1 ธ.ค. 2020 เวลา 04:18 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ทำไมค้างคาวจึงนอนห้อยหัว
(เรียบเรียง โดย ยิ่งยศ ลาภวงศ์)
ค้างคาว เป็นหนึ่งในสัตว์ที่เต็มไปด้วยความพิศวงไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการบิน การออกหากินยามค่ำคืน และที่สำคัญ พวกมันนอนห้อยหัวด้วยการเอานิ้วเท้าที่มีเล็บเกี่ยวกับกิ่งไม้ หรือแง่งหินภายในถ้ำ ซึ่งความแปลกประหลาดเหล่านี้มีที่มาที่ไป และเชื่อมโยงผ่านช่วงเวลาหลายสิบล้านปีของวิวัฒนาการของค้างคาว
1
แม้ว่าค้างคาวจะหน้าตาเหมือนหนูมีปีก แต่จากการศึกษาพันธุกรรมของค้างคาว นักวิทยาศาสตร์พบว่าพวกมันมีสายสัมพันธ์ทางวิวัฒนาการที่ใกล้ชิดกับวาฬ และโลมา มากกว่าหนูจริง ๆ เสียอีก อย่างไรก็ตาม ต้นกำเนิดของค้างคาวยังคงเป็นปริศนาใหญ่ในวงการวิทยาศาสตร์ แม้ว่าเราจะค้นพบซากดึกดำบรรพ์ของค้างคาวโบราณมากมายหลายชนิดจากทั่วโลก แต่เราไม่เคยเจอซากของสัตว์ที่คาดว่าจะเป็นบรรพบุรุษของค้างคาวเลย นั่นทำให้เราไม่ทราบว่าบรรพบุรุษของค้างคาวหน้าตาเป็นอย่างไร และเคยอาศัยอยู่ที่ส่วนไหนของโลก
2
สิ่งหนึ่งที่เราพอจะสัณนิษฐานได้ก็คือ บรรพบุรุษของค้างคาวน่าจะอาศัยอยู่ในเขตร้อนชื้น ทำให้ซากของพวกมันเน่าเปื่อยและย่อยสลายอย่างรวดเร็ว จนไม่เหลือชิ้นส่วนมาให้ค้นพบในปัจจุบัน
เดิมที นักวิทยาศาสตร์เข้าใจว่า ค้างคาวแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ตามอาหารการกิน นั่นคือ ค้างคาวกินผลไม้ (เรียกว่า Megabat เพราะมักมีขนาดใหญ่) และค้างคาวกินแมลง (เรียกว่า Microbat เพราะมักมีขนาดเล็ก) นอกจากอาหารที่กิน และขนาดร่างกายแล้ว ลักษณะสำคัญที่ใช้แยกค้างคาว 2 กลุ่มนี้ก็คือ ความสามารถในการนำทางด้วยเสียง (Echolocation) โดยค้างคาวกินแมลงนั้นออกหากินแมลงในเวลากลางคืน พวกมันจึงมีวิวัฒนาการระบบโซนาร์ในตรวจจับเสียงสะท้อน เพื่อระบุตำแหน่งของเหยื่อ และสภาพแวดล้อม โดยไม่จำเป็นต้องใช้สายตาในการมองเห็น ในขณะที่ค้างคาวกินผลไม้กลับใช้สายตา และจมูกในการค้นหาอาหารแน่นอนว่าผลไม้ไม่สามารถบินหนีได้เหมือนแมลง พวกมันจึงไม่ได้พึ่งพาระบบโซนาร์มากนัก
2
แต่ด้วยวิทยาการด้านชีวโมเลกุลที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดในช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ทำให้นักวิทยาศาสตร์พบว่าสิ่งที่เชื่อกันมาโดยตลอดนั้นไม่ถูกต้องนัก เพราะ ค้างคาวกินแมลงบางชนิด มีความใกล้ชิดกับค้างคาวกินผลไม้มาก นั่นหมายความว่า บรรพบุรุษของค้างคาวไม่ได้มีวิวัฒนาการแตกออกเป็นสองสายหลักตามลักษณะอาหารที่กิน แต่อาจจะแยกออกด้วยปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ
2
วิวัฒนาการในการใช้เสียงนำร่องก็ไม่ได้เกิดขึ้นในบรรพบุรุษแรกเริ่มของค้าวคาวเช่นกัน แต่เกิดขึ้นทีหลังเมื่อค้างคาวได้มีวิวัฒนาการแยกเป็นกลุ่ม ๆ ไปแล้ว
งานวิจัยล่าสุด Anderson และ Ruxton (2020) ได้สัณนิษฐานว่า บรรพบุรุษของค้างคาว น่าจะเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่บนต้นไม้ พวกมันมีนิ้วที่ยาว และมีผังผืดระหว่างนิ้ว ช่วยให้มันสามารถจับสัตว์ตัวเล็ก ๆ กินได้ง่าย และผังผืดนี้อาจจะช่วยในการกระโจน หรือร่อนจากต้นไม้ต้นหนึ่ง ไปยังอีกต้นหนึ่งได้ คล้ายกับปาดบิน หรือบ่างที่เราพบเห็นได้ในปัจจุบัน
อ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะมีคนร้อง เอ๊ะ! แล้วมันเกี่ยวกับค้างคาวนอนห้อยหัวยังไง? ในเมื่อนักวิทยาศาสตร์ไม่เคยค้นพบบรรพบุรุษของค้างคาว เราจึงต้องมาสืบเอากับค้างคาวที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน เพื่อที่จะค้นหาคำตอบ ว่าอะไรทำให้บรรพบุรุษของค้างคาวต้องนอนห้อยหัว
3
ตอนนี้เราพอจะทราบแล้วว่า บรรพบุรุษของค้างคาว น่าจะอาศัยอยู่บนต้นไม้เป็นหลัก มีนิ้วยาว มีผังผืดระหว่างนิ้ว และจับสัตว์เล็ก ๆ กินเป็นอาหาร ' ในบางโอกาส พวกมันอาจจะใช้มือ หรือขาหน้าในการจับอาหาร และใช้เพียงขาหลังยึดกับกิ่งไม้ ' แต่ในขณะที่กระรอก และลิงสามารถเด็ดผลไม้ แล้วมานั่งกินบนกิ่งไม้ได้ง่าย ๆ บรรพบุรุษของค้างคาวอาจจะต้องผาดโผนกว่านั้น เพราะมันกินสัตว์ที่ดิ้นได้เป็นอาหาร บรรพบุรุษของค้างคาวจึงมีวิวัฒนาการ จนนิ้วและเล็บเท้า มีลักษณะคล้ายกับตะขอ ในที่สุด การเกาะห้อยหัวของพวกมันจึงเป็นเรื่องง่าย และไม่ต้องใช้พลังงานเลย และนี่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการห้อยหัวของค้างคาว
1
แต่การใช้ขาหลังในการยึดเกาะ และใช้มือในการจับเหยื่อเพียงแค่นั้น คงไม่สามารถผลักดันให้ค้างคาวมีวิวัฒนาการจนต้องนอนห้อยหัวตลอดเวลา อีกปัจจัยที่ผลักดันให้ค้างคาวต้องห้อยหัวตลอดเวลา ก็คือ ความสามารถในการบินของค้างคาวนั่นเอง
2
ตลอดระยะเวลาอันยาวนานที่สิ่งมีชีวิตถือกำเนิดขึ้น มีสัตว์เพียง 4 กลุ่มเท่านั้น ที่สามารถบินได้อย่างแท้จริง นั่นก็คือ แมลง เทอโรซอร์ (Pterosaur) นก และค้างคาว ในขณะที่ปีกของนกประกอบไปด้วยขนที่ติดอยู่บนแขน ปีกของค้างคาวคือฝ่ามือที่มีนิ้วยืดยาว นั่นแปลว่าเมื่อมือที่ใช้ยึดเกาะ เปลี่ยนเป็นปีกขนาดใหญ่ พวกมันจึงไม่สามารถใช้มือเกาะเกี่ยวต้นไม้ กิ่งไม้อีกต่อไป และต้องใช้เพียง 2 ขาหลังในการยึดเกาะไปโดยปริยาย และนี่เห็นเป็นสาเหตุที่ค้างคาวในปัจจุบันต้องนอนห้อยหัวนั่นเอง
2
การห้อยหัวของค้างคาว แม้จะดูเป็นผลพลอยได้จากพฤติกรรมการหาอาหาร และการบิน แต่มันก็ทำให้ค้างคาวได้เปรียบในหลายๆเรื่อง อย่างแรกเลย เนื่องจากค้างคาวมีขาหลังที่เล็ก ทำให้การขึ้นบิน (take off) แบบนกเป็นไปไม่ได้ การที่มันเกาะห้อยหัว จึงช่วยให้การบินเป็นเรื่องง่าย นั่นก็คือแค่ปล่อยตัวจากสิ่งที่มันยึดเกาะ และก็กระพือปีก แค่นั้น จบ
2
นอกจากนี้ การที่พวกมันนอนห้อยหัว และใช้เพียงนิ้ว และเล็บเกี่ยวกับพื้นผิว ทำให้ค้างคาวสามารถเลือกสถานที่ยึดเกาะ ที่สัตว์อื่น ๆ เข้าถึงได้ยาก เช่น ในถ้ำ หรือยอดไม้ ทำให้มันปลอดภัยจากสัตว์นักล่า ข้อได้เปรียบเหล่านี้ บวกกับความสามารถในการบิน ทำให้ค้างคาวกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด พวกมันมีความหลากหลายมาก และกระจายอยู่ทั่วโลก สำหรับในประเทศไทยแล้วเราพบค้างคาวมากกว่า 100 ชนิด และยังมีการค้นพบค้างคาวชนิดใหม่อยู่เรื่อย ๆ
3
อ้างอิง
(1) Tsagkogeorga, G.; Parker, J.; Stupka, E.; Cotton, J. A.; Rossiter, S. J. 2013. Phylogenomic analyses elucidate the evolutionary relationships of bats (Chiroptera). Current Biology. 23 (22): 2262–2267. doi:10.1016/j.cub.2013.09.014
(2) Springer, Mark S. 2013. Phylogenetics: bats united, microbats divided. Current Biology 23:R999-R1001. doi:10.1016/j.cub.2013.09.053.
(3) Anderson, S. C., and G. D. Ruxton. 2020. The evolution of flight in bats: a novel hypothesis. Mammal Review 50:426-439. doi:10.1111/mam.12211.
(4) Gunnell, G., and N. Simmons. 2005. Fossil evidence and the origin of bats. Journal of Mammalian Evolution1210.doi:1007/s10914-005-6945-2.
1
โฆษณา