Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Werawut Wongwasan
•
ติดตาม
1 ม.ค. 2021 เวลา 14:33 • สุขภาพ
ชุดความรู้ “การหมักน้ำเอนไซม์ผลไม้และสมุนไพรเพื่อคุณภาพชีวิต ”
นับแต่ที่ได้ให้ความสนใจเรื่องของการดองกล้วยน้ำว้า ทดลองและเรียนรู้การดองกล้วยน้ำว้าจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว ยังเสริมด้วยการทดลองดองผลไม้อื่นๆ อีกหลายชนิดด้วย จนกระทั่งเชื่อมโยงไปหาเรื่องน้ำหมักเอนไซม์ผลไม้และสมุนไพร โดยให้ความสนใจเป็นพิเศษถึงคุณประโยชน์นานับประการต่อสุขภาพร่างกายที่ดีของคนเรา ซึ่งในระหว่างที่ทำน้ำหมักเอนไซม์นั้น ได้ทดลองดื่มน้ำเอนไซม์ผลไม้ด้วยตนเองพร้อมคนในครอบครัวมาตามลำดับ ทำให้รู้ถึง กลิ่น รส สี และผลดีที่เกิดขึ้นกับร่างกายโดยตรง นอกจากนั้นยังได้ประยุกต์และปรับขั้นตอนไปจากเดิมๆ บ้างเล็กน้อย และเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะชนที่สนใจ จึงได้ค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมแล้วสรุปเป็นชุดความรู้ เรื่อง “การหมักน้ำเอนไซม์ผลไม้และสมุนไพรเพื่อคุณภาพชีวิต ” ดังนี้
@ ชื่อชุดความรู้ “การหมักน้ำเอนไซม์ผลไม้และสมุนไพรเพื่อคุณภาพชีวิต ”
@ แนวคิดและการปฏิบัติ อาศัยหลักวิชาการและแนวทางการปฏิบัติของ ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์วงศ์ แห่งบ้านรักษ์สุขภาพ
@ ฐานความรู้ : ประกอบด้วย
* เอนไซม์ คืออะไร
เอนไซม์ หรือ enzyme คือ กลุ่มของโปรตีนที่มีหน้าที่พิเศษแตกต่างจากโปรตีนทั่วไป คือ มีความสามารถในการเร่งปฏิกิริยาทางชีวเคมีที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง เพื่อใช้ในการสังเคราะห์องค์ประกอบภายในเซลล์ ระบบการย่อยอาหาร ฯลฯ
* มีหน้าที่อย่างไร
หน้าที่ของเอนไซม์ ได้แก่ ช่วยในการย่อยอาหาร โดยเอนไซม์มีหน้าที่เป็นตัวเร่งในการย่อยอาหารให้สมบูรณ์ ทำให้ร่างกายของเราได้รับสารอาหารที่มีคุณภาพแล้วนำไปใช้ได้ ถ้าน้ำย่อยไม่ดีถึงรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพียงใดก็ไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ กับร่างกายทั้งสิ้น นอกจากนี้เอนไซม์ยังมีหน้าที่ช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ช่วยสร้างโปรตีนในกล้ามเนื้อ ช่วยทำให้กล้ามเนื้อหดตัว สลายสารพิษ ทำให้เลือดบริสุทธิ์ ช่วยกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากปอด และช่วยลดความเครียดของตับอ่อนและอวัยวะอื่น ๆ ภายในร่างกาย
* วิตามินที่ได้จากการหมักผลไม้แต่ละชนิด
1. ผลไม้รสหวาน วิตามิน เอ, ดี, อี, เค
2. ผลไม้รสเปรี้ยว วิตามิน ซีและเค
3. จากข้าว วิตามิน บี ซี อี
* เอนไซม์อะไร ? ที่มีส่วนช่วยย่อยอาหารของคนเรา
จุดที่มีเอนไซม์ช่วยในการย่อยอาหารของคนเรา ประกอบด้วย
1. ปาก ( mouth ) มีการย่อยเชิงกล โดยการบดเคี้ยวของฟัน และมีการย่อยทางเคมีโดยเอนไซม์อะไมเลสหรือไทยาลีน ซึ่งทำงานได้ดีในสภาพที่เป็นเบสเล็กน้อย
แป้ง + enz. อะไมเลส ——> น้ำตาลมอลโตส
2. กระเพาะอาหาร ( stomach) มีการย่อยเชิงกลโดยการบีบตัวของกล้ามเนื้อทางเดินอาหารและมีการย่อยทางเคมีโดยเอนไซม์เพปซิน (pepsin) ซึ่งจะทำงานได้ดีในสภาพที่เป็นกรด โดยชั้นในสุดของกระเพาะจะมีต่อมสร้างน้ำย่อยซึ่งมีเอนไซม์เพปซินและกรดไฮโดรคลอริก เป็นส่วนประกอบเอนไซม์เพปซินจะย่อยโปรตีนให้เป็นเพปไทด์ (peptide) ในกระเพาะอาหารนี้ยังมีเอนไซม์อยู่อีกชนิดหนึ่งชื่อว่า “ เรนนิน ” ทำหน้าที่ย่อยโปรตีนในน้ำนม
กระเพาะอาหาร ( stomach)
4. ลำไส้เล็ก ( small intestine) เป็นบริเวณที่มีการย่อยและการดูดซึมมากที่สุด โดยเอนไซม์ในลำไส้เล็กจะทำงานได้ดีในสภาพที่เป็นเบส ซึ่งเอนไซม์ที่ลำไส้เล็กสร้างขึ้น เช่น มอลเทส(maltase) ซูเครส(sucrase) และ แล็กเทส(lactase) รวมทั้ง การย่อยอาหารที่ลำไส้เล็กใช้เอนไซม์จากตับอ่อน ( pancreas) มาช่วยย่อย เช่น ทริปซิน ( trypsin) อะไมเลส ( amylase) และไลเปส ( lipase)
ลำไส้เล็ก ( small intestine)
* เราเสริมเอนไซม์ให้ร่างกายได้อย่างไร
@ วิธีการหมักน้ำเอนไซม์ผลไม้และสมุนไพร : เป็นข้อมูลที่เขียนขึ้นจากความเข้าใจ การตีความ และการปฏิบัติจริงของผู้เขียนเอง ได้แก่
1.การทำหัวเชื้อน้ำเอนไซม์ (Enzyme) อายุ 1 ปีขึ้นไป
1.1 หมัก 3 เดือนแรก : สัดส่วน ได้แก่
ผลไม้หรือสมุนไพร 3 ส่วน + น้ำผึ้ง 1 ส่วน + น้ำ 10 ส่วน = น้ำใส 3 เดือน (Ionic plasma)
1.2 หมักต่อ 6 เดือน : สัดส่วน ได้แก่
น้ำใส 3 เดือน 1 ส่วน + น้ำผึ้ง 1 ส่วน + น้ำสะอาด 10 ส่วน = น้ำใส 6 เดือน
1.3 หมักต่อ 9 เดือน : สัดส่วน ได้แก่
น้ำใส 6 เดือน 1 ส่วน + น้ำผึ้ง 1 ส่วน + น้ำสะอาด 10 ส่วน = น้ำใส 9 เดือน
1.4 หมักต่อ 12 เดือน : สัดส่วน ได้แก่
น้ำใส 9 เดือน 1 ส่วน + น้ำผึ้ง 1 ส่วน + น้ำสะอาด 10 ส่วน = หัวเชื้อ 12 เดือน หรือ 1 ปี
หมายเหตุ :
# ในรอบ 1 ปี จะปริมาณของน้ำหมักเอนไซม์ผลไม้หรือสมุนไพรแต่ละชนิดมากขึ้น ถ้าไม่ต้องการปริมาณมากนักอาจใช้วิธีการ 1) ใส่รวมถังใหญ่ หรือ 2) ใช้วิธีการเติม น้ำผึ้งในขวดหรือถังเดิมทุกๆ 3 เดือน
# ส่วนประสบการณ์จากการดื่มน้ำหมักเอนไซม์ผลไม้อายุ 3 เดือน ทุกผลไม้จะมีรสเปรี้ยวจัด ต้องผสมน้ำให้เจือจาง ทุกผลไม้จะมีกลิ่น และสีเฉพาะตัว ช่วยให้ผายลม และการขับถ่ายได้ดี
# สำหรับน้ำหมักเอนไซม์ผลไม้อายุ 6 เดือน จะมีความเปรี้ยวลดลง รสชาดดีขึ้น แต่ยังต้องผสมน้ำให้เจือจางเช่นกัน
2. การดื่มและขยายต่อให้ได้น้ำหมักเอนไซม์ผลไม้หรือสมุนไพรที่อายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป
2.1 หัวเชื้อเอนไซม์อายุ 1 ปีขึ้นไป : สัดส่วน ได้แก่
หัวเชื้อ 1 ส่วน + น้ำผึ้ง 1 ส่วน + น้ำ 10 ส่วน หมักไว้เป็นเวลานาน 3 – 6 เดือน จะได้น้ำเอนไซม์พร้อมดื่ม (ควรเลือกที่ 6 เดือนจะมีประสิทธิภาพดีกว่า) รับประทานครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 1 แก้ว ก่อนอาหาร และก่อนนอน
2.2 หัวเชื้อเอนไซม์อายุ 1 ปีขึ้นไป : สัดส่วน ได้แก่
หัวเชื้อ 3 ส่วน + น้ำผึ้ง 1 ส่วน + น้ำ 5 หรือ 10 ส่วน หมักนาน 6 เดือน หรือ 1 ปี จะได้น้ำเอนไซม์พร้อมดื่ม รับประทานครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 1 แก้ว ก่อนอาหาร และก่อนนอน
หรือ น้ำเอนไซม์ผลไม้หรือสมุนไพรต่างๆอายุ 1 ปีขึ้นไป ในปริมาณเท่าๆกัน รวม 3 ส่วน + น้ำผึ้ง 1 ส่วน + น้ำ 5 หรือ 10 ส่วน หมักนาน 6 เดือน หรือ 1 ปี จะได้น้ำหมักเอนไซม์ผลไม้รวม หรือสมุนไพรรวม หรือผลไม้รวมสมุนไพร
2.3 หัวเชื้อน้ำผลไม้หรือสมุนไพร อายุ 6-10 ปี 1 ส่วน + น้ำผึ้ง 1 ส่วน + น้ำ 10 ส่วน หมักนาน 6 เดือน จะได้น้ำเอนไซม์พร้อมดื่ม รับประทานครั้งละ 1 ช้อนชา ผสมน้ำ 1 แก้ว ก่อนอาหาร และก่อนนอน ( หรือนำไปขยายต่อไปอีก ด้วยสัดส่วน หัวเชื้อ 6-10 ปี 1 ส่วน + น้ำผึ้ง 1 ส่วน + น้ำ 5 ส่วน หมักนาน 1 ปี จะได้น้ำเอนไซม์เข้มข้นไว้ใช้งานต่อไป
>>ข้อ 2.1 - 2.3 ควรใช้ขวดปากแคบจำกัดอากาศ และเติมน้ำผึ้งเสริมทุกๆ 6 เดือน หรือนำมาขยายเพิ่มปริมาณอีกก็ได้)
การดูแลรักษาน้ำหมักเอนไซม์
ในช่วง 3 เดือนแรก ถือว่าสำคัญมาก เพราะต้องคอยดูแลระบายแก๊ส และความผิดปกติของน้ำหมัก พบราดำต้องกำจัดทันที อุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ต้องเน้นความสะอาดเป็นหลัก เก็บน้ำหมักเอนไซม์ไว้ในร่ม อากาศถ่ายเทได้ดี
3. วุ้นที่เกิดจากการหมักเอนไซม์
ในสภาวะที่เหมาะสมจากการหมักผลไม้กับน้ำผึ้งความชื้นต่ำ จะมีสารอาหารเกิดการจับตัวกันเป็นวุ้นขาว ๆ ลอยอยู่ในถังหมัก ซึ่งเป็นสารจำพวกคาร์โบไฮเดรต ไฟเบอร์ คอลลาเจน สารอาหารจำพวก กรดอะมิโน แร่ธาตุ และวิตามิน เป็นต้น ทำให้วุ้นมีประโยชน์ทางโภชนาการอีกด้วย
วุ้นที่ได้จากการหมัก สามารถนำไปหมักต่อหรือเลี้ยงวุ้นในน้ำผึ้งความชื้นต่ำ เป็นเวลา 3 – 6 เดือน (วิธีเลี้ยงวุ้น ใช้สัดส่วน วุ้น 1 ส่วน + น้ำผึ้ง 1 ส่วน + น้ำ 5-10 ส่วน ปิดฝาให้สนิท หมักไว้ 6 เดือน - 1 ปี จนวุ้นใส) สามารถนำวุ้นที่ได้มาแบ่งรับประทานทุกเช้า เพื่อช่วยกระตุ้นการขับของเสีย หรือระบบขับถ่ายได้ เพราะมีไฟเบอร์ และกรดอะมิโนสูง
ส่วน “น้ำผึ้งที่ได้จากการเลี้ยงวุ้น” จะมีรสหวานอมเปรี้ยว กลิ่นหอมน้ำผึ้งผสมกับกลิ่นผลไม้นั้นๆ อีกทั้งยังมีอัตราการการเพิ่มของเอนไซม์มากขึ้น มีปริมาณกรดอะมิโน แร่ธาตุ และวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เมื่อนำไปบริโภคจะช่วยกระตุ้นการขับถ่ายของเสีย ช่วยล้างคราบไขมันซึ่งเป็นของเสียที่เกาะอยู่ตามทางเดินอาหาร หลอดอาหาร ผนังกระเพาะอาหาร ผนังลำไส้ พร้อมลดอาการอักเสบ ปรับสมดุลของร่างกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีสุขภาวะที่เป็นปกติสุข
ระดับคุณภาพน้ำหมักเอนไซม์ผลไม้หรือสมุนไพร
• อายุ 10 ปีขึ้นไป ระดับคุณภาพ A ใช้เป็นโอสถบำบัดได้+ขับพิษตกค้าง+ อื่นๆ
• อายุ 6 ปีขึ้นไป ระดับคุณภาพ B ใช้เป็นโอสถบำบัดได้ + อื่นๆ
• อายุ 1-3 ปีขึ้นไป ระดับคุณภาพ C ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย+ อื่นๆ
• อายุ 3 เดือนขึ้นไป ระดับคุณภาพ D ช่วยระบบการย่อยและขับถ่าย + อื่นๆ
ค่ามาตรฐานของน้ำหมักเอนไซม์ผลไม้หรือสมุนไพร : 2 รายการ คือ
ค่า pH : ต่ำหรือน้อยกว่า 4 (ต้องใช้เครื่องมือวัดโดยเฉพาะ)
ค่าประจุไฟฟ้า(EC) : เกินหรือมากกว่า 1000 มิลลิซีเมนต์ (ต้องใช้เครื่องมือวัดโดยเฉพาะ)
บทสรุป
การที่เราทุกคนจะมีสุขภาวะที่ดีได้นั้น จำเป็นที่จะต้องมีการเอาใจใส่ดูแลตนเองอยู่เสมอ อาทิ การรับประทานอาหารครบหมู่ การออกกำลังกาย และการพักผ่อนที่เพียงพอ แม้กระนั้นก็ยังมีความจำเป็นที่เราต้องช่วยเสริมเอนไซม์ต่างๆ ให้ร่างกาย เพื่อให้ร่างกายไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไป เรียกว่า " การมีสุขภาพดีจากข้างใน " การดีจากข้างในในที่นี้ ประกอบด้วย
1. ร่างกายมีเอนไซม์ที่ช่วยให้ระบบการย่อยอาหารได้ดี
2. ช่วยให้ตับอ่อนไม่เครียด ผลิตน้ำย่อยในลำไส้เล็กได้ดี
3. ร่างกายมีเอนไซม์ที่ช่วยให้ระบบการขับถ่ายทำงานได้ดี
"..ฉะนั้น จุดสำคัญของการจะมีสุขภาวะที่ดี จึงต้องดีจากข้างในก่อนเป็นลำดับแรก.."
อ้างอิง : ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์วงศ์ แห่งบ้านรักษ์สุขภาพ , ภาพบางภาพจาก Internet และ
https://www.canva.com
4 บันทึก
2
1
6
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
การหมักน้ำเอนไซม์ผลไม้และสมุนไพรเพื่อคุณภาพชีวิต
4
2
1
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย