11 ธ.ค. 2020 เวลา 14:38 • ท่องเที่ยว
วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ตำบลวอแก้ว ✨🌾🍅🥬
ชุมชนบ้านวอแก้ว 📝วิถีชีวิตที่เรียบง่าย มีความใกล้ชิดกับธรรมชาติ ทำให้ภายในชุมชนมีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายให้ทุกคนเข้าไปสัมผัสถึงบรรยายกาศของความเป็นธรมมชาติแท้ๆ 🌿มีศูนย์เรียนรู้วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ตำบลวอแก้ว ที่เป็นแหล่งเรียนรู้และพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งและยั่งยืน ด้วยพลังความร่วมไม้ร่วมมือของคนในชุมชน
ที่ตั้ง : เลขที่ 34 หมู่ที่ 4 ถนน ตำบลวอแก้ว อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง 🪴🍄
การเดินทาง : อยู่ที่ อ.ห้างฉัตร ลำปาง เดินทางจากในเมืองไปถึงใช้เวลาประมาณ 25 นาที เป็นชุมชนที่อยู่ ติดดอยขุนตาล ข้ามฝั่งดอยไปก็จะเป็นจังหวัดลำพูน องค์การบริหารส่วนตำบลวอแก้ว และชุมชน ร่วมแรงร่วมใจกัน 💐❤️
จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ผ่านกำแพงเพชร ตาก ถึงเขตอำเภอเถิน แยกเข้าอำเภอเกาะคา ถึงอำเภอห้างฉัตร เส้นทางไปตำบลวอแก้วจะมีถนนลาดยาง ใช้ในการสัญจรไปมาระหว่างหมู่บ้านทุกหมู่บ้าน และระหว่างตำบลกับอำเภอ มีรถรับจ้างบริการ
เราไปดูกันว่าบ้านวอแก้วนี้มีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์และมีความเป็นมายังไงกัน 📚🖌🍀
“กลุ่มเกษตรอินทรีย์ตำบลวอแก้ว” มีการจัดตั้งขึ้นภายหลังจากที่เกษตรกรกลุ่มหนึ่งจำนวน 20 ราย ทราบผลตรวจสารเคมีในเลือดในระดับที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ตระหนักถึงผลกระทบของการใช้สารเคมีในพื้นที่เกษตร จึงได้รวมกลุ่มกันทำกิจกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดย ลด ละ เลิก การใช้สารเคมีในพื้นที่เกษตรของตนเอง
ทำกิจกรรมที่หลากหลายในแปลงของตนเอง ทั้งปลูกพืชร่วมกันตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป หรือปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ เพื่อลดความเสี่ยงในการประกอบการ กลุ่มมุ่งเน้นการพัฒนาดินให้สมบูรณ์เพื่อลดการใช้ปุ๋ยเคมี ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้อปัจจัยการผลิตจากภายนอก สมาชิกสามารถบริหารจัดการหนี้สินได้ตั้งแต่ปีแรกที่เข้าร่วมกลุ่ม ต่อมาได้จดทะเบียนกับสำนักงานเกษตรอำเภอห้างฉัตร กรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อยกระดับเป็น
🌻🍓“วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ตำบลวอแก้ว” และได้รับอนุมัติการจดทะเบียน เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2558 ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน 50 ราย และมีเนื้อที่เพาะปลูกรวม 301 ไร่ ในปี 2561 สมาชิกกลุ่มได้รับมาตรฐานการผลิตข้าวอินทรีย์ (Organic Thailand) จำนวน 24 ราย 125 ไร่ ปัจจุบันปี 2562 มีการจัดตั้งกลุ่มผักอินทรีย์แปลงใหญ่ โดยมีสมาชิกกลุ่มเข้าร่วม 33 ราย 176 ไร่ และมีการนำผลผลิตผักอินทรีย์จำหน่ายในตลาดท้องถิ่น, ตลาดเกษตรกร โรงพยาบาลศูนย์ลำปาง และตลาด We market และในปัจจุบันนี้ในปี2563ได้มีสมาชิกเพิ่มเป็น70กว่ารายเพิ่มจากเดิมขึ้นมาก จากการจัดทำแผนแม่บทชุมชน 🫑🧅
พบว่า ศักยภาพของพื้นที่ตำบลวอแก้ว ชุมชนมีความสมัครสมานสามัคคี อยู่ร่วมกันในระบบเครือญาติ เกษตรกรมีทักษะในการประกอบอาชีพการเกษตรประกอบกับองค์การบริหารส่วนตำบลวอแก้วให้การสนับสนุนส่งเสริมและขับเคลื่อนระบบเกษตรกรรมยั่งยืน ด้านปัญหาของชุมชนพบว่า
🌽ประชาชนมีปัญหาสุขภาพจากการใช้สารเคมีทางการเกษตรต่อเนื่องยาวนาน มีความเสี่ยงจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยว (ราคา, โรคแมลง) และปัญหาปัจจัยการผลิตราคาสูง (ปุ๋ยเคมี, สารเคมีทางการเกษตร) ประชาชนในพื้นที่มีความต้องการลดการใช้สารเคมีในพื้นที่เกษตร ลดต้นทุนการผลิต เพิ่มรายได้ ลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน และชุมชนได้กำหนดแนวทางการแก้ไข/พัฒนา โดยการลดการใช้สารเคมี การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ และผลิตสมุนไพรไล่แมลง ทำกิจกรรมการผลิตที่หลากหลาย โดยปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ หรือปลูกพืชตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป เพื่อเพิ่มรายได้ ลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน และเป็นการจัดการความเสี่ยงจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยว
🥦🥕🥬โซนที่1 จุดเรียนรู้: การปลูกพืชในระบบเกษตรอินทรีย์
โซนนี้จะเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับการปลูกผักอินทรีย์ที่ไม่ใช่ปุ๋ยเคมี ซึ่งเราจะได้เรียนรู้ตั้งแต่วิธีการปลูกกล้า และได้เยี่ยมชมแปลงผักสวนครัวออร์แกนิกปลอดสารพิษ
โดยภายในโซนยังมีโรงเรือนเพาะปลูกที่ชาวบ้านช่วยกันดูแล ซึ่งโรงเรือนจะมีผักต่าง ๆ มากมายหลายชนิด เช่น ผักชี ผักกรีนโอ๊ค ผักบุ้ง ผักกาดคอส เป็นต้น ซึ่งผักทุกชนิดในสวนจะใช้ปุ๋ยอินทรีย์ มั่นใจได้ว่าปลอดสารพิษ🍒🍠
อีกทั้งภายในโซนยังมีโรงตากข้าวกล้องงอกไร้มอดที่ชาวบ้านใช้ตากข้าวไรซ์เบอร์รี่🧄🍀
และหากเราต้องการซื้อผักออร์แกนิกไปฝากคนที่เรารัก💌 ก็สามารถซื้อติดมือไปได้ นอกจากนี้ผักปลอดสารทั้งสวนยังถูกส่งอแกไปให้กับทำเป็นอาหารให้กับโรงพยาบาลศูนย์ลำปาง และถูกจำหน่ายในตลาดเกษตรอินทรีย์ We market ตลาดสุขใจ
โซนที่ 2 🐓✨จุดเรียนรู้ : การเลี้ยงปศุสัตว์อินทรีย์
จุดที่ 1 เป็นการเลี้ยงไก่อินทรีย์ โดยมีการเลี้ยงแบบมีลานพื้นที่กว้างที่มีรั้วแบ่งขอบเขตของไก่และมีระบบเลี้ยงแบบปล่อยตามอิสระเป็นเวลาและเลี้ยงด้วยอาหารอินทรีย์ และเป็นพื้นที่ที่ไก่กินหญ้าได้ ดินมีความอุดมสมบูรณ์ ทำให้ไก่มีไข่ที่มีมาตรฐาน
จุดที่ 2 การเลี้ยงวัว อยู่บนพื้นฐานการจัดการให้มีความสัมพันธุทีดี เกื้อกูลกัน ระหว่างผืนดิน พืช สัตว์และให้มีความสำคัญกับความต้องการทางสรีระของร่างกาย และพฤติกรรมของสัตว์ 💐🐄และจัดให้มีอาหารสัตว์อินทรีย์ที่มีคุณภาพอย่างเพียงพอ มีจัดแยกระบบอย่างชัดเจน ทำให้วัวมีขนาดตัวที่สมบูรณ์ อารมณ์ดี ที่สำคัญมีความเคยชินกับผู้คน ผู้ที่ใจถึงสามารถเข้าไปเล่นใกล้ๆได้🍒
🍃🍄การใช้ปุ๋ยเคมีเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุหรือปัจจัยที่ก่อให้เกิดกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ ตำบลวอแก้ว เนื่องจากเกษตรกรในตำบลวอแก้วส่วนใหญ่ใช้ปุ๋ยเคมี ในการเพาะปลูกพืช ผัก ผลไม้ ซึ่งเมื่อมีใช้สะสมกันเป็นเวลานานส่งผลให้หน้าดินถูกทำลาย เกิดปัญหาดินเปรี้ยว ในส่วนของเกษตรกรมีสารเคมีสะสมอยู่ในร่างกายจำนวนมาก และมีปัญหาสุขภาพมากมาย เช่น ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ท้องร่วง หายใจติดขัด โรคผิวหนังต่างๆ 🌿🌻จึงทำให้เกษตรกรหลายครัวเรือนรวมตัวกันเปลื่ยนมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยจากมาธรรมชาติ และต่อมาได้สมาชิกในกลุ่มวิสาหกิจช่วยกันคิดสูตรปุ๋ยอินทรีย์ที่เป็นสูตรเฉพาะและเป็นมาตราฐานของกลุ่มตนเองขึ้นมาให้สมากชิกได้นำไปปรับใช้
💛💛💛💛💛
✨🌾นาข้าวสีเขียวขจีตัดกับสีท้องฟ้าสีฟ้าสดใส มีลมพัดเย็นๆเป็นระยะๆและแดดที่อบอุ่น หากใครได้ลองมาเที่ยวที่เกษตรอินทรีย์วอแก้วสักครั้ง จะสัมผัสกับธรรมชาติได้อย่างไม่อยากจะลืมเลือน
นอกจากนี้ภายในทุ่งนาข้าวของเกษตรอินทรีย์วอแก้วมีข้าวไรท์เบอร์รี่ที่เรานิยมทานกันในปัจจุบันเป็นอย่างมากแล้ว ยังมีข้าวเหนียวทั้งพันธุ์ต้นสูงและต้นสั้นปลูกไว้อีกด้วย รวมไปถึงมีผลิตภัณฑ์ข้าวไรท์เบอร์รี่ของชุมชนเองอีกด้วย (ถ้ามาเที่ยวอย่าลืมซื้อกลับไปทานกันนะคะ) 🥰🌾🌿💚
🌼🍃นอกจากนี้ภายในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ตำบลวอแก้วยังเป็นสถานที่ที่เปิดบริการเป็นแหล่งเรียนรู้และจัดกิจกรรมหรือเป็นสถานที่จัดสัมนาให้กับผู้คนที่สนใจในด้านการทำเกษตรอินทรีย์ เพราะกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ตำบลวอแก้วถือว่าเป็นกลุ่มต้นแบบให้กับชุมชนอื่นและจังหวัดอื่นๆ มีคนเข้ามาศึกษาดูงานเป็นจำนวนมาก 🎍☘️ทำให้กลุ่มได้มีการจัดกิจกรรมไว้สำหรับบุคคลภายนอกที่สนใจเข้ามาศึกษาดูงาน ได้ร่วมลงมือปฏิบัติและเรียนรู้วิธีการทำเกษตรอินทรีย์ด้วยตนเอง
วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ตำบลวอแก้ว ได้รับการยอมรับจากผู้คนในวงกว้างทั้งในพื้นที่อำเภอห้างฉัตร ต่างอำเภอ ต่างจังหวัด และต่างประเทศ โดยมีเกษตรกรและบุคคลทั่วไปที่สนใจหลั่งไหลเข้ามาศึกษาดูงานในกลุ่มอย่างไม่ขาดสาย ยกตัวอย่างเช่น คณะผู้มาศึกษาดูงานจาก สปป.ลาว
กลุ่มวิชาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ตำบลวอแก้วก็ได้มีการต้อนรับผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษาเรียนรู้และมีการทำกิจกรรมที่หลากหลายรูปแบบตามวัตถุประสงค์ของกลุ่มนั้นๆ ที่ต้องการเข้ามาศึกษาเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เช่น
1. อบต.แจ้ซ้อนนำนักเรียนโรงเรียนผู้สูงอายุ จำนวน 60 คน มาเรียนรู้การทำเกษตรอินทรีย์ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
