Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Mommy of Two
•
ติดตาม
13 ธ.ค. 2020 เวลา 06:20 • ประวัติศาสตร์
เมื่อชายตกงานบุกถึงห้องนอนควีนอลิซาเบธที่ 2
ที่มา mirror.uk
แฟนๆ ซีรีส์ the Crown SS4 Ep.5 น่าจะผ่านตากับเรื่องราวของนายไมเคิล เฟแกน ชายตกงานวัย 32 ปีได้บุกเข้าไปในห้องบรรทมของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษในปี 1982
เค้าเข้าไปได้อย่างไร และเข้าไปด้วยสาเหตุอะไร และความจริงจากบทสัมภาษณ์จะเหมือนกับเรื่องราวในซีรีส์หรือไม่ วันนี้แอดขอไปค้นคว้าหาข้อมูลมาเล่าให้ฟังเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ค่ะ
พระราชวังบัคกิ้งแฮม
**บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาในซีรีส์นะคะ**
เกิดอะไรกับอังกฤษในช่วงปี 1981
ขอเท้าความกลับไปเล่าถึงสาเหตุกันก่อน ในช่วงปี 1970 อังกฤษประสบปัญหาเงินเฟ้ออันเนื่องมาจากการอัดฉีดเงินของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปี 1970 ถึงแม้ผลที่ได้จะทำให้อัตราการว่างงานลดลงในช่วงแรก แต่ผ่านไปช่วงระยะหนึ่งกลับทำให้เงินในระบบเฟ้อมากขึ้นจนกระทั่งเศรษฐกิจถดถอย และกลับกลายเป็นว่าปัญหาการว่างงานกลับเพิ่มมากขึ้นไปอีก
ต่อมาในปี 1981 อังกฤษภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีหัวอนุรักษ์นิยมอย่างมาร์กาเรต แธตเชอร์ได้มีการปรับเปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจและการบริหารประเทศ เช่น ลดบทบาทสหภาพแรงงานเพื่อลดการหยุดงานประท้วง สนับสนุนให้ประชาชนพึ่งตนเองและพึ่งพารัฐน้อยลด กำหนดนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ยกเลิกการโอนกิจการใหญ่ๆ มาเป็นของรัฐและตัดเงินสนับสนุนจากรัฐ รวมถึงการใช้นโยบายหยุดเพิ่มเงินในระบบเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ลดภาษีเงินได้ของกลุ่มที่เสียภาษีอัตราสูงลดลงจาก 83% เหลือ 40% แต่เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม จาก 8% เป็น 15%
1
และด้วยนโยบายทั้งหมดทั้งมวล จึงทำให้โรงงานต่างๆ ต้องปิดตัวจำนวนมากเพราะเศรษฐกิจชะงักงันและมีคนว่างงานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในปี 1981 มีจำนวนคนว่างงานในประเทศกว่า 3 ล้านคน
ซึ่งไมเคิล ฟาแกนคือหนึ่งใน 3 ล้านคนนั้น
1982 ชัยชนะของอังกฤษในสงครามหมู่เกาะฟอล์กแลนด์
ในช่วงระหว่างที่อังกฤษกำลังต่อสู้กับสงครามทางเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างหนักหน่วงนั้น สงครามภายนอกประเทศก็เข้มข้นไม่แพ้กันเมื่ออาร์เจนตินาตัดสินใจบุกเกาะฟอล์กแลนด์ซึ่งเป็นดินแดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักร (ที่เรียกว่าโพ้นทะเลเพราะอยู่ไกลจากอังกฤษกว่า 12,000 กิโลเมตร)
วัตถุประสงค์ของการบุกยึดเกาะของอาร์เจนตินาภายใต้การนำของจอมพลเลโอโพลโด กัลเทียรี (Leopoldo Galtieri) ประธานาธิบดี เพียงเพื่อต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชนจากปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศที่ตกต่ำ และเงินเฟ้ออย่างหนัก ซึ่งก็เป็นวัตถุประสงค์เดียวกันเป๊ะๆ กับนางมาร์กาเร็ต แธตเชอร์ของอังกฤษ ดังนั้นศึกครั้งนี้จึงเดิมพันด้วยศักดิ์ศรีและความน่าเชื่อถือในตัวผู้นำของทั้งสองประเทศ
ในวันที่ 2 เมษายน 1982 อาร์เจนตินาก็ได้บุกยึดเมืองพอร์ต สแตนลีย์ซึ่งเป็นเมืองหลวงของหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน ในวันที่ 14 มิถุนายนปีเดียวกัน อังกฤษก็กำชัยชนะในสงคราม สามารถยึดหมู่เกาะฟอล์กแลนด์คืนมาจากอาร์เจนตินาได้สำเร็จ และทำให้คะแนนิยมของนางมาร์กาเร็ต แธตเชอร์เพิ่มขึ้นอย่างท่วมท้นตามที่คาดไว้
แต่ทว่า การทำสงครามแต่ละครั้งนั้นหมายถึงการใช้งบประมาณของประเทศจำนวนมหาศาลค่ะ
พอเห็นภาพคร่าวๆ ของปัญหาแล้วใช่มั้ยคะ ขออนุญาตตัดกลับมาที่ซีรี่ส์ค่ะ
ในซีรีส์เริ่มเล่าเรื่องของชายคนหนึ่งที่อยู่อาศัยในแฟลตแห่งหนึ่งเพียงลำพัง เค้าตื่นมาพร้อมกับคำสบถหลังจากได้ยินการให้สัมภาษณ์ของนางมาร์กาเร็ตที่สนับสนุนให้ประชาชนทำงานมากกว่าพึ่งพิงเงินอุดหนุนจากรัฐ
ไมเคิลในขณะนั้นตกงานและเลิกรากับภรรยาโดยมีลูกด้วยกัน 2 คน เขาดำรงชีวิตจากเงินอุดหนุนทุก 2 สัปดาห์จากรัฐบาลเท่านั้น และถึงแม้ว่าไมเคิลจะพยายามมากสักแค่ไหน แต่ด้วยวิกฤติเศรษฐกิจชะงักงันจากนโยบายของนางมาร์กาเร็ตกลับทำให้ประชาชนต่างจับจ่ายใช้สอยน้อยลงเพราะเศรษฐกิจฝืดเคือง ดังนั้นอาชีพรับจ้างทาสีแบบนายไมเคิลจึงได้รับผลกระทบไปด้วย และนายไมเคิลก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นไปอีกเมื่อนางมาร์กาเร็ตตัดสินใจทำสงครามกับกับอาร์เจนตินาแทนที่จะมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชนในประเทศ
ซ้ายคือไมเคิล เฟแกนที่รับบทโดยTom Brooke ส่วนทางขวาคือไมเคิล เฟแกนตัวจริง
อยู่มาวันหนึ่งในขณะที่ไมเคิลรับเงินอุดหนุนจากรัฐ ไมเคิลได้มีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่ก็ได้บอกให้นายไมเคิลไปร้องเรียนกับ สส.เขตของเค้าเอง นายไมเคิลก็ได้ร้องเรียนกับ สส.เขตตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เสียด้วย เค้าได้หารือและบอกว่าระบบของประเทศไม่มีความยุติธรรมและน่าผิดหวัง แทนที่นางมาร์กาเร็ตจะอัดฉีดเงินในระบบเพื่อให้คนมีเงินใช้จ่ายมากขึ้น กลับใช้งบประมาณของประเทศกว่า 3,000 ล้านปอนด์ไปกับการทำสงครามเพื่อคนที่ไม่รู้จักเกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่น้อย (ก็ไกลกว่า 12,000 กม.อะเนาะ)
แต่การสนทนาระหว่าไมเคิลและ สส. เขตดูเหมือนจะจบลงไม่สวยเท่าไหร่ เมื่อนายไมเคิลถาม สส.เขตว่า ถ้าต้องการจะร้องเรียนนายกรัฐมนตรีต้องไปร้องกับใคร สส.เขตจึงพูดติดตลกไปว่า ถ้าอยากร้องเรียนก็ไปร้องหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านสิ แต่ถ้าไม่สำเร็จ ก็คงต้องไปร้องเรียนกะควีนที่วังบัคกิ้งแฮมซะแล้วล่ะ เพราะนายกจะต้องเข้าเฝ้าควีนทุกวันอังคาร
ใครจะคิดว่านายไมเคิลจะหาทำจริงๆ เมื่อฟางเส้นสุดท้ายของเขาขาดลง...
