12 ธ.ค. 2020 เวลา 09:53 • ความคิดเห็น
ศักยภาพไร้ขีดจำกัด อยู่ที่คุณและคนของคุณ ...
บทเรียนจากซีรี่ย์ภาคสอง
ไม่ทันไรปีเก่ากำลังจะผ่านพ้นไป และเช่นเคยที่ปีใหม่ก็กำลังจะผ่านเข้ามาอีกครั้งนะครับ ปีนี้คงเป็นปีที่หลายท่านรวมต้องฝ่าผันอุปสรรคที่ค่อนข้างหนักหนาพอสมควร ทั้งสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ นำมาซึ่งการปรับเปลี่ยนวิถีในการใช้ชีวิตแบบ New Normal ถึงวันนี้ อุปสรรคทั้งหลายที่ผ่านเข้ามาเปรียบเสมือนบททดสอบของชีวิต และให้ได้เรียนรู้เสมอว่า ทุกวิกฤต มีโอกาสเสมอ อยู่ที่ความสามารถในการปรับตัวปรับความคิด ผมเองอาจจะไม่ได้ทำคะแนนของบททดสอบนี้ออกมาได้ดีเยี่ยมที่สุด แต่ผลที่ออกมาก็น่าพอใจมากระดับหนึ่งทั้งส่วนตัวและผลการดำเนินการของทีม..
New way of working: Hybrid work place
บทความวันนี้ผมเลยขอพูดถึง หัวใจสำคัญที่ผมคิดว่ามันเป็นกลไกหลักที่ทำให้ผม และ ทีมเดินทางมาพบกับผลการดำเนินงานที่เป็นที่น่าพอใจแม้ว่าระหว่างทางเราอาจต้องเผชิญกับเส้นทางการเดินทางที่แสนทุลักทุเลเลยก็ว่าได้ หัวใจสำคัญที่ผมจะพูดถึงนั่นคือ ..
“Performance = Potential – Interference”
 
 
Performance​= ผลและประสิทธิภาพการดำเนินงาน
Potential ​= ศักยภาพ
Interference​= สิ่งกีดขวาง สิ่งรบกวน ความกลัวภายในใจ
 
“Performance = Potential – Interference” สูตรนี้ต้องให้เครดิตทีม IBE และ Dupont ที่นำมาแชร์ให้ หมายถึง การที่เราจะมีหรือได้รับผลการดำเนินงานที่ดีได้ เราต้องใช้ศักยภาพของเราและทีมให้ได้มากที่สุด ในขณะเดียวกันต้องลดสิ่งที่รบกวน หรือ สิ่งกีดขวาง กังวลใจต่างๆ ออกไปให้มากที่สุดเช่นกัน เพื่อให้เราและทีมได้ผลการดำเนินการตามเป้าหมายหรือบางครั้งสูงเกินคาดหวังที่ตั้งใจไว้
​ขยายความให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น ผมขอพูดถึงซีรี่ย์เกาหลี เรื่อง START UP ต่อจากบทความครั้งที่แล้ว (ทำไม “Purpose” ถึงสำคัญกับธุกิจในโลกยุคใหม่)
​ในตอนที่นางเอก ซอดัลมี จะต้องมีการนำเสนอ Business Model เพื่อให้เป็นที่ประทับใจ และ เป็นที่ยอมรับของกรรมการและผู้ฟัง ความกดดันต่าง ๆ ความกังวล และ ความประหม่าราวกับว่ากำลังแบกภูเขาไว้บนอก ในที่นี้ก็คือ Interference สิ่งกีดขวาง การใช้ศักยภาพของนางเอก ที่พื้นฐานเป็นคนเก่ง มีการจัดการที่ดี ขยันไม่ยอมแพ้ แต่ความกังวลต่างๆทำให้ ขาดสติขาดความมั่นใจ ขึ้นเวทีแบบนั้น ก็คาดการณ์ผลลัพธ์ล่วงหน้าได้ แต่โชคดีที่ พระรองในดวงใจของแฟนๆหลายคน มาถูกจังหวะ มาเป็นโค้ช ในช่วงก่อนขึ้นเวที สิ่งที่พระรองทำยิ่งกว่าพระเอก ก็คือมาลดสิ่งกังวลใจ แนะนำและจัดเรียงวิธีการนำเสนอให้กระชับขึ้น ให้เน้นจุดสำคัญๆ เตือนสติ ให้ผ่อนคลาย ให้ความเชื่อมั่น ซึ่งจุดนี้เองที่ชี้ให้เห็นว่า การเรียกสติ สมาธิ และ ความมั่นใจให้กลับมานั้นจะช่วยให้คลายความกังวล (Interference) ที่เกิดขึ้นได้ เมื่อคลายความกังวลนั้นได้ ศักยภาพภายในตัวเองก็จะฉายแววออกมาอย่างเฉิดฉาย (Potential) และนั่นหมายความว่า ประสิทธิภาพการดำเนินงานและผลในครั้งนั้นจะออกมาอย่างดีที่สุดตามที่ตั้งใจไว้ (Performance)
ตัวอย่างนี้ก็เป็นจุดเตือนใจผมและผู้นำทุกท่านว่าการที่เราคาดหวังจะได้ผลงานที่ดีจากลูกน้อง เราต้องเข้าใจจุดแข็ง ศักยภาพของเขา มอบหมายงานที่เหมาะกับจุดเด่นของเขา และต้องคอยสังเกต สิ่งกีดขวางที่อยู่ภายในใจเขา เพื่อช่วยขจัด ช่วยลด ออกไปเพื่อเขาจะได้ใช้ศักยภาพเขาได้เต็มที่ อย่างที่พระรอง ฮันจีพยองได้ทำ
นอกจากนี้ การทำงานร่วมกันเป็น Teamwork ที่ดี แน่นอนว่าสมาชิกในทีมต่างคนต่างมีศักยภาพในการดำเนินงาน หรือ ความถนัดคนละแบบกัน แต่เมื่อเรามารวมตัวเป็นทีมเดียวกันแล้ว ก็ขอให้แต่ละคนจงเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง และของเพื่อนร่วมทีม ช่วยกันกำจัดสิ่งกีดขวาง/สิ่งรบกวน หรือ ความกลัวภายในใจ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลการดำเนินงานที่เราตั้งเป้าหมายไว้ร่วมกัน เหมือนกับ Cocktail เครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่มีส่วนผสมหลายชนิดในหนึ่งแก้ว ซึ่งแต่และส่วนผสมก็ทำหน้าที่ในการแสดงรสชาติออกมาให้ผู้ดื่มได้ลิ้มรสกับเครื่องดื่ม Cocktail แก้วนั้นอย่างมีอรรถรสที่สุดนั่นเองครับ
ในฐานะผู้นำ ถ้าพูดถึงเรื่อง Interference (สิ่งกีดขวาง, สิ่งรบกวน, ความกลัวภายในใจ) ผมรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่จัดการรับมือกับมันได้ค่อนข้างยากอยู่เหมือนกันครับ แต่สามารถฝึกสังเกตและจัดการกับมันได้ เพราะคนเราต่างมีภูเขาน้ำแข็งในจิตใจกันคนละแบบ..
ถ้าลองแบ่งประเภทของความกลัวในจิตใจนั้น คงแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ คือ
1) ความกลัวว่าตนเองจะไม่ดีพอ
2) ความกลัวว่าตนเองจะไม่เป็นที่รัก และ
3) ความกลัวว่าตนเองจะไม่เป็นที่ยอมรับ
ทั้ง 3 ประเภทนี้ล้วนแล้วแต่เป็นความกลัวที่ไม่สามารถมองเห็นจากพฤติกรรมและความรู้สึกที่แสดงออกมาได้ เพราะส่วนใหญ่จะถูกซ่อนอยู่ ภายใต้ภูเขาน้ำแข็งของแต่ละคน ทำให้เกิดความไม่มั่นใจประหม่า กังวล ทำให้ศักยภาพที่มีของแต่ละคนนั้นถูกแสดงออกอย่างถดถอยตามลำดับ เพราะฉะนั้นการเอาใจใส่ ช่างสังเกตและเข้าถึงใจคน จะช่วยสำรวจและค้นพบสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ภูเขาน้ำแข็งก้อนใหญ่ได้ หลังจากนั้น ต้องรีบช่วยกำจัดมันออกให้หลุดพ้น และ คอยให้กำลังใจเพื่อพัฒนาก้าวไปข้างหน้าเพื่อทำเรื่องใหม่ ๆ สิ่งใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเขาเอง ต่อทีม ต่อสังคม และ โลกมากขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะเกิดความมั่นใจมากขึ้น ซึ่งนั่นคือภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับ ความกลัวต่าง ๆ ที่เคยกลัว (Interference) ศักยภาพที่มีก็จะถูกนำมาใช้สร้างความแตกต่างและเปลี่ยนทีมเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นได้
สุดท้ายนี้ผมต้องขอบคุณ สถานการณ์โควิด-19 และ ทุกวิกฤติที่เกิดขึ้น ที่ทำให้ผม รวมทั้งทีมของผมได้อัพเลเวลการดำเนินชีวิต/ การทำงานไปได้อีกระดับหนึ่ง ขอบคุณทีมทุกคนที่ร่วมกันก้าวข้ามผ่านความกลัวภายในใจของเราทุกคน และ ทำให้เราได้พบกับความสำเร็จที่ปลายทางในวันนี้ และ ที่ขาดไม่ได้เลยขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตาม UK Blockdit จากใจ ลองนำหัวใจสำคัญในที่ผมนำเสนอในวันนี้ “Performance = Potential – Interference ไปปรับใช้กันดูนะครับ” ขอบคุณครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา