4 ธ.ค. 2020 เวลา 06:01 • ท่องเที่ยว
บันทึกไต้หวัน Touch your heart part 2
Flora expo
5 มีนาคม 2554
วันนี้ตื่นเช้าขึ้นมาก็จับรถไฟฟ้าเดินทางไปสถานี หยวนชาน สถานที่จัดงาน Taipei International Flora Exposition 2010 เปิดแสดงตั้งแต่ 6 พฤศจิกายน 2553 ถึง 25 เมษายน 2554 เป็นงาน Flora Expo ที่รองไปจาก World Flora Expo ที่จัดที่เชียงใหม่ปี2549 ลงไปหนึ่งลำดับชั้น (กำลังจะบอกว่าไทยจัดได้เจ๋งกว่าใหญ่กว่าเยอะครับ) งานนี้เป็นหน้าเป็นตาของไต้หวันมากมีการโปรโมทกันทั่วบ้านทั่วเมือง จำนวนคนที่เข้าชมแต่ละวันมากมายมหาศาล ตั๋วเปิดขาย 0830น. หรือหาซื้อได้ตาม 7-11 ตลอด 24 ชม. แถมถ้าซื้อด้วย Easy card ลดอีก 10% ราคา Day pass ticket 300 NTD ผมไปถึงตอน 7โมงครึ่งปรากฎว่าแฟนคลับชาวไต้หวันแห่กันมายืนเข้าคิวกันยาวเฟื้อยยังกะไปดูคอนเสิร์ตพี่เบิร์ดยังงัยยังงั้นเลย ผมเลย เดินดูรอบๆด้านนอกถ่ายรูปรอ พอได้เวลาก็ตรงดิ่งเข้าไปซื้อตั๋วช่องที่เขียนว่า English คนเข้าคิวแทบไม่มี แต่ช่องภาษาจีนเนี่ยล้น พอเข้าไป speak กับพนักงานถึงได้รู้ว่ามันเป็นช่องกรุ๊ปทัวร์ ...แป่ว ๆ พออ่าบรรทัดล่างๆ มันเขียนว่า Group or pre-order 2500 NTD เขาถามผมว่าเอากี่ใบ ก็เลยบอกว่า 1 day pass ticket xie xie คนขายก็ใจดีขายให้ครับเลยไม่ได้รอคิว หึหึ ไม่รู้จะด่าเราเป็นภาษาจีนรึเปล่าก็ไม่รู้แต่ดูท่าทางอวัจนภาษาแล้วก็ไม่น่ามีอะไร
ตั๋ว flora expo
คนรอเข้างานสิครับยาวมาก
จากนั้นคือการรอคิวของจริง ทางเข้าเปิดตรงเวลา 0900 น. เข้าคิวรอประมาณ 1 ชั่วโมง ดีที่ว่าอากาศเย็นก็ชิลๆ พอเข้าไปได้ก็ถ่ายรูปดอกไม้กัน มาคนเดียวพอถ่ายรูปตัวเองแล้วดูไม่ดีเลย จะวานให้คนอื่นถ่ายให้ก็ทุกคนพกกล้องกันคนละตัวและกำลังเมามันกับการกดชัตเตอร์ เหลือบไปเห็นเขาเข้าคิวอะไรอีกย้าวววววยาว ที่หน้า Expo dome เลยไปเข้ากะเขาด้วย หึหึ สมใจนึกครับ 1 ชั่วโมงผ่านไปกระดื้บๆ พอเข้าไปได้เป็นงานแสดงกล้วยไม้ครับของชอบเลย ค่อยหายเหนื่อยหน่อย ตรงทางเข้าเขามีเครื่องนับคนครับให้เข้าไปได้กี่พันไม่รู้แต่ถ้าเต็ม100%แล้วก็จะกักคนไว้ไม่ให้เข้ามิน่าถึงช้า แต่ก็นึกดูคนเข้าเยอะเกินดอกไม้คงเฉาน่าดูความร้อนในตัวเราคงไปเปลี่ยนอุณหภูมิ ความชื้นที่เขาควบคุมไว้ ผมใช้เวลาอยู่ในนี้30นาที จากนั้นก็บอกตัวเองว่าถึงจะสวยแค่ไหนก็ไม่ขอเข้าคิวนานๆแบบนี้อีกเลยเดินถ่ายรูปไปทั่วครับเดิน ดูตามสวนของประเทศต่างๆ จนเมื่อยเท้า
กล้วยไม้หลากหลายชนิด เท่าที่รู้จักก็มี เอื้อง รองเท้านารี กล้วยไม้อะไรก็ไม่รู้ยาวมาก บางดอกก็เหมือน นกกะเรียน
เดินชม ดอก ทิวลิปที่สวน เนเธอร์แลน อันแสนงดงาม
สวนไต้หวัน สานไม้ไผ่ไต้หวันเป็นโดม ด้านบนเป็นวงกลมเหมือนพระจันทร์
สวนไทยจัดดอกไม้เป็นรูปช้าง ภูฏาน เป็นสวนพุทธ
ฮาวาย ได้บรรยากาศทะเล
บรรยากาศของสวนต่างๆ
มื้อเที่ยงข้าวขาหมูไต้หวัน อร่อยดี
ผมเดินอยู่ทั้งวัน ออกจากงานก็ 1600 น. เมื่อยขามากขอกลับไปพักก่อนล่ะครับ
งานพืชสวนโลกไทเปผ่านไป 119 วัน จำนวนผู้เข้าชมงานเกือบถึง 5.5 ล้านคน หอจัดแสดงยอดนิยมเช่น Expo Dome, Pavilion of Future ล้วนแต่มีผู้เข้าชมเกินกว่า 1 ล้านคน
ลาด้วยภาพดอกไม้ละกันครับ
หมู่มวลดอกไม้อันงดงาม
Jinguashi-Jioufen 6 มีนาคม 2554
Jinguashi Gold Ecological Park ด้านหลังคือบ้านญี่ปุ่นเป็นบ้านของนายเหมือง
6 มีนาคม 2554
วันนี้ตื่นแต่เช้าวางแผนไว้ว่าจะไปจินกวาฉือ(Jinguashi) Gold Ecological Park อดีตเหมืองทองอันรุ่งโรจน์ของไต้หวัน แผนคือนั่งรถไฟ TRA (Taiwan Railway Administration)ไปลงที่ รุ่ยฟาง( Rueifang) ต่อรถบัสไปที่ จินกวาฉือ(Jinguashi) โดยผ่านเมืองจิ่วเฟิ่น (Jioufen) ไปก่อนค่อยย้อนกลับมา เปิดแผนที่ดูเส้นทางเรียบร้อย ซื้อตั๋ว ราคา 50 NTD แล้วถามเจ้าหน้าที่ว่าไปทางไหน สงสัยดวงผมจะได้เที่ยวไกลกว่าเดิม หรืออาจเป็นเพราะคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง ขึ้นรถไฟผิดสายไปลงจีหลง (Keelong) แทน ด้วยความกล้าหรือหน้าด้านก็ไม่รู้ เลยตัดสินใจเดินไปบอกเจ้าหน้าที่รถไฟว่าขอโทษด้วยครับผมขึ้นรถมาผิดจะไปสถานีรุ่ยฟาง(Rueifang)ทำไงดี โอ้วเจ้าหน้าที่อาสาสมัครคนหนึ่งใจดีมากๆแม้จะพูดอังกฤษไม่ได้ก็ตามคุณป้าแกพาเดิมข้ามถนนมาส่งที่ป้ายรถเมล์เลยทีเดียวแล้วบอกว่าขึ้นเลยตรงนี้แหล่ะ ผมก็ Xie xie ขอบคุณแกซะยกใหญ่
จากนั้นก็มองหาป้ายบนรถพอดีเจอกับรถเมล์ที่วิงสาย จีหลง จินกวาฉือ พอดีเลย ส่งตรงถึงที่ จ่ายด้วย easy card สวรรค์ทรงโปรดเลยได้นั่งรถชมเมือง จีหลงด้วยเลยชิลๆ อากาศวันนี้อบอุ่นขึ้นมากหนาวเฉพาะตอนเช้า พอสายๆก็ประมาณ 20 C อุ่นดี พอจะถึงจิ่วเฟิ่นเส้นทางคดเคี้ยวมากแต่พลขับก็สุดยอดชำนาญมากๆถนนเส้นเล็กวิ่งขึ้นเขาโค้งไปโค้งมาพวกที่ยืนเนี่ยสะโพกส่ายยังกะเล่นฮูล่าฮูปเลย พอรถจอดที่สถานีปลายทางหน้าเมืองก็ลงไปชมล่ะครับ เป็นเหมืองทองเก่าที่ดัดแปลงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศแห่งแรกของไต้หวันก็ว่าได้ สภาพทั่วไปเป็น ภูเขาติดทะเลแปซิฟิกภูมิประเทศสวยงาม แต่ก็ปีนบันไดซะเมื่อยขานี่ถ้าไม่เกรงใจอาม่าอากงผมคงลงไปนั่งนวดขาแล้วแต่พวก สว. ก็เดินขึ้นได้ไม่เกรงใจเข่าตัวเองเลยซักนิด ต้องเข้มแข็งไว้
Jinguashi Gold Ecological Park
พอเดินขึ้นไปถึงด้านบน ก็ซื้อตั๋วเข้าอุโมงค์ไปดูวิธีการขุดทองกันก็น่าตื่นเต้นดี ลอดช่องแคบ มีน้ำหยดใส่หัวติ๋งๆเป็นระยะ ดูๆไปก็ยังเห็นสายแร่ทองระยิบระยับอยู่นะครับสงสัยไต้หวันกั๊กไว้รอให้ทองขาดแคลนมากๆก่อนค่อยขุดใหม่อันนี้เดาเอานะครับอย่าเพิ่งคล้อยตาม
กรรมกรเหมืองทอง
เข้าอุโมงค์เดินไปดูการขุดทอง ในอุโมงมีน้ำหยดติ๋งๆ เป็นระยะๆ
พอออกจากอุโมงค์ก็ปีนยอดเขาอีกลูกขาขึ้นไม่เท่าไหร่ไอ้ขาลงนี่แหล่ะทำซะขาสั่นพั่บๆ quadriceps fatigue อย่างกะทันหันหลังจากทำงานแบบ eccentric contraction มาครึ่งทาง จำไว้นะครับอย่าวิ่งลงเขาเป็นอันขาดให้ค่อยๆเดินลงอย่างสม่ำเสมอ ถ้าวิ่งลงล่ะก็พรุ่งนี้ท่านจะพบกับความเจ็บปวดแสนสาหัสรวดร้าวทรมารประดุจต้นขาสองข้างจะฉีกออกจากกันเป็นชิ้นๆเลยทีเดียว เราเรียกอาการนี้เล่นๆว่า ดอมซ์ (DOMS: Delayed Onset Muscle Soreness) เอ้าว่าจะไม่วิชาการซะหน่อยเผลอไปจนได้ สรุปผมก็พยายามตามทฤษฎีแล้วต้องรอดูผลพรุ่งนี้เพราะวันนี้ก็ปีนมาหลายลูกครับ
ออกจากอุโมงมาเดินขึ้นเขา มองเห็นเมืองจิ่วเฟิ่นงดงามมาก
พอลงเขาก็มาดูพิพิธภัณฑ์ทองคำ ไฮไลท์อยู่ที่ก้อนทองหรือทองก้อนขนาดยักษ์ที่วางไว้ให้ลูบคลำสาบานได้ครับลูบคลำกับดูได้สองอย่าง ยกไปไมไหวหรอกครับ 220กิโลกรัม เป็นทองคำแท่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกครับ พอออกจากดูทองแล้วก็ไปหาอะไรกินสิครับเลยเที่ยงมานานโรงเตี้ยมบนยอดเขาอีกแล้วครับ นึกถึงหนังกำลังภายในขึ้นมาทันที กว่าจะสั่งข้าวทานได้เมื่อยมือ สรุปสั่งข้าวผัด แต่ได้ บะหมี่ผัด สั่งต้มผักกาดหมูสับ ได้ผัดผักกวางตุ้งหมูสับ บวกกับซุ๊บหอยชนิดนึงแต่ก็อร่อยมากครับ
ทองคำแท่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก
อาหารโรงเตี้ยมบนยอดเขา ทั้งบะหมี่ ผัดผัก ซุ๊บหอยอร่อยมากๆครับ
เสร็จจากทานข้าวที่โรงเตี้ยมบนยอดเขา ก็ออกไปเดินชม ทิวทัศน์ตามเนินเขาหลายๆลูก มีบันไดให้เดินสะดวกสบายมองไปไกลๆเหมือนมังกรเลื้อยไปตามเนินเขาสูงๆต่ำๆดูสบายตามาก บนยอดเขาหนึ่งมองลงไปชายฝั่งทะเลจะพบกับทะเลสีทอง ว่ากันว่า ญี่ปุ่นทำเหมืองทองแล้วระบายน้ำเสียมาทิ้งที่นี่ หินบนหาดนี้เลยมีคราบทองจับอยู่ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหนแต่ก็ดูแปลกดี
เดินเล่นไปตามเนินเขาสูงๆต่ำๆ
ทะเลมีสีทองแทรกกับสีฟ้า คือคราบทองจับอยู่ที่หินชายหาดและพื้นทะเลตัดกับน้ำทะเลสีคราม จึงเรียกชื่อว่า ทะเลหยินหยาง (yin-yang)
เมืองจิ่วเฟิ่น
ทิวทัศน์เมื่อมองจากร้านน้ำชาร้านหนึ่งในเมืองจิ่วเฟิ่น
เดินถ่ายรูปอีกพักนึงก็ขึ้นรถไปต่อที่ จิ่วเฟิ่น เป็นหมู่บ้านบนเขามีตลาดขายของกินสารพัด เครื่องประดับสาระเพ ของที่ระลึกหลากหลาย บวกกับทิวทัศน์ที่สวยงามคนจึงมุ่งมามากมายล้นหลาม สุดยอดมากๆครับพอตกเย็นก็ได้เวลากลับครับ นั่งรถเมล์มาที่ ลุ่ยฟาง แล้วซื้อตั๋ว TRA มุ่งตรงสู่ไทเป คราวนี้ไม่พลาดครับ แต่ต้องยืนเพราะเหลือแต่ตั๋วยืน 40นาทีก็ถึงไทเป ขอพักขาก่อนวันนี้พอแค่นี้พรุ่งนี้เริ่มเรียนอีกแล้ว
บรรยากาศในเมืองจิ่วเฟิ่น ตลาดอันคึกคัก บ้านเมืองที่อยู่เป็นชั้นๆบนเขา ฝรั่งไต้หวัน สีแดงส้ม ลูกกลมๆน่าชมน่ากัด อร่อยดีเหมือนกินฝรั่งพื้นเมืองที่กำลังสุกของเราแหล่ะครับ เิดนจนเมื่อยแล้วก็ไปเข้าคิวขึ้นรถเมล์กลับไป Rueifang ที่หน้า 7-11
สถานีรถไฟ Rueifang
Jinguashi อดีตเหมืองทองอันรุ่งโรจน์ของไต้หวัน และ Jioufen เมืองบนภูเขา ที่เป็นฉากหลังให้ series Taiwan หลายเรื่อง อยู่บนภูเขาทั้งคู่อยู่ใกล้ๆกัน ภูมิประเทศเป็นเขาน้อยใหญ่ ทาบติดไปกับมหาสมุทรแปซิฟิกที่มี เกาะน้อยใหญ่ บวกกับอากาศอันอบอุ่น จึงมีทะเลหมอกแทรกมาอย่างที่เห็น สวยงามประทับใจ
Taiwan touch your heart

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา