจที่ควีนคุยกับคนแปลกหน้า​ในห้องบรรทมส่วนพระองค์​ ควีนจึงขอให้เรียกตำรวจเข้ามา​ ไมเคิลขอบคุณควีน​ ทั้งสองคนจับมือกันและตำรวจได้นำตัวไมเคิลออกไป
ในบทสัมภาษณ์​ของไมเคิล​ เขาเล่าว่าแท้จริงแล้วเค้าไม่ได้หารือเกี่ยวกับนโยบายของนางมาร์กาเร็ต​ดังที่เห็นในซีรีส์​ แต่ก็ยอมรับว่าตนเองก็ไม่ได้สนับสนุนนางมาร์กาเร็ต​เท่าใดนัก​ ส่วนเรื่องสาเหตุ​ที่บุกเข้าไปในห้องบรรทมนั้น​ นายไมเคิลบอกว่าตัวเองก็ตอบไม่ได้ว่าทำไม​ อาจจะเป็นเพราะความสิ้นหวังจากการว่างงานและเลิกรากับภรรยา​ แต่เขาเองไม่ได้รู้สึกเสียใจต่อการกระทำนั้นเลย
หน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ Daily Record และ Sunday Mailหลังการบุกรุก / ที่มา Daily Record และSunday Mail
การตัดสินโทษ​
ไมเคิลถูกจับกุมแต่ไม่ได้ถูกตั้งข้อกล่าวหา​ เพราะในสมัยนั้นการบุกรุกไม่ถือว่าเป็นคดีอาญา​ ไมเคิลถูกตั้งข้อหาลักขโมย (ไวน์ 1 ขวดจากการบุกรุกครั้งแรก) แต่ก็รอดพ้นโทษไปเนื่องจากไมเคิลได้รับการวินิจฉัยจากจิตแพทย์ 2 คนซึ่งยืนยันว่านายไมเคิลมีปัญหาทางจิตและถูกส่งตัวเข้ารับการรักษา ณ รพ.จิตเวชพาร์คเลนในลิเวอร์พูลและออกจากโรงพยาบาลในเดือนมกราคม 1983
ไมเคิล เฟแกนในปี 1985/ ที่มา the Telegraph
หลังจากนั้นไมเคิลก็ถูกจับหลายครั้งและเข้าคุกในปี​ 1997 พร้อมกับภรรยาใหม่และลูกชายอายุ​ 20​ ปีด้วยข้อหาครอบครองและขายเฮโรอีน
ไมเคิลในปัจจุบัน/ ที่มา Netflix
ในปี​ 2011 ไมเคิลปรากฏ​ตัวใน​ Banksy series The Antics Roadshow พูดถึงเหตุการณ์​การบุกรุกในวันนั้น​ ไมเคิลเล่าว่าคนเขียนบทของ the Crownไม่ได้ติดต่อเค้าเพื่อขอสัมภาษณ์หรือขอข้อมูลเพื่อประกอบการเขียนบทใดๆ แม้แต่น้อย แต่เค้าก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร เพราะหลังจากซีรีส์ออกอากาศ ไมเคิลก็กลับกลายเป็นคนดังขึ้นมาอีกครั้งทันที
ชีวิตปัจจุบันของไมเคิล
ปัจจุบันไมเคิลอายุ​ 70​ ปีแล้ว​ และเพิ่งจะฟื้นตัวจากโรคหัวใจวายและโควิด​ เขาอาศัยอยู่กับภรรยาและหลานทั้งสามคนในเมือง​ Islington ทางตอนเหนือของลอนดอน​
ไมเคิล เฟแกนในปัจจุบันและในปี 1982
โฆษณา