หลังจากที่เลิกรากับภรรยา ไมเคิลก็ได้แต่เฝ้าดูลูกอยู่ห่างๆ โดยหวังว่าอยากจะให้ลูกทั้งสองได้มีโอกาสมาอยู่กับตนบ้าง แต่นักสังคมสงเคราะห์มองว่าแฟลตของไมเคิลต้องได้รับการซ่อมแซม ไมเคิลที่กำลังตกงานจึงต้องขอเงินอุดหนุนเพื่อซ่อมแซมบ้าน ทว่าคำร้องของเขาก็ไม่ได้รับการอนุมัติเพราะชื่อเจ้าของห้องเป็นชื่อของภรรยา
ในระหว่างทางกลับบ้านไมเคิลนั่งรถเมล์ผ่านวังบัคกิ้งแฮม และตัดสินใจลงจากรถเมล์....
การบุกรุกครั้งที่ 1
ข้อมูลจากวิกิพิเดีย
ประมาณสามทุ่มของวันหนึ่งในเดือนมิถุนายนปี 1982 ไมเคิลปีนข้ามรั้วเข้ามาในเขตพระราชวัง และปีนขึ้นไปยังชั้นที่ 2 ทางท่อระบายน้ำและปีนเข้าในพระราชวังทางหน้าต่างส่วนงานมหาดเล็ก เขาสามารถเข้ามาในพระราชฐานและเดินกินแครกเกอร์และชีส (ชิลมาก) ไปตามทางเดินในพระราชวังกว่าครึ่งชั่วโมง จนไปถึงท้องพระโรงที่มีที่ประทับของควีน ไมเคิลได้ลองนั่งที่พระเก้าอี้และมองดูรูปถ่ายพระบรมวงศานุวงศ์และรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นเจ้าหนูโกล์ดีลอคที่แอบเข้าไปในบ้านหมี 3 ตัว (แต่ไมเคิลให้สัมภาษณ์ว่าเก้าอี้ของควีนรู้สึกว่าจะนิ่มไปหน่อย) หลังจากนั้นจึงเดินไปห้องจดหมายและเห็นของขวัญที่เจ้าหญิงไดอานาเตรียมไว้สำหรับเจ้าชายวิลเลียม แล้วจึงเดินไปยังห้องของเจ้าฟ้าชายชาลส์และเปิดไวน์จากแคลิฟอร์เนียกินไป 1 ขวด (ซึ่งไมเคิลให้สัมภาษณ์ว่าไวน์ที่กินเป็นไวน์ราคาถูกๆ)
ฉากที่นายไมเคิลนั่งที่พระเก้าอี้ของควีน / ที่มา Netflix
หลังจากนั้นไมเคิลจึงเดินเปะปะไปเรื่อย และถูกแม่บ้านพบเข้า ไมเคิลจึงรีบวิ่งหนีกลับออกไปทางสวนด้านหลังและปีนกำแพงออกไปก่อนที่ตำรวจมาถึง ตำรวจจึงมองว่าแม่บ้านตาฝาด
เนื้อหาจากซีรีส์
ในซีรีส์ได้เล่าถึงรายละเอียดการบุกรุกคล้ายกัน และไมเคิลไม่ได้พบควีนเพราะพระองค์ประทับอยู่ที่พระราชวังวินเซอร์ ส่วนจากการสืบสวนพบว่าสัญญาณเตือนภัยบางส่วนภายในวังชำรุด และหน้าต่างชั้นสองของวังก็ไม่ได้ล๊อคจึงทำให้เขาสามารถปีนเข้ามาได้
การบุกรุกครั้งที่ 2
ข้อมูลจากวิกิพีเดีย บทสัมภาษณ์จาก the Telegraph ในปี 2012 และข้อมูลจากบทความอื่นๆ บันทึกไว้ว่า
ราวๆ 7 โมงเช้าของวันที่ 9 กรกฎาคม 1982 ไมเคิลได้บุกรุกเข้าพระราชวังบัคกิ้งแฮมได้อีกครั้งถึงแม้ว่าจะมีการวางลวดหนามไว้บนรั้วเพื่อป้องกันการบุกรุกเช่นครั้งก่อน โดยครั้งนี้ไมเคิลปีนเข้าทางท่อระบายน้ำและทุบกระจกหน้าต่างชั้นสองของออฟฟิตหัวหน้าแม่บ้าน ในระหว่างที่เขาเดินอยู่ในพระราชวังสัญญาณเตือนภัยดังไปที่ห้องควบคุมวงจรปิด แต่เจ้าหน้าที่ไม่เห็นไมเคิลและคิดว่าสัญญาณขัดข้อง ไมเคิลเดินไปตามทางเดินและลงไปยังชั้น 1 และเข้าไปยังห้องของควีนประมาณ 7.15 น. ในขณะนั้นควีนยังคงบรรทมอยู่และถูกปลุกเพราะไมเคิลเปิดม่านหน้าต่างและเดินมานั่งที่ปลายเตียง
ภาพวาดจำลองเหตุการณ์การบุกรุกห้องบรรทม / ที่มา Mirror.uk
ควีนทรงตกพระทัยที่เห็นชายแปลกหน้านั่งอยู่ปลายเตียงโดยมีเลือดไหลจากมือขวา จากบทสัมภาษณ์ นายไมเคิลเล่าว่าควีนตรัสกับเค้าด้วยน้ำเสียงนิ่งถามว่าเขาคือใคร แล้วทรงวิ่งออกไปนอกห้องเพื่อตามหามหาดเล็ก พยายามกดปุ่มฉุกเฉิน และพยายามโทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ไม่มีคนรับสาย ซึ่งในภายหลังการสืบสวนพบว่าตำรวจที่อยู่ในกะเช้าได้ออกเวรไปก่อนเวลาเปลี่ยนกะและปุ่มฉุกเฉินใช้งานไม่ได้ ส่วนผู้รับใช้กำลังพาเจ้าคอร์กี้ไปเดินเล่น และแม่บ้านกำลังทำความสะอาดอยู่อีกห้องหนึ่งโดยที่ปิดประตูไว้เพื่อไม่ให้เสียงรบกวนออกไปข้างนอก
ในรายงานของตำรวจระบุว่าไมเคิลถือชิ้นส่วนของที่เขี่ยบุหรี่ไว้ในมือ ซึ่งไมเคิลบอกว่าเขามีความคิดที่จะใช้มันกรีดข้อมือต่อหน้าพระพักตร์ แต่เขายืนยันว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้ามาด้วยวัตถุประสงค์นี้ แต่มันทำให้เค้าฉุกคิดเมื่อเห็นที่เขี่ยบุหรี่ในพระราชวัง
การบุกรุกเข้าไปในห้องนอนของควีนครั้งนี้กินเวลา 10 นาที คนรับใช้พาไมเคิลออกจากห้องนอนควีนไปที่ห้องครัวและเทวิสกี้ให้ 1 แก้ว หลังจากนั้นตำรวจจึงมาถึง ซึ่งตำรวจเหล่านั้นเป็นตำรวจที่เกษียณอายุและไม่ได้จับกุมผู้ร้ายมาหลายปีแล้ว
เนื้อหาในซีรีส์
ในซีรีส์เล่าถึงควีนประทับอยู่บนเตียงนอนและพยายามตะโกนเรียกมหาดเล็กและเจ้าหน้าที่แต่ไม่มีใครได้ยินเสียง ไมเคิลบอกควีนว่าเขาไม่ได้ต้องการเงินทองอะไรทั้งสิ้น เพียงแค่ต้องการหารือกับพระองค์เท่านั้น ควีนได้พยายามที่จะโทรศัพท์เรียกเจ้าหน้าที่อีกครั้งแต่ไมเคิลห้ามไว้และบอกว่าตนจะไปเองหลังจากพูดจบ
ไมเคิล เฟแกนและควีนในฉากบุกรุกเข้าไปในห้องบรรทม, ที่มาThe Crown, Netflix
บทสนทนาระหว่างทั้งสองเกิดขึ้นราว 10 นาทีและไมเคิลยังขอบุหรี่จากควีนอีกด้วย ไมเคิลแนะนำควีนว่าควีนควรพบปะกับประชาชนทั่วไป เพราะประชาชนที่เข้าเฝ้านั้นล้วนแล้วแต่ 'ได้รับการคัดเลือก' ให้เข้าเฝ้า เมื่อควีนทรงสังเกตเห็นว่ามือขวาของไมเคิลมีเลือดออก ไมเคิลจึงขอควีนเข้าห้องน้ำเพื่อล้างเลือดจากมือ ควีนพยายามกดกริ่งเพื่อเรียกเจ้าหน้าที่ แต่ก็ยังไม่มีใครได้ยินอยู่ดีเพราะแม่บ้านกำลังดูดฝุ่น
ไมเคิลบอกว่าตนเองเป็นผู้บุกรุกในครั้งแรก เพราะต้องการหารือกับควีนเพื่อให้ควีนช่วยเหลือประชาชนจากนโยบายของนางมาร์กาเรตที่ทำให้คนตกงานในประเทศกว่า 3 ล้านคน ควีนตรัสว่าพระองค์เองก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ประเทศก็เคยผ่านวิกฤตต่างๆ ทั้งว่างงาน เศรษฐกิจตกต่ำ หรือสงคราม แต่สุดท้ายประเทศสามารถผ่านวิกฤติการณ์ไปได้ทุกครั้ง
ไมเคิลได้เปรยถึงปัญหาในชีวิตของเขา และบอกว่าคนอื่นมองว่าเขามีปัญหาสุขภาพจิต แต่เปล่าเลย เค้าไม่ได้เป็นบ้า เค้าแค่จนเท่านั้นเอง
ควีนบอกว่าปัญหาของไมเคิลนั้นรัฐสามารถช่วยได้ แต่ไมเคิลขัดว่าไม่เลย รัฐไม่เหลือให้พึ่งพาแล้วเพราะนโยบายของนางมาร์กาเรต ควีนพยายามโน้มน้าวบอกว่าความมีไมตรีจิตยังอยู่ และประชาชนเองก็ยังคงเสียภาษีให้กับรัฐ ไมเคิลบอกว่าซึ่งภาษีเหล่านี้กลับถูกใช้ในการทำสงครามที่หลอกว่าเป็นการคืนความสุขให้กับประชาชน แต่ความสุขจริงๆ คือสิทธิ์ที่ได้ทำงาน ได้ป่วย ได้อ่อนแอ ได้เป็นมนุษย์
บทสนทนาสิ้นสุดลงเมื่อคนรับใช้นำชาเข้ามาถวายและตกใจที่ควีนคุยกับคนแปลกหน้าในห้องบรรทมส่วนพระองค์ ควีนจึงขอให้เรียกตำรวจเข้ามา ไมเคิลขอบคุณควีน ทั้งสองคนจับมือกันและตำรวจได้นำตัวไมเคิลออกไป
ในบทสัมภาษณ์ของไมเคิล เขาเล่าว่าแท้จริงแล้วเค้าไม่ได้หารือเกี่ยวกับนโยบายของนางมาร์กาเร็ตดังที่เห็นในซีรีส์ แต่ก็ยอมรับว่าตนเองก็ไม่ได้สนับสนุนนางมาร์กาเร็ตเท่าใดนัก ส่วนเรื่องสาเหตุที่บุกเข้าไปในห้องบรรทมนั้น นายไมเคิลบอกว่าตัวเองก็ตอบไม่ได้ว่าทำไม อาจจะเป็นเพราะความสิ้นหวังจากการว่างงานและเลิกรากับภรรยา แต่เขาเองไม่ได้รู้สึกเสียใจต่อการกระทำนั้นเลย
หน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ Daily Record และ Sunday Mailหลังการบุกรุก / ที่มา Daily Record และSunday Mail
การตัดสินโทษ
ไมเคิลถูกจับกุมแต่ไม่ได้ถูกตั้งข้อกล่าวหา เพราะในสมัยนั้นการบุกรุกไม่ถือว่าเป็นคดีอาญา ไมเคิลถูกตั้งข้อหาลักขโมย (ไวน์ 1 ขวดจากการบุกรุกครั้งแรก) แต่ก็รอดพ้นโทษไปเนื่องจากไมเคิลได้รับการวินิจฉัยจากจิตแพทย์ 2 คนซึ่งยืนยันว่านายไมเคิลมีปัญหาทางจิตและถูกส่งตัวเข้ารับการรักษา ณ รพ.จิตเวชพาร์คเลนในลิเวอร์พูลและออกจากโรงพยาบาลในเดือนมกราคม 1983
ไมเคิล เฟแกนในปี 1985/ ที่มา the Telegraph
หลังจากนั้นไมเคิลก็ถูกจับหลายครั้งและเข้าคุกในปี 1997 พร้อมกับภรรยาใหม่และลูกชายอายุ 20 ปีด้วยข้อหาครอบครองและขายเฮโรอีน
ไมเคิลในปัจจุบัน/ ที่มา Netflix
ในปี 2011 ไมเคิลปรากฏตัวใน Banksy series The Antics Roadshow พูดถึงเหตุการณ์การบุกรุกในวันนั้น ไมเคิลเล่าว่าคนเขียนบทของ the Crownไม่ได้ติดต่อเค้าเพื่อขอสัมภาษณ์หรือขอข้อมูลเพื่อประกอบการเขียนบทใดๆ แม้แต่น้อย แต่เค้าก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร เพราะหลังจากซีรีส์ออกอากาศ ไมเคิลก็กลับกลายเป็นคนดังขึ้นมาอีกครั้งทันที
ชีวิตปัจจุบันของไมเคิล
ปัจจุบันไมเคิลอายุ 70 ปีแล้ว และเพิ่งจะฟื้นตัวจากโรคหัวใจวายและโควิด เขาอาศัยอยู่กับภรรยาและหลานทั้งสามคนในเมือง Islington ทางตอนเหนือของลอนดอน
ไมเคิล เฟแกนในปัจจุบันและในปี 1982
https://themomentum.co/something-between-falkland-war/
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Michael_Fagan_(intruder)
https://www.esquire.com/entertainment/tv/a34712480/michael-fagan-intruder-the-crown-true-story-now/
https://prachatai.com/journal/2013/05/46612
https://www.townandcountrymag.com/leisure/arts-and-culture/a34618046/the-crown-michael-fagan-buckingham-palace-break-in-accuracy/
https://inews.co.uk/culture/television/michael-fagan-now-what-happened-queen-bedroom-the-crown-tom-brooke-757475
https://metro.co.uk/2020/11/15/the-crown-season-4-the-true-story-of-michael-fagan-the-queens-bedroom-intruder-13562217/?ito=cbshare
https://www.radiotimes.com/news/on-demand/2020-11-22/the-crown-michael-fagan-real-life/
https://www.mirror.co.uk/news/uk-news/beer-lover-who-broke-queens-13863152
2 บันทึก
4
2
2
2
4
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย