4 ธ.ค. 2020 เวลา 02:46
Chapter 12 : เมื่อเขาว่า...จะปรับโครงสร้างครั้งใหญ่..(อีกแล้ว!)
นี่อิฉันหายไปนานขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย...ตั้งใจว่าจะเข้าโหมดยุ่งเหยิง โฟกัสกับสิ่งตรงหน้า เพื่อให้ลืมสถานการณ์ต่างๆ เผลอแป๊บเดียววว จะสิ้นปีแล้ว..
ถึงว่านะ รู้สึกอึดอัด อัดอั้นเหลือเกิน..วันนี้ป้ามาเพื่อระบายค่ะ!
ได้ข่าวร้ายมาอีกแล้ว บริษัทของอิฉันกำลังจะปรับโครงสร้าง "ครั้งใหญ่" (อีกแล้วค่ะ)..การที่ผู้บริหารใช้คำว่า ปรับครั้งใหญ่..มันก็บอกเป็นนัยๆ ล่ะนะ ว่าต้องมีโบกมือลา บ๊าย บาย กันอีกรอบแล้ว..ตอนนี้เอาจริงๆ ทุกคนกลัวจะได้อยู่ มากกว่ากลัวจะต้องไป!
ก็ใช่สิคะคุณ คนหายไปแล้วเกือบครึ่ง ถ้าไปอีกรอบนี้ คนที่อยู่ ถ้ายังต้องทำงานเหมือนเดิม ความคาดหวังในปริมาณงานที่จะออกมาให้ได้เท่าเดิม มันคือหายนะของคนอยู่ค่ะ!
ถึงแม้ป้าจะเข้าใจว่าสถานการณ์แบบนี้ บริษัทก็ถึงจุดที่ต้องตัดสินใจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และลงมือทำอย่างรวดเร็วให้ทันการณ์ก็ตาม..ป้าก็ยังใจหายใจคว่ำอยู่ดี
พอมีสติ ป้าก็มานั่งไตร่ตรองดูนะ ว่าอะไรกันนะ ที่มันทำให้บริษัทมาถึงจุดนี้...คิด คิด คิด...ความเป็นมนุษย์นั่นแหละหนา พวกเธออออ..ที่โลก ที่ประเทศ ที่องค์กร ที่ครอบครัว มันวุ่นวายกันทุกวันนี้ ก็เพราะความเป็นมนุษย์ที่พยายามปกป้องตัวเองนี่แหละจ้ะ
ไม่มีใครหรอกที่อยากถูกมองว่าเป็นคนผิด เป็นตัวปัญหา เป็นต้นตอของความผิดพลาดต่างๆ ถ้าดูจากในองค์กรที่ป้าผ่านๆ มา มันเป็นอย่างนั้นนะพวกเธอ เวลาเราทำงาน ก็จะพยายามทำในส่วนที่รับผิดชอบ ให้ผิดพลาดน้อยที่สุดอ่ะแหละ ซึ่งดีนะ แต่มันไม่แค่นั้นสิ เมื่อไหร่ก็ตามที่สถานการณ์มันเข้าตาจน ย่ำแย่ เกิดความผิดพลาดที่ยังหาต้นตอไม่ได้มากมาย..โดยอัตโนมัติค่ะ เราจะพยายามชี้นิ้วออกจากตัว โทษปัจจัยภายนอก โทษหน่วยงานอื่น โทษคนอื่น
ซึ่งถ้าต้นตอปัญหามันอยู่ตรงนั้นจริงๆ มันก็ดีนะ มันก็จบ..แต่ถ้าไม่ล่ะ ถ้าต้นตอจริงๆ มันลึกกว่านั้น มันเกิดจากความเกี่ยวพัน เกี่ยวเนื่องมาจากปัญหาอื่นๆ จุดอื่นๆ พาดเกี่ยวพัวพันกันมาล่ะ..แล้วถ้าเราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นล่ะ???
ถ้าเราก็เป็นหนึ่งในต้นเหตุของปัญหา แต่ไม่เคยมองเห็น หรือเห็นแต่ไม่เคยยอมรับ แค่เอาเสียงดัง ตำแหน่งใหญ่ ตะโกนชี้หน้าเพื่อน ให้คนอื่นหันไปมองว่าตรงนั้นคือปัญหา...ต้นเหตุของปัญหาจริงๆ จะไม่ถูกค้นพบ เมื่อค้นไม่พบ ก็ไม่ได้แก้ไข..ปัญหาก็จะยังอยู่ ฝังรากลึก จนในที่สุดองค์กรที่เคยมั่นคง ก็ถูกรากลึกของปัญหานั้นสั่นคลอน จนถล่มลงมาในที่สุดนั่นแหละค่ะคุณ
มันไม่ใช่แค่องค์กรหรอกนะคะคุณ หน่วยย่อยที่สุดของสังคมอย่างครอบครัว หรือใหญ่กว่าอย่างประเทศไทย ก็ล้วนต้องเจอกับความยุ่งเหยิงที่เกิดจากความเป็นมนุษย์ทั้งนั้นแล
ทางแก้น่ะเหรอคะ..ไม่มีใครมาสั่งเราให้หยุดปกป้องตัวเองได้หรอกค่ะ..มันต้องเป็นเราเอง ที่ต้องไตร่ตรองดู ตั้งสติให้ดี และถามตัวเองว่า เราแน่วแน่แค่ไหนที่จะแก้ปัญหาตรงหน้า จริงใจกับคำตอบที่เราค้นพบได้มากขนาดไหน..
ถ้าทุกคนทำได้ เปิดเผย จริงใจ...นั่นคือ คุณได้สร้างสังคมในอุดมคติขึ้นมาแล้วล่ะค่ะ ยินดีกับคุณและสังคมของคุณด้วย..
แต่ถ้าคุณยังทำไม่ได้ หรือคนรอบตัวคุณยังทำไม่ได้..มาค่ะ..มาจับมือกันกับอิฉัน บีบมือเบาๆ แล้วเราจะผ่านเรื่องพวกนี้ไปด้วยกัน
แม้ทางออกจะเล็กนิดเดียว ยากลำบากขนาดไหน ต้นไม้ต้นเล็กๆ พวกนี้ ก็พยายามจะโผล่ออกมาจนได้..เห็นมั้ยคะ..ทางออกมีอยู่เสมอแหละ!
การจ้างออกเป็นฝันร้ายที่ลูกจ้างทั้งหลายมีโอกาสได้พบเจอกันทุกคน ถ้าไม่อยากให้ถึงจุดนั้น เราก็คงต้องพยายามสร้างคุณค่าให้ตัวเองให้ได้ ทำไมองค์กรต้องมีเรา? คำถามนี้ คุณต้องสร้างคำตอบด้วยตัวคุณเอง แต่อย่าเผลอไปเหยียบย่ำเพื่อนร่วมงาน เอาเค้ามาต่อเป็นบันไดให้ตัวคุณได้คุณค่าตรงนั้นมาเลยเนอะ
ถ้า ณ วันนึง หรือวันนี้ คุณมาถึงจุดที่ถูกจ้างออก ชีวิตมีทางไปต่อเสมอค่ะ ต่อให้มันมืดมิด ตั้งสติ หลับตา สักพักนึงแหละ คุณจะมองเห็นได้ในที่มืด ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ มันมีทางให้ไปต่อเสมอค่ะ มันอาจจะยากลำบากกว่าเดิมในช่วงแรก แต่ถ้าคุณปลดล็อคตัวเองจากความยึดติดต่างๆ ลงได้..คุณจะหาเส้นทางใหม่ได้เจอแน่ๆ ...สู้นะคะคุณ! ดิฉันก็จะสู้เช่นกันค่ะ สัญญา...
โฆษณา