11 ธ.ค. 2020 เวลา 05:06 • ท่องเที่ยว
สักการะพระธาตุ ไหว้พระดัง เที่ยวถิ่นอีสาน เมืองปราสาทหินแดนคนรื่นรมย์ 1.
สักการะพระธาตุ ไหว้พระดัง เที่ยวถิ่นอีสาน
เมืองปราสาทหินแดนคนรื่นรมย์ 1.
จังหวัดบุรีรัมย์ถ้าแปลตามตัวก็ได้ความหมายว่า “เมืองแห่งความรื่นรมย์” เป็นจังหวัดที่น่าอยู่จังหวัดหนึ่ง สมัยก่อนนั้นจังหวัดบุรีรัมย์เคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรโคตรบูร และอาณาจักรทวารวดี ฉะนั้นจังหวัดบุรีรัมย์จึงมีปราสาทหินน้อยใหญ่มากมายจนตั้งเป็นคำขวัญประจำจังหวัดได้ว่า “เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม”
ปราสาทหินในจังหวัดบุรีรัมย์นั้นมีจำนวนมากกว่า 60 แห่ง ซึ่งปราสาททั้งหมดนั้นจะมีทั้งที่เป็นปราสาทอิฐและปราสาทหิน ซึ่งก็เป็นหลักฐานได้ว่าจังหวัดบุรีรัมย์นั้นอดีตเคยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของเขมรโบราณ ประมาณพุทธศตวรรษที่ 15 ถึง 18 หากแต่หลักฐานที่เก่ากว่านั้นที่ค้นพบทำให้เชื่อได้ว่าจังหวัดบุรีรัมย์นั้นเคยมีมนุษย์อาศัยอยู่มาตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์ ทว่าหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดนั้นเริ่มขึ้นเมื่อปลายสมัยอยุธยา ซึ่งชื่อของจังหวัดบุรีรัมย์นั้นปรากฏว่าเคยตกเป็นเมืองขึ้นของเมืองนครราชสีมา และปรากฏเรื่อยมาจนถึงสมัยกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์ โดยจังหวัดบุรีรัมย์นั้นถูกยกฐานะเป็นจังหวัดเมื่อปี พ.ศ.2476
จังหวัดบุรีรัมย์แม้จะมีปราสาทหินมากมาย ซึ่งนับว่าเป็นศาสนสถานที่ทรงคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง แต่ศาสนสถานที่อยู่ในยุคปัจจุบันนั้นก็มีไม่น้อย เริ่มตั้งแต่ “พระสุภัทรบพิตร” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่หน้าตักกว้าง 12 เมตร ฐานยาว 14 เมตร หันหน้าไปทางทิศเหนือ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2512 โดยผู้มีจิตศรัทธาและเลื่อมใสในความคิดและโครงการต่างๆ ของหลวงพ่อบุญมา ปัญญาปโชโต อดีตเจ้าอาวาสวัดเขากระโดง พร้อมทั้งได้จัดสร้างบันไดพญานาคขึ้นลงเขากระโดง ซึ่งมีทั้งหมด 297 ขั้นตั้งอยู่บนยอดของวนอุทยานเขากระโดง ซึ่งเขากระโดงนี้เป็นภูเขาไฟที่เก่าแก่อายุราว 3 แสนถึง 9 แสนปีแต่ปัจจุบันดับสนิทแล้ว พระสุภัทรบพิตรถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดบุรีรัมย์ก็ว่าได้ การเดินทางไปนมัสการพระสุภัทรบพิตรจากตัวเมืองใช้ทางหลวงหมายเลข 239 บนเส้นทางสายบุรีรัมย์ – ประโคนชัย ประมาณ 6 กิโลเมตรก็ถึงที่หมาย
ต่อจากการนมัสการพระสุภัทรบพิตรแล้ว ที่หมายต่อไปคืออำเภอสตึกเพื่อจะไปเคารพกราบนมัสการ “พระพุทธรูปใหญ่” หรือ “พระพุทธรูปปฏิมาสันตยาภิรมย์สตึกอุดมราษฏนิมิตมนิน” เป็นพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่ริมฝั่งแม่น้ำมูล เป็นพระพุทธรูปที่เป็นที่เคารพสักการะของชาวอำเภอสตึก และอำเภอใกล้เคียงเป็นอันมาก
ถัดจากอำเภอสตึกไปไม่ไกลนักก็เข้าสู่อำเภอพุทไธสงไปกราบนมัสการ “พระเจ้าใหญ่วัดหงส์” พระพุทธรูปเก่าแก่ปางมารวิชัย เป็นพระพุทธรูปศิลปะของลาว หน้าตัก 1.6 เมตร สูง 2 เมตร สร้างด้วยศิลาแลง ปรวัติการสร้างนั้นสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย หรือราวพุทธศตวรรษที่ 24 -25 พระเจ้าหงส์วัดใหญ่นี้ประดิษฐานอยู่ที่วัดหงส์หรือวัดศีรษะแรต เป็นพระพุทธรูปที่เป็นที่เคารพสักการะของคนทั่วไปเป็นอย่างมาก เพราะไม่เพียงแต่เป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่แล้ว แต่เป็นพระพุทธรูปที่รวบรวมเอาความศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งมวลเอาไว้ โดยมีเรื่องเล่ากันว่าเมื่อมีใครมาอธิษฐานขอพรหรือมาสาบานอะไรกับท่านแล้วไม่มาแก้บน หรือผิดคำสาบาน คนๆ นั้นจะได้รับภัยพิบัติต่างๆ นานา นอกจากจะมีพระเจ้าใหญ่วัดหงษ์ที่ประชาชนมักมากกราบไหว้แล้วในวัดยังมีพระพุทธรูปใบขนุน “รวมปาง” สร้างจากสำริด และพระพุทธรูปแกะสลักจากนอแรดที่ชาวบ้านมักจะมาสักการะอยู่เป็นประจำอีกด้วย ชาวจังหวัดบุรีรัมย์และชาวอำเภอสตึกจะจัดให้มีการเฉลิมฉลองขึ้นทุกปีในวันขึ้น 14 ค่ำ วันแรม 1 ค่ำ ของเดือน 3 การเดินทางไปนมัสการพระเจ้าใหญ่วัดหงส์นี้ จากตลาดในอำเภอ ถึงแยกแล้วเลี้ยวขวา ใช้เส้นทางไปอำเภอพยัคภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ประมาณ 1 กิโลเมตรจะเห็นทางแยกเข้าวัด
ย้อนกลับเข้ามาในอำเภอเมืองอีกครั้งที่ตำบลเสม็ดนั้นเองมีวัดอีกแห่งหนึ่ง ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนจังหวัดบุรีรัมย์นั้นคือวัด “วัดป่าเขาน้อย” วัดแห่งนี้เป็นวัดป่าสายกรรมฐานของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งพัฒนาขึ้นตามปธิธานของพระโพธิธรรมจารย์เถร หรือหลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ อดีตเจ้าอาวาสและวิปัสสนาจารย์ผู้ที่ประชนเคารพเลื่อมใสศรัทธา วัดแห่งนี้เงียบสงบโอบล้อมไปด้วยต้นไม้มากมาย มีเจดีย์สุวจคุณานุสรณ์เป็นเจดีย์ที่มีศิลปกรรมงดงาม รูปลักษณ์โดดเด่นแสดงให้เห็นถึงศิลปวัฒนธรรมของอีสานใต้โดยแท้ โดยมีรูปทรงเป็นปราสาทหิน มีความสูง 31 เมตร ภายในเป็นอาคาร 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอยส่วนมากเป็นพื้นที่สำหรับวิปัสสนา ส่วนชั้น 2 นั้นใช้แสดงภาพประวัติของหลวงปู่สุวัจน์ และยังเป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและอัฐิธาตุของหลวงปู่สุวัจน์เพื่อให้ประชาชนมาเคารพสักการะเสริมสิริมงคลให้ตนเองอีกด้วย
เช่นที่กล่าวไว้แล้วจังหวัดบุรีรัมย์นั้นมีปราสาทหินมากมาย ปราสาทหินหนึ่งที่ขึ้นชื่อที่สุดคงจะเป็นที่อื่นไม่ได้นอกจาก “ปราสาทหินพนมรุ้ง” ปราสาทหินพนมรุ้งนี้ตั้งในอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง อยู่ที่บ้านตาเป็ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ห่างจากตัวเมืองบุรีรัมย์ลงมาทางทิศใต้ประมาณ 77 กิโลเมตร เดินทางโดยใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 218 สายบุรีรัมย์ - นางรอง เป็นระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24 สายสีคิ้ว - อุบลราชธานี ไปจนถึงหมู่บ้านตะโก ประมาณ 14 กิโลเมตร แล้วจึงเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2117 ผ่านบ้านตาเป๊ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติอีกประมาณ 12 กิโลเมตร ก็จะถึงอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง อีกเส้นทางหนึ่งให้เดินทางโดยใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 219 สายบุรีรัมย์ - ประโคนชัย เป็นระยะทางประมาณ 44 กิโลเมตร ถึงตัวอำเภอประโคนชัย จะเห็นทางแยกที่จะไปอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ซึ่งใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 21 กิโลเมตร โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 2075 และเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2117 ก็จะถึงที่หมาย ถ้าหากไม่ได้นำรถยนต์มาเองก็ให้ใช้บริการรถโดยสารจากขนส่งบุรีรัมย์ ก็ให้ขึ้นรถโดยสารสายบุรีรัมย์ - จันทบุรี พอถึงที่หมู่บ้านตะโก แล้วจึงลงจากรถ จากนั้นจะมีรถสองแถววิ่งไปอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง.
ที่มาของภาพประกอบที่มาของภาพประกอบและข้อมมูล
2. พระเจ้าใหญ่วัดหงษ์ www.holidaythai.com
3. ปราสาทหินพนมรุ้ง1 www.rd1677.com
4. ปราสาทหินพนมรุ้ง2 www.thaisabuy.com
5. ปราสาทเมืองต่ำ “รุทธิ์ (อีเกียแดง)”
6. ปราสาทหนองหงส์ www.buriramguide.com
7. พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช “JJ2009ฅนธรรมดา
8. ข้อมูลบางส่วนจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
โปรดอ่านต่อตอนหน้า
ฝากติดตามเพจของ “ผิงดาว-ธสนจันทร์สำนักพิมพ์ด้วยครับ
โฆษณา