iPhone 12 ใช้กี่ปีถึงคุ้ม ? เล่ามีคำตอบด้วยการคำนวณแบบ EAC ครับ
เคยคิดกันมั้ยครับว่าเวลาซื้อมือถือเครื่องนึงแล้ว เราควรจะใช้มันกี่ปีดี ? ยิ่งใช้นานๆยิ่งคุ้มรึเปล่า ? หรือว่าเปลี่ยนบ่อยๆคุ้มกว่าเพราะถึงจะจ่ายแพงแต่ก็ได้ใช้ของใหม่ตลอดเวลา
วันนี้ผมเลยลองใช้วิธี EAC (Equivalent Annual Cost) ที่ปกติจะใช้ในการเปรียบเทียบโปรเจคการลงทุนที่มีอายุของกระแสเงินสดไม่เท่ากัน (Uneven Cashflow) โดยการคิดรายรับ/รายจ่ายทั้งหมดมาเป็น Present Value (มูลค่าปัจจุบัน) แล้วกระจายออกไปให้เป็นกระแสเงินสดเฉลี่ยรายปี
ซึ่งผมนำมาเปรียบเทียบการใช้โทรศัพท์มือถือด้วยจำนวนปีที่แตกต่างกันเพื่อดูว่า เมื่อเราใช้มือถือเครื่องนึงนานขึ้น แล้วต้นทุนเฉลี่ยต่อเดือนจะลดลงเยอะมากหรือไม่
ส่วนตัวอยากลองทำไว้เพื่อตัดสินใจว่าจะใช้มือถือกี่ปีแล้วเปลี่ยนดี พอทำออกมาแล้วตัวเลขน่าสนใจก็เลยลองรวบรวมตัวเลขของทุกรุ่น สำหรับการใช้ 1-5 ปี มาให้ได้ดูประกอบการตัดสินใจกันครับ
โดยรายละเอียการคำนวณคร่าวๆของผมกำหนดข้อมูลดังนี้
💵 ราคาเครื่องแต่ละรุ่นจะนำราคาของรุ่นที่มีความจุสูงสุดมาคำนวณ
- iPhone 12 mini 256 GB : 31,900 บาท
- iPhone 12 256 GB : 35,900 บาท
- iPhone 12 Pro 512 GB : 48,900 บาท
- iPhone 12 Pro Max 512 GB : 51,900 บาท
💳 ทุกเครื่องคิดกระแสเงินสดแบบผ่อนชำระ 0% 10 เดือน
📲 สัดส่วนราคา Trade In เมื่อเลิกใช้และส่งคืนกับ Apple คิดจากราคา Trade-in สูงสุด ณ วันที่ 1 ธ.ค. 2563 เทียบกับราคาเปิดตัวสูงสุดของแต่ละรุ่น
- ขายคืนภายใน 1 ปี : iPhone 11 Pro Max ~ 30% (52,900 -> 15,500)
- ขายคืนภายใน 2 ปี : iPhone XS Max ~ 17% (57,900 -> 10,100)
- ขายคืนภายใน 3 ปี : iPhone 8s Plus ~ 15% (38,500 -> 5,500)
- ขายคืนภายใน 4 ปี : iPhone 7s Plus ~ 10% (35,500 -> 3,500)
- ขายคืนภายใน 5 ปี : iPhone 6s Plus ~ 7% (36,900 -> 2,500)
*** ราคา Trade-In นั้นขึ้นอยู่กับสภาพของแต่ละเครื่อง ราคาที่นำมาคำนวณคือราคาสูงสุดสำหรับเครื่องสภาพดีนะครับ
🧮 ผลตอบแทนต่อปี คิดแบบไม่สูงมากที่ 6% ต่อปี (เพื่อความง่ายในการคิดเป็น 0.5% ต่อเดือนด้วย)
เมื่อนำตัวเลขทั้งหมดมาคำนวณหา EAC ของการใช้มือถือแต่ละรุ่นในระยะเวลา 1-5 ปีก็ได้ตัวเลขออกมาตามตารางเลยครับ
หมายเหตุ : ตัวเลขอาจจะสูงกว่า/ต่ำกว่าการเอาราคาเครื่องมาหารจำนวนเดือนตรงๆนะครับ เพราะการคำนวณแบบ EAC จะมีการคิดต้นทุนค่าเสียโอกาสของเงินในกรณีที่ไม่ซื้อโทรสัพทืแล้วเอาเงินไปลงทุนด้วยผลตอบแทนปีละ 6% ด้วย
จะเห็นว่าการใช้ปีเดียวแล้วเปลี่ยนเลยจะมีต้นทุนที่สูงมากๆ (หลักๆเป็นเพราะมูลค่าของ iPhone นั้นลดลง 70% ในระยะเวลาแค่ปีเดียว) แต่พอใช้ไป 2-3 ปีต้นทุนเฉลี่ยจะลดไปครึ่งนึงเลย ตรงนี้ทำให้ผมมองว่าการเปลี่ยนมือถือทุกปีอาจจะฟุ่มเฟือยไปซักนิดเพราะรุ่นใหม่ก็ไม่ได้มีสเปคที่โดดกันมากเท่าไหร่ แต่ต้นทุนต่อเดือนค่อนข้างสูง
ส่วนถ้าเราทนใช้ต่อไปจนถึงปีที่ 3-4 จะเห็นว่า ต้นทุนเฉลี่ยก็ลดลงในระดับนึง ซึ่งตีความได้ว่าก็ประหยัดได้แต่ไม่มากนัก ถ้าชอบรุ่นใหม่ที่ประสิทธิภาพสูงก็สามารถเปลี่ยนรุ่นใหม่ได้
สุดท้ายถ้าใครใช้ยาวจนถึงปีที่ 5 จะเห็นว่าต้นทุนเฉลี่ยนั้นแทบไม่ลดลงจากปีที่ 4 เลยครับ นั้นจึงกลายมาเป็นข้อสรุปของผมที่ว่า ถ้าใช้มา 4 ปีแล้วรู้สึกทนไม่ไหวก็เปลี่ยนเถอะครับ ในเชิงมูลค่าทางการเงินนั้นการใช้ 4 ปี กับ 5 ปีนั้นแทบไม่ได้ประหยัดมากขึ้นเท่าไหร่
*** แต่ในเชิงเงินในบัญชีอาจจะยังไม่พร้อมจ่ายก็ได้ครับ 😂😂😂
⭐️ สรุป : ผมเลือกแบบ 3-4 ปีเปลี่ยนทีนึง แล้วก็เลือก mini (ต้นทุนเฉลี่ยเดือนละไม่ถึงพันบาท) เพราะชอบเครื่อง + ประหยัดดีเอาเงินไปลงทุนอย่างอื่นแทนครับ ⭐️
ทั้งนี้ทั้งนั้นนี่คือมุมมองความรู้สึกของผมเองนะครับที่เห็นจากตัวเลขที่ออกมา ถ้าใครมีความคิดเห็นแบบอื่นก็เสนอกันได้นะครับ ไม่ว่ากันเพราะเงินใครเงินมัน ใครจะใช้แบบไหนก็ต้องแล้วแต่คนเนอะ 🤣🤣
เหตุผลที่ทำตารางนี้ออกมาเพราะกำลังตัดสินใจซื้อมือถือใหม่ด้วย และช่วงนี้แอดมีสอน Finance เรื่องนี้พอดี ก็เลยลองมาคำนวณกับ iPhone ดูตัวเลขก็น่าสนใจอยู่นะครับ
ส่วนถ้าใครชอบเนื้อหาเน้นๆตามสไตล์เพจ “เล่า” ของผมก็สามารถกด Like เพจเพื่อติดตามเนื้อหาใหม่ๆของทางเพจได้นะครับ จะมีมาเล่าให้ในหลายๆเรื่องเลย ตามเพจเล่าไม่มีเบื่อแน่นอน เพราะแอดมินขี้โม้ หามาเล่าได้ทุกเรื่องครับ 😂😂
อยากให้เล่าเรื่องไหน รีเควสได้ ถ้าไม่นอกเหนือความสามารถก็จะไปหามาให้ครับ 😎😎
ติดตามเรื่อง “เล่า” ผ่าน facebook ได้ที่
#เล่า #เล่าหนังสือ #เล่าความรู้ #unfold #ส่งเสริมการอ่าน #ส่งเสริมการเรียนรู้ #iPhone12ProMax #iPhone12Pro #iPhone12 #iPhone12mini
- 7
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
