6 ธ.ค. 2020 เวลา 08:24 • ท่องเที่ยว
สักการะพระธาตุ ไหว้พระดัง เที่ยวถิ่นอีสาน
“พรายพิรุณ” เขียนและเรียบเรียง
พระธาตุขามแก่นบารมีคู่แดนดอกคูน 1.
จังหวัดขอแก่นไม่ได้เป็นเพียงแต่จังหวัดหนึ่งในประเทศไทยหรือเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคอีสานเท่านั้น แต่จังหวัดขอนแก่นยังเป็น “เมืองหลวงแห่งภาคอีสาน” ด้วย ซึ่งดูได้จากพื้นที่และจำนวนประชากรที่มีมากมาย (รองจากนครราชสีมาและอุบลราชธานี) และไม่ใช่เพียงเท่านั้น จังหวัดขอนแก่นยังเป็นศูนย์กลางของภาคอีสานในหลายๆ เรื่อง เช่นศูนย์กลางทางการศึกษาและเทคโนโลยี รวมไปจนถึงผลิตภัณฑ์พื้นบ้านที่มีมากมาย เช่นผ้าไหมมัดหมี่ อำเภอชนบท ที่สร้างสรรค์ลายผ้าได้อย่างสวยงามวิจิตรบรรจง โดยการนำเอาเส้นไหมมามัดแล้วย้อมด้วยสีต่างๆ ก่อนนำไปทอเพื่อนำออกสู่ตลาดจนเป็นที่เรืองลือไปทั่ว และในอนาคตจังหวัดขอนแก่นยังจะถูกพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงสู่อินโดจีนอีกด้วย
“พระธาตุขามแก่น เสียงแคนดอกคูน ศูนย์รวมผ้าไหม ร่วมใจผูกเสี่ยว เที่ยวขอนแก่นนครใหญ่ ไดโนเสาร์สิรินธรเน่ สุดเท่เหรียญทองมวยโอลิมปิก” คือคำขวัญประจำจังหวัดขอนแก่นที่รวมเอาสิ่งเชิดหน้าชูตาจังหวัดเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นพระธาตุขามแก่น,ผ้าไหม,งานผูกเสี่ยวที่ขึ้นชื่อ จนถึงซากไดโนเสาร์ซอโรพอดที่ขุดพบครั้งแรกที่แหล่งภูเวียง อำเภอเวียงเก่า จังหวัดขอนแก่น ซึ่งซากไดโนเสาร์ที่ขุดพบนั้นได้ส่งไปให้สถาบันวิจัยในประเทศฝรั่งเศสปรากฏว่าเป็นไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยขุดพบที่ใดมาก่อนในโลก ทางจังหวัดจึงได้อัญเชิญพระนามของสมเด็จพระเทพฯ มาตั้งชื่อไดโนเสาร์พันธุ์นี้ว่า “ไดโนเสาร์สิรินธรเน่”
ตามประวัติความเป็นมาของจังหวัดขอนแก่นนั้นมีประวัติความเป็นมายาวนาน เริ่มตั้งแต่สมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์ จากหลักฐานที่มีการขุดพบแหล่งโบราณคดีที่บ้านโนนนกทา อำเภอภูเวียง ซึ่งทำให้เชื่อว่าเคยมีชุมชุนตั้งอยู่บนพื้นที่แห่งนี้แล้ว ซึ่งแหล่งโบราณคดีที่ค้นพบนี้มีอายุอยู่ในรุ่นเดียวกันกับบ้านเชียงหรือราว 5,500 ปีมาแล้ว หลังจจากนั้นก็เข้าสู่ภายใต้อาณาจักรของทวารวดี และขอมเป็นลำดับ ทว่าการก่อตั้งเมืองขอนแก่นนั้นเริ่มมาเมื่อ 200 ปีก่อนราวปี พ.ศ.2322 ซึ่งครั้งนั้นพระเจ้าวอได้เกิดมีข้อพิพากกับนครเวียงจันทน์ พระเจ้าวอเสียท่าให้กับนครเวียงจันทน์จนถูกประหารชีวิต พระเจ้ากรุงธนบุรี (พระเจ้าตาก) ทราบดังนั้นก็โกรธแค้น เพราะถือว่าฝ่ายเจ้าพระวอเป็นข้าขอบขัณฑสีมาของไทยจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกกับเจ้าพระยาสุรสีห์ยกทัพขึ้นไปตีเวียงจันทน์ จากนั้นจึงได้ยกทัพกลับมายังกรุงเทพมหานคร พร้อมกับได้อัญเชิญพระแก้วมรกต พระพุทธปฏิมากร และพระบางกลับมาถวายแด่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีด้วย หลังจากนั้นก็มีการพลัดเปลี่ยนเจ้าเมืองและย้ายที่อยู่ไปเรื่อย (สมัยนั้นเมืองขอนแก่นขึ้นกับเมืองนครราชสีมา) จนถึงวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2459 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนคำว่าเมืองเป็นจังหวัดแทน ตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองจึงกลายเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด และศาลาว่าการเมืองก็เปลี่ยนมาเป็นศาลากลางจังหวัด เมืองขอนแก่นหรือเมืองขามแก่น ก็ได้เป็นจังหวัดนับแต่นั้นเป็นต้นมา
แต่เดิมจังหวัดขอนแก่นมิได้ชื่อว่าขอนแก่น หากแต่ชื่อ “ขามแก่น” ซึ่งประวัติความเป็นมาของชื่อนี้ก็สัมพันธ์กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอีกแห่งหนึ่งด้วยนั้นก็คือ “พระธาตุขามแก่น” ซึ่งตามประวัติความเป็นมามีอยู่ว่า นับแต่การเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ไปแล้ว หลังจากนั้นไม่นาน พระมหากัสสปะเถระเจ้า พร้อมด้วยพระอรหันต์ 500 องค์ ได้นำเอาพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนอก) ไปประดิษฐานไว้ภูกำพร้า (พระธาตุพนมในปัจจุบัน) พระยาหลังเขียว โมริยกษัตริย์ และพระอรหันต์ยอดแก้ว, พระอรหันต์รังษี, พระอรหันต์คันที และไม่ปรากฏชื่ออีก 6 องค์ จึงเดินทางพร้อมอัญเชิญเอาพระอังคารธาตุเพื่อไปบรรจุไว้ในพระธาตุพนมด้วย ระหว่างทางได้มาถึงพื้นที่แห่งหนึ่ง (ที่ตั้งของพระธาตุขามแก่นในปัจจุบัน) มีพื้นที่พื้นที่ดอน ราบเรียบ มีห้วยสามแยก น้ำไหลผ่านรอบดอน และมีต้นมะขามใหญ่ที่ตายแล้วเหลือแต่แก่นอยู่ต้นหนึ่ง ในขณะนั้นเป็นเวลาพลบค่ำพอดี ประกอบกับพื้นที่มีความเหมาะสมจึงได้พักแรมที่นี่ และนำเอาพระอังคารธาตุไปวางพักไว้บนแก่นของต้นมะขามที่ตายแล้วครั้งพอรุ่งเช้าทั้งคณะก็เดินทางมุ่งหน้าสู่สถานที่ก่อสร้างพระธาตุพนมต่อไป แต่พอไปถึงปรากฏว่าพระธาตุพนมนั้นได้สร้างเสร็จแล้ว ไม่สามารถนำพระอังคารธาตุบรรจุลงไปได้อีก จึงต้องนำเอาพระอังคารธาตุนั้นกลับตามเส้นทางเดิม โดยตั้งใจว่าจะนำกลับไปไว้ที่นครของตน เมื่อมาถึงดอนมะขามซึ่งเคยเป็นที่พักแรมครั้งก่อน ได้เห็นต้นมะขามใหญ่ที่ล้มตายเหลือแต่แก่นนั้นกลับผลิดอกออกผลแตกกิ่งก้านสาขามีใบเขียวชะอุ่มแลดูงามตายิ่งนัก จะเป็นด้วยเทพเจ้าแสร้งนิมิต หรือด้วยอำนาจอภินิหารของพระอังคารธาตุก็มิอาจรู้ได้ เมื่อต่างเห็นเป็นอัศจรรย์เช่นนั้นจึงพร้อมกันก่อสร้างพระธาตุครอบต้นมะขาม และบรรจุพระอังคารธาตุของพระเจ้าไว้ภายในด้วย โดยมีรูปลักษณะดังที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบันนี้จึงเรียกชื่อพระธาตุนี้ว่า "พระธาตุขามแก่น" และหลังจาการก่อสร้างพระธาตุเสร็จแล้ว พระยาหลังเขียวพร้อม ด้วยบริวารได้สร้างบ้านแปลงเมืองอยู่ตรงนี้ และได้สร้างวัดให้เป็นที่พำนักของพระอรหันต์ทั้ง 9 องค์ ซึ่งมีวิหาร และพัทธสีมาเคียงคู่กับองค์พระธาตุสืบมา ครั้นกาลล้วงมาพระอรหันต์ทั้ง 9 องค์ก็ได้ดับขันธ์ปรินิพพาน ชาวเมืองนำเอาอัฐิธาตุของท่านบรรจุไว้ในพระธาตุองค์เล็ก ซึ่งอยู่ด้านทิศตะวันออกของ อุโบสถในเวลานี้ ต่อมาประชาชนจึงเรียกพระธาตุองค์ใหญ่ว่า ครูบาทั้งเก้าเจ้ามหาธาตุ ส่วนพระธาตุองค์เล็กเรียกว่า ครูบาทั้งแปด
พระธาตุขามแก่นเป็นปูชนียสถานสำคัญคู่เมืองขอนแก่นและเป็นที่เคารพสักการะของชาวจังหวัดขอนแก่น ตั้งอยู่ในบริเวณวัดเจติภูมิ บ้านขาม หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านขาม อำเภอน้ำพอง อยู่ห่างจากจังหวัดขอนแก่นประมาณ 30 กิโลเมตร เดินทางไปตามถนนสายขอนแก่น -กาฬสินธุ์ เลี้ยวซ้ายที่หลักกิโลเมตรที่ 12 บ้านโคกสี เป็นถนนราดยางตลอด มีป้ายบอกทางไปพระธาตุขามแก่นเป็นระยะๆ จนถึงองค์พระธาตุ พระธาตุขามแก่นมีลักษณะเป็นเจดีย์ฐานสามเหลี่ยมทรงอีสาน องค์พระธาตุสูง 19 เมตร ฐานด้านทิศตะวันออกและตะวันตกกว้าง 10.90 เมตรเท่ากัน รอบองค์พระธาตุมีกำแพงแก้วล้อมรอบ ทั้ง 4 ด้าน สูง 1.20 เมตร กำแพงแก้วห่างจากองค์พระธาตุโดยเฉลี่ย 2.30 เมตร ทุกด้านมีประตูเข้าออก ด้านทิศเหนือ 2 ช่อง และทิศใต้ 2 ช่อง กว้างช่องละ 1 เมตร
ส่วนงานฉลองและนมัสการพระธาตุขามแก่น จะจัดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 (ประมาณเดือนพฤษภาคม) การสักการะ ใช้ธูป เทียน ดอกไม้ ขันแปดเก้า และในทุกวันขึ้น 15 ค่ำ ของทุกเดือน
ความเชื่อของชาวจังหวัดขอนแก่นที่มีต่อองค์พระธาตุนันต่างเชื่อกันว่า เมื่อผู้ใดได้นมัสการกราบไหว้แงค์พระธาตุแล้วจะเป็นศิริมงคลต่อตัวเอง และจะช่วยปกปักรักษาให้ชีวิตอยู่เย็นเป็นสุข คิดหรือขอสิ่งใดก็สมหวังทุกครั้งทุกคราไป แต่ถ้าหากใครคิดมิดีมิร้าย ดูถูก ดูหมิ่น พูดจาหยาบคายไม่เคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระธาตุจะดลบันดาลให้มีอันเป็นไปอย่างปัจจุบันทันด่วน หรือไม่ก็เกิดความทุกข์หนัก เจ็บกาย เจ็บป่วย หรือต้องคดี
นอกจากองค์พระธาตุที่ชาวขอนแก่นและบุคคลทั่วไปต่างพากันนับถือแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นที่นับถือและต้องการของประชาชนมากเช่นกันนั้นก็คือ “พระผงพระธาตุขามแก่น” โดยเฉพาะรุ่นแรกที่ส้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2495 ซึ่งในครั้งนั้นมีพระเกจิดังจากทั่วภาคอีสานมาร่วมปลุกเสก โดยสร้างจากเนื้อดิน (พระธาตุเก่า) ผสมผงพุทธคุณ และว่าน ซึ่งเชื่อกันว่าผู้ใดมีไว้ติดตัวจะโชคดีปราศจากศัตรูหมู่มารคล้ายดังมีพระธาตุปกปักรักษาตัวอยู่เสมอ
นอกจากที่พระธาตุขามแก่นแล้ว ในจังหวัดขอนแก่นยังมีพระธาตุอีกแห่งหนึ่งที่ใครไปใครมาก็จะต้องเดินทางไปเคารพกราบไหว้นั้นก็คือ “พระมหาธาตุแก่นนคร” หรือ “พระธาตุ 9 ชั้น” ตั้งอยู่ในวัดหนองแวง ริมบึงแก่นนครในตัวจังหวัดขอนแก่น
พระมหาธาตุแก่นนครนี้ ฐานมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 50 เมตร ปลายยอดเป็นทรงเจดีย์จำลองแบบจากพระธาตุขามแก่น จัดสร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และมหามังคลานุสรณ์ 200 ปี เมืองขอนแก่น องค์พระมหาธาตุมีความสูง 80 เมตร มีพระจุลธาตุ 4 องค์ ตั้งอยู่ 4 มุมและมีกำแพงแก้วพญานาค 7 เศียรล้อมรอบ เป็นศิลปะสมัยทวาราวดี ผสมผสานศิลปะอินโดจีน วัดพระมหาธาตุแก่นนครมีทั้งหมด 9 ชั้นประกอบด้วย ชั้น 1 ภายในพระธาตุเป็นหอประชุมมีพระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐานอยู่บนบุษบก และพระประธาน 3 องค์อยู่ตรงกลาง สร้างเอาไว้เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ส่วนอุรังคธาตุ (ส่วนอก) และพระธาตุของพระสาวกประมาณ 100 องค์ ที่บรรจุอยู่ในโถแก้วสวยงาม ถัดมาตรงกลางทางด้านซ้ายมือจะเป็นโต๊ะที่เตรียมไว้สำหรับตักบาตร ที่เรียกว่า “ตักบาตร 108” โดยใช้เหรียญในการตักบาตรนั้น ทั้งนี้เชื่อว่าหากใครได้ตักบาตร ซึ่งสมมติว่าเป็นตัวแทนพระสาวกของพระพุทธเจ้า ทั้ง 108 องค์ และจะเกิดความเป็นศิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว หากใครต้องการจะทำนายโชคชะตาด้วยตนเอง ก็สามารถเสี่ยงเซียมซีหรือยกช้างทองเหลือง เพื่อเสี่ยงทายว่าจะสมดังปรารถนาหรือไม่ ชั้น 2 เป็นพิพิธภัณฑ์ของชาวอีสาน โดยทางวัดได้เก็บรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของชาวอีสานเอาไว้ให้ได้ศึกษากันมากมาย ชั้น 3- 4 เป็นเป็นหอปริยัติ ชั้นที่ 5 เป็นหอพิพิธภัณฑ์ มีบริขารของหลวงปู่พระครูปลัดบุษบา สุมโน อดีตเจ้าอาวาสวัดบานประตู ชั้นที่ 6 เป็นหอพระอุปัชฌาจารย์ บานประตูหน้าต่างแกะสลักนิทานชาดกเรื่องเวสสันดร ชั้นที่ 7 เป็นหอพระอรหันต์สาวก บานประตูหน้าต่างแกะสลักนิทานเรื่องพระเตมีย์มีใบ้ ชั้นที่ 8 เป็นหอพระธรรม เป็นที่รวบรวมพระธรรม คัมภีร์สำคัญทางพระพุทธศาสนามีพระไตรปิฏก ชั้นที่ 9 เป็นหอพระพุทธ ตรงกลางมีบุษบก เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า บานประตูแกะสลักภาพ 3 มิติ รูปพรหม 16 ชั้น และสามารถชมทัศนียภาพของตัวเมืองขอนแก่นได้ทั้ง 4 ด้าน โดยเฉพาะทางด้านทิศตะวันออกสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของบึงแก่นนครที่สวยงาม
 
พระมหาธาตุแก่นนครได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าไปนมัสการ และเยี่ยมชมทุกวันจนถึงเวลา 18.00 น.
คำนมัสการพระมหาธาตุแก่นนคร นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธธัสสะ (3 จบ) อะหัง วันทามิ อิธะ ปะติฏฐิตา พุทธะธาตุโย ตัสสานุภาเวนะ สัพพัตถะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เม อนิสงส์ที่ท่านจะได้รับในการนมัสการรพมหาธาตุแก่นนครคือ ความเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงานและทุกสิ่งในชีวิต เพราะพระมหาธาตุเปรียบดังกับว่าท่านได้บูชาองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เลยทีเดียว.
ที่มาของภาพประกอบและข้อมมูล
1.พระธาตุขามแก่นรุ่นแรก “ลูกอีสานพระเครื่อง”
2.ศาลเจ้าแม่กวนอิม www.culture.go.th
3.พระเครื่องกรุวังเพิ่ม www.web-pra.com
4.ข้อมูลบางส่วนจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
โฆษณา