Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ฟุตบอลสีน้ำพู - Football Romcom
•
ติดตาม
4 ธ.ค. 2020 เวลา 01:59 • กีฬา
เมื่อผมพบกองหลัง U14 อีกครั้งที่สนามไทย-ญี่ปุ่น
“ปรี๊ด” “ตูม”
เหตุการณ์สั้น ๆ ที่เกิดขึ้นแทบจะวินาทีสุดท้ายของเกมเปลี่ยนทุกอย่างไปนิรันดร์
จูบิโล อิวาตะได้จุดโทษ และดาวยิงตัวเก่งของพวกเขาก็ไม่พลาดซะด้วย จากที่ “กำลัง” จะเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลซีพี-เมจิคัพ ฟุตบอลเยาวชนนานาชาติ รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปีอยู่แล้ว สุดท้ายกลายเป็นบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดโดนตีเสมอและแพ้ดวลจุดโทษ และท้ายสุดจบแค่อันดับ 4 ของรายการเท่านั้น
นั่นอาจจะเป็นรอยแผลในใจเล็ก ๆ ของ “เบส” เขมทัต ควรถนอม กัปตันทีม “ปราสาทสายฟ้า จูเนียร์” ชุดนั้นก็ได้
“เราเล่นฟุตบอลไม่จบเกม...เวลาแค่ 1 นาทีที่เราเสียสมาธิไป เกมมันเลยเหวี่ยงโมเมนตัมมาเป็นการดวลจุดโทษ” โค้ชบี อานนท์ แก้วพฤกษ์ ที่คุมทีม U14 ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดซ่อนความเจ็บปวดไว้ใต้คำพูด
นี่คือทีมที่โค้ชบีหมายมั่นปั้นมือจะพาไปให้ถึงฝัน คว้าแชมป์รายการนี้เป็นครั้งแรกให้ได้ ซึ่งดูจากผลงานตั้งแต่รอบแรกมา จนมาถึงรอบรองชนะเลิศที่พวกเขาฟัดกับยอดทีมจากญี่ปุ่นอย่างจูบิโล อิวาตะ (ซึ่งสุดท้ายเป็นแชมป์) ได้อย่างยอดเยี่ยม ฝันนั้นไม่น่าไกลเกินคว้าเลยนะ
“จริง ๆ ถ้าเทียบกับ 3-4 ปีที่ผ่านมา ต้องบอกว่ามาตรฐานของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดดีขึ้นมาเรื่อย ๆ แล้วปีนี้เป็นปีที่ 4 ผมว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องเป็นแชมป์เพราะเราเป็นเจ้าภาพด้วย ปีนี้ด้วยศักยภาพเด็กเองสามารถไปถึงได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องบอกว่าความมั่นใจมันเกิดขึ้นในแต่ละแม็ทช์ที่เราลงเล่นด้วย”
“ชุดนี้ถ้าให้ผมมองว่าในอนาคต ถ้าจะมีใครสักคนไปได้ไกล ผมมองว่าน่าจะเป็นตำแหน่งเซนเตอร์ เบอร์ 4 กัปตันทีม ด้วยรูปร่าง ด้วยการอ่านเกม เค้าได้หมดแล้ว”
ทั้งหมดนี้คือที่ผมได้พูดคุยกับ “โค้ชบี” ที่บุรีรัมย์เมื่อปีกลาย อ้อ! เบอร์ 4 นั่นก็คือ เบส เขมทัต ควรถนอมนั่นเอง
เบส เขมทัต ควรถนอม แผงหลังวัยรุ่นแห่งบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
หลังจากสัมภาษณ์โค้ชและนักฟุตบอลที่เพิ่งแข่งรอบรองชนะเลิศ คู่แรก ฟุตบอล BMA U17 Invitation Super Cup 2020 เสร็จเรียบร้อย ผมก็เดินไปขอรายชื่อคู่ที่ 2 ระหว่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดกับเทพศิรินทร์ (แม้ระหว่างทางจะโดนเจ้าหน้าที่ทีมปราสาทสายฟ้าท่านนึงแซวก็เถอะ
“พี่มาเชียร์ทีมอะไร?...สวนกุหลาบตกรอบไปแล้วนี่”
อ้อ!...ผมเป็นศิษย์เก่าชมพู-ฟ้าน่ะ TT)
ผมไล่ชื่อ 11 ตัวจริงของ “ปราสาทสายฟ้า จูเนียร์” แล้วก็สะดุดชื่อสุดท้าย
หมายเลข 15 เขมทัต ควรถนอม
คำว่า “ไปได้ไกล” ของ “โค้ชบี” ผมก็ไม่คิดว่ามันจะเร็วแบบนี้ จากชุด U14 เมื่อปีกลาย ก้าวขึ้นมาเป็นแผงหลังตัวหลักในชุด U17 เลยนะ แบกอายุถึง 2 ปี
“เราไม่มีใครแล้ว มีเซนเตอร์แค่ 3 ตัวนี่แหละชุดนี้” เจ้าหน้าที่ทีมผู้จี้ใจดำผมเรื่องการตกรอบของทีมชมพู-ฟ้าออกตัว แต่แม้จะดูออกตัวยังไง ผมก็สัมผัสได้ว่า “สมราคา” ที่เบสก้าวขึ้นมาเล่นในทีมชุดนี้ได้อยู่ดีนั่นแหละ
“ผมไม่กดดันนะ (ที่แบกอายุเล่น)...เหมือนผมก็เล่นกับรุ่นพี่พวกนี้มาก่อนอยู่แล้ว ผมเคยเล่นกับพี่ ๆ ที่เกิดปี 47 (ห่างกัน 1 ปี) ไปแข่งที่มาเลเซีย นั่นก็ข้ามรุ่นมาแล้ว นี่ห่างกัน 2 ปี...ก็ไหวครับ” เบสเปิดใจ
“เบสอาจจะอายุแค่ 15 แต่เล่นในทีมนี้ได้ โนพลอมแพลมครับ” มาซายูกิ มิอูระ เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่นของเหล่า “ลูกเจี๊ยบสายฟ้า” ยืนยัน “เบสเล่นได้ดี คนรอบข้างก็ดี...ช่วยเหลือเบสได้ดี คิดว่าเบสจะพัฒนาไปได้มากกว่านี้อีกครับ”
เกมรอบรองฯ ระหว่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบ เทพศิรินทร์
คู่หูของเบสในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟวันนี้ก็คือ “พิทยา จารย์” ใส่หมายเลข 4
ส่วนในแนวรุกผมคุ้นชื่อ “เมสซี ก้อง” วรฤทธิ์ มุงคุณ เดินเกมทางขวา ส่วนทางซ้ายเป็นหน้าที่ของกัปตันทีม วินัย เอี่ยมโอด จำได้ว่าเป็นตัวจริงในชุดโค้กคัพ รอบรองชนะเลิศที่ผมไปดูที่โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี เมื่อต้นปีด้วย (ก่อนจะก้าวไปคว้าแชมป์ด้วยการดวลจุดโทษชนะชลบุรี ในนัดชิงชนะเลิศ)
คู่หน้าภาณุพงศ์ วงศ์พิลา (นี่ก็มีชื่อในทีมโค้กคัพ ชุดล่าสุด) ยืนคู่กับฐภพภณ บุตรแก้ว เจ้าของประตูสุดสวยในรอบก่อนที่เทิร์นหลบคู่แข่ง แล้วสับซ้ายขวาก่อนจะยิงเข้าไป
11 คนแรก “ลูกเจี๊ยบสายฟ้า”
ส่วนเทพศิรินทร์วางอิคลาส สันหรน น้องชายของบัสรี สันหรน ยืนเป็นกองหน้า นี่ก็อายุยังไม่ 16 เลย
มีนัซรูล ดุลอามานกับธนวิชญ์ มารุจกล้าเดินเกมริมเส้น
แผงหลังคุมทัพโดยกัปตันทีมอย่างภัทรพล ศึกษากิจ
11 คนแรก “ลูกแม่รำเพย”
ทั้ง 2 ทีมซัดกันสนุกแบบไม่มีใครกริ่งเกรงใครเลย แดนหน้าของ “ปราสาทสายฟ้า จูเนียร์” วูบวาบและโฉบเฉี่ยวเหลือใจ ส่วนของเทพศิรินทร์ก็ทรงบอลแบบ “ลูกแม่รำเพย” นั่นแหละ แนวรุกดูคล่องแคล่ว กองกลางคุมจังหวะจะโคนดี
เบส เขมทัต เล่นได้นิ่งเกินวัย ดักทาง วิ่งสกัดคู่แข่งได้ดี
ก่อนหมดครึ่งแรกสัก 7-8 นาที ภาณุพงศ์ วงศ์พิลาก็เก็บตกบอลที่เพื่อนยิงไปติดกองหลัง แล้วซัดเข้าประตูได้
โดนไปก่อน “ลูกแม่รำเพย” ก็พยายามทวงคืน แต่แนวรับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดยังต้านทานได้ดี โอกาสที่น่าตีเสมอสุดของทัพ “เขียว-เหลือง” ก็จังหวะเติมของแบ็กขวาอย่างธีรเดช แสงทองนั่นแหละ แต่แปจ่อ ๆ หน้าประตูข้ามคานเหลือเชื่อ
จบครึ่งแรก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดยิ้มหวานนำไปก่อน 1:0
ภาณุพงศ์ คนทำสกอร์แรกของเกมวิ่งดีใจ
เทพศิรินทร์ไม่คิดท้อแท้ เดินหาโอกาสทำประตูตีเสมอให้ได้ แต่ณรงศักดิ์ เนืองวงศา ผู้รักษาประตูทีมจากแดนอีสานใต้ยังปฏิเสธความต้องการเหล่านั้น
เหล่าขุนพล “ลูกเจี๊ยบสายฟ้า” ยังนิ่ง และโชว์ให้เห็นว่า “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สไตล์” เป็นอย่างไร เมื่อต่อบอลกันสุดสวย 10 กว่าทอดจนสร้างสรรค์เป็นประตูที่ 2 และ 3 ได้สำเร็จในช่วงเวลาห่างกันประมาณ 11-12 นาที
เริ่มจากประตูที่สอง...ประตูนี้ต่อบอลกันจนถึงจบสกอร์นับได้ 14 ทอด โดยเริ่มจากลูกทุ่มนับหนึ่ง จากนั้นก็ต่อบอลถ่ายคืนหลัง บิวท์เกมขึ้นมาใหม่ ก่อนที่จังหวะที่ 13 คือจังหวะที่ภาณุพงศ์แทงตัดเขตโทษมาให้ “เมสซี ก้อง” วรฤทธิ์ มุงคุณยิงเข้าไปในทอดที่ 14
การจบสกอร์ของ “เมสซี ก้อง” ปิดลงด้วยทอดที่ 14
ส่วนประตูที่ 3 ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดนั้น เกิดจากการต่อบอลจนจบสกอร์ 11 ทอด โดยเริ่มจังหวะที่ 1 จากเบส เขมทัตนี่เลยแหละที่โหม่งเช็ดบอลที่ธรรมรัฐ ภูมิสถาน แผงหลังลูกแม่รำเพยสาดยาวขึ้นมาคืนผู้รักษาประตู จากนั้นก็บิวท์อัพเกมขึ้นมา จนมาถึงจังหวะที่ 10 ที่วรฤทธิ์ “ตอบแทน” ด้วยการผ่านบอลให้ภาณุพงศ์จบสกอร์
3:0 แล้ว!
“ประตูที่ 2 และ 3...เกิดจากการซ้อมที่เราซ้อมด้วยกันแบบนี้มาตลอด ก็เลยเกิดการชิ่ง ต่อบอลไปจนทำประตูได้ นี่คือบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดสไตล์ครับ” โค้ชมิอูระชื่นชม
เฮฮากิ๊บก๊าบหลังนำ 3:0
นำห่าง 3 ประตู “ปราสาทสายฟ้า” เริ่มเปลี่ยนตัว แถมเปลี่ยนทีละ 2 คนด้วย น่าจะพักตัวแหละ หรือลองผู้เล่นแหละ ดูออก
ครั้งแรก หนึ่งในนั้นคือการเปลี่ยนเขมทัต ควรถนอมออก ส่งภูมินทร์ วิลเลียมบรุสลงแทน เจ้าหน้าที่ทีมที่จี้ใจดำผมบอกว่า ในขณะที่คนอื่นเดินทางกับบุรีรัมย์หลังจบเกมนี้กันหมด แต่เบสยังต้องอยู่กรุงเทพฯต่อ เพราะต้องลงเล่นกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน ชี้ชะตาศึก “ไทยเดนมาร์ก U15 ฟุตบอลทัวร์นาเมนท์” ซึ่งโรงเรียนต้นสังกัดอย่างภัทรบพิตรต้องชนะโรงเรียน อบจ.ชัยนาทเท่านั้นถึงจะผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ
ซึ่งสุดท้าย ภัทรบพิตรชนะไป 4:0 ได้จริง ๆ โดยเบสกด 2 ประตูปิดท้ายให้ทีมด้วย...ห๊ะ! เอ็งเป็นกองหลังนะ 555
“70 นาทีที่ได้ลงเล่น (เกมกับเทพศิรินทร์)...ก็พอใจฟอร์มการเล่นของตนเองนะ แต่คิดว่ายังต้องปรับอะไรอีก ผมอยากให้ดีกว่านี้อีกครับ” เบสเปิดใจหลังเกม
แน่นอน...อยากดีกว่านี้อีก เพราะความฝันที่เบสอยากให้เป็นจริงเสมอมาก็คือ
การได้เล่นให้บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดชุดใหญ่นั่นเอง!!!
เบสขอบคุณแฟน ๆ หลังถูกเปลี่ยนตัวออกมาพัก
ส่วนการเปลี่ยนอีก 2 คนในล็อตต่อมา ในอีก 10 นาทีต่อมา หนึ่งในนั้นคือการส่งวิษณุ จำนงการลงมาเฝ้าเสาแทนณรงศักดิ์ เนืองวงศานั่นเอง
แล้วอีกสัก 3 นาทีต่อมาก็โดนรับน้อง เมื่อโดนเทพศิรินทร์ตีไข่แตก ไล่มาเป็น 1:3 555
“ตอนไล่มา 1:3 ได้...ก็มีความหวังขึ้นมานะครับ สำหรับผม ฟุตบอลถ้ายังไม่นาทีสุดท้าย เราก็จะไม่ยอมแพ้ครับ เราต้องการเพิ่มความมันให้กองเชียร์เราด้วย” ธวัชชัย ทองฮวด เฮดโค้ชลูกแม่รำเพยเปิดใจ
แต่ความหวังที่ลุกโชนขึ้นมาใหม่นั้น สุดท้ายก็มิอาจเป็นจริงเพราะบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดรักษาเชฟ รักษาสกอร์ที่นำมา จนปิดเกมได้ที่สกอร์ 3:1 นั่นเอง
เทพฯมีลุ้นเมื่อไล่มาเป็น 1:3
“สนุก สูสีครับ ก็ต้องยอมรับว่าบุรีรัมย์เค้าเฉียบขาดกว่า ก็ยินดีกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดด้วยครับ” ธวัชชัย ทองฮวดเปิดใจหลังเกม
ในขณะที่มิอูระบอกว่า “เกมวันนี้ลงล็อคไปหมดทุกอย่างเลยครับ ทุกคนช่วยกันเล่น ทำให้เราชนะได้ในวันนี้ นัดชิงเจอบีจี ก็น่าจะเป็นเกมที่ยาก แต่เราจะพยายามเป็นแชมป์ด้วยกันให้ได้ครับ”
“รอบชิง...ก็หวังแชมป์อยู่แล้วครับ” เบสช่วยเสริม “สัปดาห์นี้คงกลับไปซ้อม กลับไปปรับว่าจะเล่นกับคู่แข่งยังไง เจอบีจีมันไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้ว แต่เราเต็มที่แน่นอน...และจะเอาแชมป์กลับไปให้ได้ครับ”
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดจะทำศึกนัดชิง BMA U17 Invitation Super Cup 2020 วันนี้ (4 ธ.ค.63) 16.30 น. สนามไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง พบบีจี ปทุม ยูไนเต็ด
ถ้าบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ BMA U17 Invitation Super Cup 2020 ได้สมดังใจ ก็น่าจะลบรอยแผลในใจเมื่อหนึ่งปีก่อนให้เบสได้ไม่น้อย
แต่มากกว่านั้นคือการก้าวเดินที่มั่นคงของเด็กวัย 14 (เมื่อปีก่อน) บนถนนสายลูกหนัง...สวยงามแต่ก็ยังมีความท้าทายอีกมากมายที่พร้อมเข้ามาทดสอบจิตใจของเบสไปจนถึงวันที่บรรลุฝัน...ติดทีมชุดใหญ่ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ผมเคยตั้งคำถามให้โค้ชหลาย ๆ คนที่คุมทัพมาทำศึกซีพี-เมจิคัพเมื่อปีก่อนว่า “เพราะอะไร บางครั้งนักบอลคนหนึ่งโชว์ฟอร์มเด่นมากสมัยยังเป็นเด็ก แต่กลับเงียบหายไปเมื่อเติบใหญ่”
โค้ชบี อานนท์ แก้วพฤกษ์ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดตอบว่า
“จริง ๆ ผมว่าพวกเค้าไม่ได้หายไปหรอก แต่เพราะขาดความสม่ำเสมอมากกว่า...ความสม่ำเสมอตรงนี้หมายถึงเมื่อเค้าเด็กนี่ เค้าโดนจูงใจด้วยฟุตบอลอย่างเดียว แต่พอโตขึ้น วัยรุ่นขึ้น สิ่งที่จูงใจมันมีมากขึ้น มันเข้ามาไม่ว่าจะเรื่องผู้หญิง ยาเสพติด เรื่องการเที่ยว เรื่องการพนัน ตรงนั้นมันอยู่ที่ใครล่ะจะละเอียดมากกว่ากันในการคิด ใครจะละเอียดในการบริหารจัดการชีวิตตัวเองเพื่อจะเข้าไปสู่ฟุตบอลอาชีพ ใครล่ะที่จะมีต้นแบบได้ไวที่สุด ใครล่ะจะมีไอดอลตัวเองได้ไวที่สุด ใครล่ะจะหาโอกาสของตัวเองได้ไวที่สุด นั่นแหละคือสิ่งสำคัญ”
ก็น่าจะประมาณนี้แหละครับ เคล็ดลับวิชาที่จะช่วยให้ก้าวไปเติบใหญ่บนถนนสายลูกหนังได้ดังใจ
อยากเป็นดังฝัน...ต้องสู้ไป
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย