12 ธ.ค. 2020 เวลา 23:00 • ธุรกิจ
เจาะโมเดลธุกิจ Yakiniku LIKE
ที่ทำให้วงการเนื้อย่างญี่ปุ่นสั่นสะเทือน
1
Yakiniku LIKE
สวัสดีค่ะ
วันนี้พามาศึกษาโมเดลธุรกิจร้านปิ้งย่าง Yakiniku LIKE (ยากินิคุ ไลคุ)
ที่ขยายสาขาถึง 300 สาขาในญี่ปุ่น ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 5 ปี
แถมทุกสาขาก็มีคนต่อคิวยาวซะด้วย
Yakiniku LIKE
เค้าทำอย่างนั้นได้อย่างไร?
เรามาศึกษาโมเดลธุรกิจด้วยกันค่ะ
1
แม้ร้าน Yakiniku LIKE จะเพิ่งเปิดกิจการได้ไม่นาน
แต่เจ้าของบริษัทนั้น ถือเป็นผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในธุรกิจร้านอาหารมายาวนาน
รอบนี้จึงงัดกลยุทธ์เด็ดทั้งหลาย มาใช้กับร้าน Yakiniku LIKE
ใครที่ประกอบกิจการร้านอาหารอยู่ ก็ควรศึกษาไว้ใช้ค่ะ
Yakiniku LIKE
สโลแกนของ Yakiniku LIKE คือ “TESTY! QUICK! VALUE!”
เปลี่ยนรูปแบบการทานเนื้อย่าง ให้เป็นอาหาร “Fast Food”
เน้น “ความอร่อย รวดเร็ว และประหยัด”
3
ซึ่งแอดมินได้สรุปกลยุทธ์เอาไว้ทั้งหมด 8 ข้อ ดังต่อไปนี้ค่ะ
1. “ลูกค้าฉัน ต้องได้กินของดี”
Yakiniku LIKE
Yakiniku LIKE ใส่ใจในคุณภาพของวัดถุดิบที่นำมาใช้เป็นอย่างมาก
เรียกว่า คัดสรรเนื้อวัวคุณภาพ จากแหล่งผลิตที่ดีโดยตรง
มีทั้งเนื้อวัวเกรดพรีเมียม และเนื้อวากิว อันเลื่องชื่อ
ซึ่งเป็นเกรดเดียวกับที่ใช้ในร้านเนื้อย่างชั้นดี
2
แถมเรายังสามารถเลือกชิ้นส่วนเนื้อ, น้ำหนัก, และซอสที่เราต้องการได้
ตรงตามสไตล์ You LIKE เลยค่ะ
Yakiniku LIKE
2. “ ราคาต้องไม่แพง”
Yakiniku LIKE
โดยปกติแล้วการทานเนื้อย่างหนึ่งครั้ง
จะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 3,000 ถึง 5,000 เยน ต่อคน
(ประมาณ 1,300 ~ 2,300 บาท)
แต่อาหารชุดของร้าน Yakiniku LIKE นั้น
เริ่มต้นเพียงแค่ 1000 เยน หรือราวๆ 400 บาทเท่านั้นเอง
Yakiniku LIKE เลือกที่จะใช้วัดถุดิบคุณภาพดี
แต่หันมาลดต้นทุนค่าใช้จ่ายอย่างอื่นแทน
เช่น ใช้พนักงานจำนวนน้อย เพียงแค่ 3 คน ซึ่งแบ่งกันทำหน้าที่คือ
1. พนักงานจัดเตรียมเนื้อวัว
2. พนักงานจัดอาหารใส่ถาด
3. พนักงานเสริฟ
ซึ่งก็ทำให้ลดต้นทุนไปได้มาก
แตกต่างจากร้านอาหารส่วนมาก ที่เลือกลดต้นทุน โดยการลดคุณภาพของอาหารแทน
3. “ เสิร์ฟด่วน ภายใน 3 นาที”
1
Yakiniku LIKE
กฎเหล็กตายตัวของร้าน Yakiniku LIKE คือ
“พนักงานจะต้องนำอาหารไปเสิร์ฟ ให้กับลูกค้าภายใน 3 นาที”
นับจากเวลาที่มีออเดอร์เข้ามา
โดยใช้พนักงานแค่ 3 คน ตามที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น
ฟังดูอาจจะเหมือนโอเวอร์
แต่ 3 นาทีที่ว่านี้ คือเวลาที่เค้าเผื่อเอาไว้แล้วด้วย
เพราะโดยเฉลี่ยแล้ว ร้าน Yakiniku LIKE
ใช้เวลาเสริฟ์อาหารเพียง “1 นาทีเศษ” เท่านั้น
Yakiniku LIKE
เรียกว่าตดยังไม่ทันจะหายเหม็น ก็เดินมาเสริ์ฟแล้ว
แถมยังได้เนื้อวัวที่ยังสด ใหม่ มารับประทานอีกด้วย
2
4. “คนเดียวก็ทานได้”
Yakiniku LIKE
ถ้าพูดถึงเนื้อย่าง คนส่วนมากก็จะนึกถึงการทานเป็นกลุ่ม
แต่ที่ Yakiniku LIKE คุณสามารถเข้ามาทานคนเดียวได้ โดยไม่รู้สึกเขอะเขิน
เพราะเค้าจัดโต๊ะไว้ให้ปรับเปลี่ยนได้หลายแบบ ตามจำนวนคนที่มา
ซึ่งทุกคนมีเตาย่างเป็นของตัวเอง
และขายเป็นชุดอาหาร ที่มาพร้อมกับ “ข้าวสวย, ซุปสาหร่าย และกิมจิ”
จึงทำให้เป็นที่นิยมอย่างมาก ในกลุ่มลูกค้าผู้หญิงคนเดียว ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
Yakiniku LIKE
5. “ไม่จำเป็นต้องกินตอนกลางคืน”
Yakiniku LIKE
ฉีกกฎของการทานเนื้อย่าง ที่ว่า ปิ้งย่างเหมาะกับการทานตอนกลางคืน
เพราะกลัวกลิ่นติดเสื้อผ้าบ้างหล่ะ กลัวหัวเหม็นบ้างหล่ะ
เลยเลือกที่จะทานเสร็จแล้ว กลับบ้านไปอาบน้ำล้างตัวเลย
แต่คุณจะไม่เจอปัญหานี้ ที่ร้าน Yakiniku LIKE
เพราะเค้ามีระบบกำจัดกลิ่นควันที่ดี
โดยมีท่อดูดควันลงพื้น ทุกโต๊ะ
คุณจึงมองไม่เห็นแม้แต่ควันที่ลอยออกมา
ซึ่งช่วยให้ภาพลักษณ์ของร้าน ดูโล่ง โปร่ง สะอาดตา อีกด้วย
จึงกลายเป็นที่นิยมในเหล่าพนักงานออฟฟิศ ที่มาทานอาหารกลางวัน
3
Yakiniku LIKE
6. “ไม่ให้ลูกค้ายกมือ”
1
Yakiniku LIKE
อย่าเพิ่งตกใจว่า เค้ามัดแขนคุณเอาไว้กับโต๊ะ
คุณยังใช้มือทานได้ปกติ
เพียงแต่เค้าเลี่ยงที่จะไม่ให้ลูกค้า ยกมือเรียกพนักงาน
เพื่อขออะไรบางอย่าง
โดยการเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่าง
ไม่ว่าจะเป็น จาน ตะเกียบ ซอส หรือน้ำดื่ม
หรือสิ่งใดที่คิดว่าจะถูกขอ ให้มีพร้อมอยู่ที่โต๊ะของเราแล้ว
เรียกว่า 1 โต๊ะมี 1ชุด เลยทีเดียว
Yakiniku LIKE
หรือแม้แต่การสั่งอาหาร ก็ใช้เป็นหน้าจอทัชสกรีนที่หน้าโต๊ะ
ให้ลูกค้าเป็นคนกดสั่งอาหารเองได้เลย
ที่เค้าต้องทำอย่างนี้ ก็เป็นเพราะว่า ถ้าหากพนักงานต้องเข้าไปบริการลูกค้า
อาจจะไม่สามารถรักษาเวลาการเสริฟภายใน 3 นาทีได้
1
ถ้ามองในมุมของลูกค้า ก็รู้สึกว่าดีเหมือนกันนะคะ
เพราะบางครั้ง ขอแล้วได้บ้าง ลืมบ้างก็มี
7. “ไม่มีพนักงานฝึกหัด”
Yakiniku LIKE
ที่ Yakiniku LIKE
คุณจะไม่เห็นพนักงานฝึกหัด ที่มีพี่เลี้ยงมาค่อยประกบสอนงาน
1
เพราะพนักงานใหม่ของที่นี่ทุกคน
จะต้องเรียนรู้งาน ผ่านคลิปวิดีโอ ที่มีมากกว่า 300 คลิป
2
สอนทุกรายละเอียดตั้งแต่
“การหั่นเนื้อวัวต้องมีความหนากี่มิล?
ตำแหน่งการจัดวางอาหารในถาด
หรือแม้แต่วิธีการเสริฟอาหาร...”
3
พนักงานที่ผ่านการทดสอบเท่านั้น จึงจะสามารถมาทำงานที่ร้านได้
เรียกว่า มีแต่มืออาชีพเท่านั้นจริงๆ
8. “สุ่มสำรวจตลอดเวลา”
Yakiniku LIKE
ฝ่ายบริหารของ Yakiniku LIKE จะส่งเจ้าหน้าที่ลับ
ปลอมเป็นลูกค้า เข้าไปในร้านทุกๆ 1~2 สัปดาห์
เพื่อสังเกตดูว่าร้านสาขานั้นๆ ได้ปฎิบัติงานถูกต้องตามหลักเกณฑ์หรือไหม?
โดยที่พนักงานในร้านเองก็ไม่รู้ตัว หรือรู้ว่าคนไหนคือสายลับ
3
และในขณะเดียวกัน ทางบรรดาผู้บริหาร
จะมารวมตัวกัน เพื่อจัดประชุม
พร้อมกับเปิดกล้องวงจรปิดภายในร้านขึ้นมา
เพื่อตรวจสอบหาจุดผิดพลาด แล้วนำมาแก้ไขทันที
Yakiniku LIKE
นี้จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ร้าน Yakiniku LIKE รักษาคุณภาพคงที่ได้สม่ำเสมอ
1
กลยุทธ์ทั้งหมดที่ร้าน Yakiniku LIKE นำมาใช้
ถือว่าสุดยอดมากๆ
และถือเป็นอีกทางเลือกนึง สำหรับคนที่ชอบทานปิ้งย่าง
เพราะได้ทานเนื้อย่างอร่อย รวดเร็ว และประหยัด
แถมคนเดียวก็ทานได้
สำหรับคนไทย คงไม่นานเกินรอ
เพราะเมื่อต้นปีที่ผ่าน ได้มีข่าวประกาศออกมาแล้วว่า
“Yakiniku LIKE โดย Dining Innovation Group ของญี่ปุ่น
จับมือร่วมกับ Maxim Group ผู้ประกอบกิจการร้านอาหาร รายใหญ่ของฮ่องกง
มีแพลนจะขยายสาขาในต่างประเทศ
โดยจะเปิดร้าน Yakiniku LIKE สาขาแรกในประเทศไทย ภายในปีนี้”
Yakiniku LIKE
แต่ดูจากสถานการณ์โควิดตอนนี้แล้ว อาจจะต้องรอกันไปก่อน......
ตอนนี้คนที่รู้ข่าวนี้ มีเพียงแค่คนญี่ปุ่นบางคน
และลูกเพจ “รู้เท่าคนญี่ปุ่น” เท่านั้น
ถึงวันเปิดร้านเมื่อไหร่ ก็อย่าลืมไปลองทานกันคะ
ก่อนที่คิวจะยาว
เดียวจะหาว่าแอดมินไม่เตือน
1
/ ฮิเมะ
โฆษณา