ครบรอบปีแล้ว ตั้งแต่เริ่มทำงานที่ "องค์กร" นี้มา กล่าวคือทุกๆสามเดือนก็ต้องตุ้มๆต่อมๆ ว่าคนที่เรา "แทนเขา" เขาจะกลับมาหรือไม่ และเมื่อไหร่ ยังไม่มีสัญญานใดๆ "พี่พงษ์" ซุปฯเราก็ไม่ได้ให้คำรับรองอะไร เคยไปถามกับหัวหน้าแผนกหรือชีฟ เคยคุยกับเขาว่า ถ้าหมดสัญญาแล้วผมจะต้องทำอย่างไรดี?? จะต้องออกไปรึ? เขาก็ให้คำตอบไม่ได้ บอกได้แต่เพียงว่า รอคอยต่อไปก็แล้วกันนะ ไม่แน่ "คนที่เรามาแทนเขาอาจจะตัดสินใจเกษียณไปเลยก็ได้ เพราะอายุเขาก็สามารถเออร์ลี่รีไทร์ได้แล้ว
ประเด็นการเข้าไปคุยกับชีฟวันนั้น เพราะเขาเป็นคนสัมภาษณ์เราตอนที่เข้ามา กลายเป็นประเด็นที่ "ซุปฯ" หรือ "พี่พงษ์" ไม่พอใจมากๆ เรียกมาตำหนิเลย บอกว่ามีอะไร "คุยกับเขาสิ" ไปคุยกับ "ชีฟ" ทำไม เขาคือผู้บังคับบัญชาโดยตรง เราได้แต่ขอโทษเขา บอกว่าไม่ได้ตั้งใจ เพียงแต่ผมถามพี่แล้ว แต่พี่ให้คำตอบผมไม่ได้ ผมเลยคิดว่าควรไปคุยกับคนที่สัมภาษณ์เราตอนสมัครงานดีมั๊ย "พี่พงษ์" บอกว่า "เอาแหล่ะครั้งนี้ไม่เป็นไร ครั้งหน้าอย่าให้มีอีก มีอะไรมาคุยกับพี่ จบนะ เข้าใจนะ"
แบกความกดดัน ความเศร้าเล็กๆกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน ทำงานของเราไป ในนึงก็เป็นกังวลอย่างมากว่า ถ้าสุดท้าย "เขากลับมา" แล้วเราจะยังไงต่อ?? นี่ก็ไม่ได้บอกที่บ้านด้วยนะว่า "สัญญาของเราเป็นแค่สัญญาชั่วคราว สามเดือนต่อที" แล้วทุกๆสามเดือนเราก็ต้องมาเป็นกังวลแบบนี้ บอกที่บ้านเพียงแค่ว่า "ได้ทำงานที่นี่ และต้องทำงานที่ท๊อปส์ด้วย"
มันเป็นประเด็นที่ไม่สามารถพูดคุยกับใครได้เลยจริงๆ ไม่ว่าจะเพื่อนร่วมงานคนไหน หรือแม้แต่คนที่ท๊อปส์ ความเครียดทุกๆอย่างก่อตัว แต่ก็พยายามไม่แสดงออกให้คนที่บ้านรู้ เพราะไม่อยากจะให้เขาเครียดไปกับเราด้วยอีกคน
แต่อย่างที่บอก "คนนอกรู้ดีมีเยอะ" จู่ๆใครก็ไม่รู้ น่าจะเพื่อนหม่าม้า ที่น่าจะทำงานเกี่ยวกับธนาคาร หรือเซลส์อะไรนี่แหล่ะ ได้รับรู้ว่าไมเคิลทำงานสองที่ แล้วดันไปค้นเบอร์โทรที่ทำงานเก่าได้ สงสัยอยากจะขายประกันหรืออะไรมั้ง? โทรไปที่โต๊ะทำงานที่เก่า "จิวเวลรี่" นั่นแหล่ะ แล้วพอโทรไป กลายเป็นว่าไปเจอกับคนใหม่ที่มาทำหน้าที่แทนที่นั่น เขาก็บอกว่า "อ๋อคุณไมเคิล ลาออกไปนานแล้ว" เท่านั้นแหล่ะ โอ้โห "ผู้รู้ดีผู้นั้น" โทรหาหม่าม้าแล้วรายงานทันทีว่า "ยูๆ รู้ป่าวว่า ไมเคิลลาออกจาก "องค์กร" ไปนานแล้ว แต่แกล้งแต่งตัวออกไปทำงานตอนเช้า เพื่อให้ยูสบายใจแล้วไปทำงานที่ท๊อปส์ตอนเย็นแทน" บ้าบอมาก
หม่าม้าพอรู้ข่าว เข้าใจผิด เลยเครียดหนักมาก ว่า "ทำไมลูกชายต้องปิดบัง ทำไมลูกชายลาออกแล้วถึงได้บอกว่ายังไปทำงานอยู่" โทรมาหาเสียกสั่นเครือว่าทำไมไมเคิลปิดบังหม่าม้า กลายเป็นเรื่องใหญ่โต จนต้องบอกว่า หม่าม้าโทรเข้าอ๊อฟฟิศไมเคิลนะ เบอร์นี้เป็นเบอร์องค์กร ถ้าโทรมาติดไมเคิลรับแสดงว่า "ข่าวที่หม่าม้าได้ยินมาคือ มั่ว" โอเคนะ หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจหม่าม้าโทรมา "นี่งัยหม่าม้า ไมเคิลยังนั่งทำงานอยู่อ๊อฟฟิศงัย ยังไม่ได้ไปไหน ไม่ได้ตกงานแล้วแกล้งออกมาทำงานแต่เช้า อย่าไปฟังใครมากหม่าม้า คนรู้ดี เจตนาดี แต่เข้าใจผิดเยอะ โอเคนะ ไมเคิลทำงานก่อน" ตรงนี้หม่าม้าสบายใจขึ้น น่าจะใช่ น่าจะสบายใจขึ้น
วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก "พี่คนที่ไมเคิลมาทำงานแทน" กำลังจะกลับมา เขาจะไม่เออร์ลี่รีไทร์ เขาจะกลับมาทำงานต่อ งานนี้ "ความเครียดจริงก่อเกิดแล้วสินะ ไมเคิลเอางัยต่อ หางานใหม่???"
ในขณะที่กำลังเครียดและพูดอะไรไม่ออกนอกจากพยายามเซิร์ชหางานทำใหม่ตามจ๊อบดีบีดอดคอม และเว็บไซต์อื่นๆ พี่แผนกอังกฤษคนนึงที่เคยคุยด้วย เดินมาหา แล้วบอกว่า "ไมเคิล พี่กำลังจะเกษียณเดือนหน้านี้แล้ว เราคงไม่เจอกันแล้วนะ แต่พี่อยากจะบอกไมเคิลอย่างหนึ่ง พี่รู้ว่าไมเคิลมีสัญญาแบบระยะสั้นทำแทนคนอื่น เอางี้มั๊ย? มาสมัครโพสต์พี่ ลองดู เผื่อเธอจะได้ไปต่อ"
โอ้โห้ นี่มันเดชะบุญหรือกุศลที่สร้างไว้แต่ชาติปางไหนก็ไม่ทราบ จังหวะมันพอดีมากๆเลย ในขณะที่กำลังคิดเรื่องนี้อยู่ "พี่พงษ์" เดินมาบอกว่า "ไมค์ พี่คนแผนกอังกฤษกำลังจะเกษียณนะ ไมค์สมัครตำแหน่งเขาเลย โอเคแผนกอังกฤษงานจะแตกต่างจากแผนกที่ไมค์เคยทำ อาจจะไม่ถนัดมากนัก แต่งานก็คล้ายๆกันอยู่ไม่มากก็น้อย เข้าไปก่อน แล้วเมื่อมีโอกาสค่อยขยับขยายกันอีกที ตามนี้นะ เดี๋ยวพี่จะลองไปคุยกับ ซุปฯแผนกอังกฤษให้"
ทุกๆอย่างมันดูลงตัวมากเลย แน่นอนการสมัครจะรับสมัครคนนอกและคนใน คนในได้เปรียบหน่อยตรงจะได้รับพิจารณาก่อน ถ้าแคนดิเดดจากคนนอกไม่เก่งกว่ามากแบบคนละชั้นไปเลย เราคนในน่าจะได้
แต่มันไม่ง่ายแบบนั้นสิ ไมเคิลสมัครสอบในตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งเลื่อนขั้นเป็นระดับ 3 สมัครเสร็จจะมีการแจ้งให้ทราบว่า จะสอบวันไหนและจะสัมภาษณ์วันไหน จุดพีคก็คือ ข่าวเงียบหายไปนานจนผิดสังเกตุ จนไมเคิลต้องโทรเข้าไปสอบถามเรื่องวันสอบว่าตกลงยังไงกันแน่ ตกลงสอบวันไหนเพราะทิ้งช่วงมานานมากแล้ว ทางผู้จัดสอบตกใจ บอก "สอบวันนี้นะคุณไมเคิล ทำไมไม่มีเมลไปถึงคุณละ ทำไมในเมื่อเราได้ทำการส่งไปสู่แคนดิเดดทุกคนแล้ว?" อ้าวว เฮ้ย เกิดอะไรขึ้น ผมไม่ได้รับเมลอะไรทั้งนั้นครับ ไม่ได้รับการโทรแจ้งใดๆด้วย แล้วนี่ผมยังไปสอบทันมั๊ย? ทันค่ะ อีกครึ่งชั่วโมงสอบ โอ้โห ไม่มีเวลาเตรียมตัวใดๆ ลุยสอบ แทบจะวิ่งไปเลย แล้วก็เข้าสอบได้ทันท่วงที
ข้อสอบเป็นอะไรที่ทำได้ ไม่ยากเกินไป เรียกว่าใครเคยทำงานแนวนี้ทำได้สบาย ผิดแต่ครั้งนี้ทุกๆอย่างเป็นภาษาอังกฤษ ตอนนี้ก็เหลือแต่ "รอนัดสัมภาษณ์" หากว่าเราเข้ารอบ
เชื่อหรือไม่เหตุการณ์ซ้ำๆเกิดขึ้นอีกครั้ง ไมเคิลรู้สึกชักนานไปแล้ว ไม่มีการเรียกสัมภาษณ์ซักที ก็เลยโทรไปอีกครั้ง "อ้าวคุณไมเคิล ไม่มีใครส่งเมลนัดคุณเหรอ?? เฮ้ยเขาได้สัมภาษณ์กันไปจะหมดทุกคนแล้ว เอางี้ฉันจะนัดให้คุณเองศุกร์นี้นะ เวลาเท่านั้นเท่านี้"
ไมเคิลไม่ได้คิดไปเองใช่มั๊ย? ว่ามันเกิดอะไรขึ้นอีก??
วันไปสัมภาษณ์ก็ทำเต็มที่ ชีฟแผนกอังกฤษและซุปฯแผนกอังกฤษก็มาสัมภาษณ์พร้อมกันด้วยตัวเอง
คงจะต้องรอผลอีกระยะหนึ่ง ใจก็ตื่นตูมตาม เครียดไปหมด เครียดจริงๆ เพราะทุกๆอย่างดูไม่ชอบมาพากลอะไรเยอะไปหมด แต่ไม่อยากจะคิดเองเออเอง แน่นอนพีๆในแผนกอังกฤษคงไม่ได้ทำให้เกิดความไม่ชอบมาพากลอันนี้ แต่มันมีอะไรซักอย่างในกระบวนการคัดเลือกหรือไม่ ไม่รู้เลยจริงๆ คำถามก่อเกิดขึ้นมากมายว่า "ทำไม เมลนัดหมายสอบและสัมภาษณ์ของไมเคิล ไม่เคยมาถึงเลย ทั้งๆที่เป็นเมลอ๊อฟฟิศแท้ๆ"
และแล้ววันนี้ที่รอคอยก็มาถึง "ซุปฯแผนกอังกฤษเดินมาหา"ที่โต๊ะ เขาบอกว่า "ไมเคิล ขอต้อนรับสู่ทีมงานพวกเรานะ ยินดีด้วย แต่ก็เกือบไปแล้วนะ เพราะมีแคนดีเดดคนนึงเป็นคนนอก คือ โอเวอร์ควอลีฟายมาก เก่งมาก เก่งสุดๆ นักเรียนปริญญาโทจากเมืองนอกด้วย ทุกๆอย่างเก่งกว่าไมเคิล อันนี้ซุปฯยอมรับ แต่ตอนสัมภาษณ์ เขาพลาดตรงที่ "เขาบอกว่า เหตุผลที่เขามาทำงานแผนกนี้ เพื่อเป็นทางผ่านสู่ตำแหน่งที่ใหญ่กว่านี้ในอนาคต เขาไม่คิดจะทำที่แผนกนี้นานหรอก" นั่นแหล่ะคือจุดที่เขาพลาด เราต้องการคนเก่ง แต่เราไม่ต้องการคนเห็นเราเป็นบันได เอาเป็นว่า "ไมเคิล" ยินดีด้วย รอสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรที่จะมาถึงโต๊ะให้ไมเคิลเซ็นในไม่กี่วันนี้นะ ไมเคิลได้เลื่อนขั้นเป็นระดับ 3 นะ แล้วสัญญาคือ "สองปี" โอเคตามนี้นะ
ตอนที่ซุปฯอังกฤษเดินไป ไมเคิลแทบจะทรุดตัวลงกราบพื้นตรงนั้น ขอบคุณพระเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆในสากลโลก ขอบคุณที่ให้ผมได้ไปต่อ ขอบคุณที่เอ็นดูไมเคิลคนนี้ อีกครั้ง
งานแผนกใหม่กำลังจะเริ่มต้น เราไม่เคยรู้อะไรเลยว่าเขาทำงานกันแบบไหน มันจะต่างจากแผนกฝรั่งเศสแค่ไหน แต่ไม่มีอะไรที่ไมเคิลกลัวอีกแล้ว ขอสู้เต็มที่