2.บริษัทเคอร่าไทล์เซรามิคจำกัดส่งพนักงานบริษัทจำนวน11คน มาเรียนรู้การทำเกษตรอินทรีย์ ภาคเอกชนต้องการสร้างสวัสดิการให้พนักงานได้บริโภคอาหารอินทรีย์ เพื่อสุขภาพที่ดี✨🥰
3. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์ลำปางร่วมกับมูลนิธิเกษตรอินทรีย์ไทย นำเกษตรกรผู้เข้ารับการฝึกอบรมกระบวนการรับรองระบบเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วมPGS มาฝึกปฎิบัติการภาคสนามแปลงเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่ตำบลวอแก้ว🥳📝
4.แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ขยายผลการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์เพื่อสร้างระบบอาหารปลอดภัยไปสู่พื้นที่อื่นๆ มี อปท.ส่วนราชการ องค์กรภาคประชาชน กว่า 500 คน เข้ามาเรียนรู้ระบบเกษตร
5.เรียนรู้การทำปุ๋ยหมักอินทรีย์ แบบไม่กลับกอง ปุ๋ยหมักอินทรีย์คุณภาพสูง และน้ำหมักสมุนไพรไล่แมลง รวมทั้งวิธีการปลูกผักปลอดสารพิษ💐🐿
จะเห็นได้ว่ากลุ่มวิสาหกิจชุมชนตำบลวอแก้วมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย มีทั้งวิทยากรซึ่งเป็นคนในพื้นที่ที่มีองค์ความรู้ที่หลากหลายพร้อมที่จะให้ความรู้และถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับทุกคนที่มีความสนใจในด้านการทำเกษตรอินทรีย์ 🥬🍠ที่แห่งนี้เหมาะแก่การเป็นแหล่งเรียนรู้และทุกคนจะได้รับความรู้ครอบคลุมทุกด้านของการทำเกษตรอินทรีย์อย่างแน่นอน และสามารถนำความรู้ที่ได้นำไปสร้างให้เกิดรายได้และใช้ต่อยอดในอนาคตหรือใช้ในชีวิตประจำวันได้
💚🥰จาการที่ได้ไปศึกษาดูงานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ ตำบลวอแก้ว เป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ก่อตั้งขึ้นจากการที่เกษตรกรประสบปัญหาจาการทำการเกษตรทั้งปัญหาสุขภาพและปัญหาทางเศรษฐกิจ โดยเกษตรกรก็ได้รวมตัวกันแก้ไขปัญหาและพัฒนา ค้นหาการทำการเกษตรให้เกษตรกรไม่มีปัญหาสุขภาพ 🌿มีรายได้เพียงพอต่อการเลี้ยงดูครอบครัวของตนเอง มีอำนาจสามารถต่อรองราคากับพ่อค้าคนกลางได้ และในอนาคตต้องการเชื่อมโยงเครือข่ายกับกลุ่มการทำเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่อื่น ๆ
เพื่อให้เกิดความร่วมมือและพัฒนาเกษตรกรในประเทศใช้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นโดยสมาชิกกลุ่มก็ได้ช่วยกันคิดค้นสูตรปุ๋ยอินทรีย์ การปลูกพืช 🌾🍀การปลูกข้าวโดยไม่ใช้สารเคมี วิธีการเลี้ยงสัตว์ ที่มีการแบ่งสัดส่วนพื้นที่ในการทำการเกษตร และการนำผลผลิตทางการเกษตรมาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า และได้เปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้ให้ประชาชน หน่วยงาน องค์กรที่สนใจได้เข้ามาเรียนรู้วิธีการทำเกษตรอินทรีย์🐄🐓💫 และกำลังพัฒนาให้เป็นพื้นที่ของการท่องเที่ยวเชิงเกษตร มีการทำโฮมสเตย์ มีร้านค้า ร้านอาหารที่ได้มาตารฐาน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว❤️
โฆษณา