14 ธ.ค. 2020 เวลา 10:05 • การเมือง
เราอยู่ที่โคราช 2,000 คน
มินิธุดงค์ วัดป่าสว่างอารมณ์ 11-13 ธันวาคม 2563
2,000 ชีวิตมาชุมนุม ณ สถานที่ตามรอยชีวิตหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร (สมเด็จพระญาณวชิโรดม) ในการสอบมินิธุดงค์ หลักสูตรครูสมาธิ วัดป่าสว่างอารมณ์ นครราชสีมา 12 ธันวาคม 2563
10 ธันวาคม 2563 เรานั่งรถตู้ไปพักที่อำเภอสีคิ้ว จ.นครราชสีมา ก่อนเข้าลงทะเบียนสอบมินิธุดงค์ในระเบียบการจบหลักสูตรครูสมาธิของสถาบันพลังจิตตานุภาพ และเดินทางกลับในวันที่ 14 ธันวาคม 2563 การได้เดินทางร่วมกันมามินิธุดงค์กับสาขาเป็นหมู่คณะ แม้จะเคยไปสัมมนาวิชาการนอกสถานที่มามาก แต่การได้เข้าร่วมธุดงค์กับคนต่างรุ่น ที่มีวุฒิภาวะหลังเรียนจบหลักสูตรครูสมาธิหลายคณะกัน ก็ทำให้ได้ประสบการณ์ใหม่ๆจนมีเพื่อนร่วมรุ่นกล่าวว่านอกจากจะได้ธุดงค์แล้ว ยังได้ pre-ธุดงค์ กับ post-ธุดงค์ ด้วย
ภาพที่เราโพสต์ประกอบเป็นภาพเราเองกำลังชู3นิ้วในที่ชุมนุมบริเวณธุดงค์ เพราะเราไม่มีโอกาสได้เข้าไปร่วมชุมนุมกับคณะราษฎรที่กรุงเทพ เมื่อมีโอกาสได้ทำกิจกรรมจึงขอมาแสดงออกถึงความเห็นทางการเมืองให้เพื่อนร่วมชุมนุมทราบบ้าง โดยผู้ที่ถ่ายภาพนี้ให้ก็เป็นข้าราชการมีอายุ แล้วก็ช่วยถ่ายรูปให้ด้วยกล้องของท่านเอง(เพราะมือถือเราแบตหมดกลางวัด)โดยไม่ตะขิดตะขวง
หลังจากปัจฉิมนิเทศแล้วคณะเราเดินทางไปแวะสถานที่ต่างๆเราก็หาโอกาสชู3นิ้วในกล้องของท่านๆไปหลายครั้งโดยไม่มีใครว่าอะไร เราจึงรู้สึกสบายใจที่จะร่วมเดินทางไปกับผู้จบหลักสูตรครูสมาธิเหล่านี้ และเราก็ได้แง่คิดต่างๆจากกิจกรรมการสอบมินิธุดงค์มาหลายอย่าง จึงตั้งใจจะเอามาแชร์ให้พิจารณากัน
1) การเดินทางไปสอบครั้งนี้เราเกือบได้ไปคนเดียวเพราะรีบโอนค่าลงทะเบียนเข้าสถาบันแทนที่จะผ่านสาขา แต่ทางสาขาได้รับเราเข้าร่วมกรุ๊ปทัวร์รถตู้ของรุ่น ที่ต้องนั่งยาวกับลุงๆป้าๆ (อันที่จริงก็หาคนอายุเด็กกว่าเราจากงานมินิธุดงค์ครั้งนี้ไม่เจอเลย) ด้วยเหตุผลว่าเราเป็นเด็กและทำให้ผู้ใหญ่เป็นห่วง อย่างไรก็ตามเมื่อกิจกรรมจบลงแล้วผู้ใหญ่ในรถตู้ต่างก็ยอมรับว่าเรารับผิดชอบตัวเองได้ ไม่สร้างปัญหาให้ใครเลย เราก็บอกไปว่า คนรุ่นเราส่วนใหญ่เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ไม่เหมือนไม้แก่ดัดยากที่พวกเขาชอบแซะกันเองอย่างสนิทสนม
2) ในการเดินทางคณะเรามีรถตู้3คัน คันแรกเป็นของรุ่นพี่ แต่เนื่องจากผู้ใหญ่คนหนึ่งมีปัญหาทางปัสสาวะต้องแวะห้องน้ำบ่อยมาก ทำให้รถตู้คันอื่นไม่พอใจแต่ก็ได้มาพูดคุยทำความเข้าใจและแก้ปัญหากันทีหลัง อย่างไรก็ตามรสนิยมการแวะของสมาชิกรถตู้แต่ละคันก็แตกต่างกันไป เราโชคดีที่ในรถตู้ที่เรานั่งมีคนจริตตรงกันคือจะไปให้ถึงจุดหมายโดยเร็วไม่แวะสถานที่ท่องเที่ยว เมื่อโชเฟอร์วิทยุถึงกันจบแต่ละครั้งเราจะอภิปรายแล้วส่งมติให้โชเฟอร์นำทางไป นอกจากนี้รถตู้เรายังมีป้าที่เก่งโซเชียลจนลูกน้องที่ทำงานเรียกว่า มินิกูเกิ้ล อยู่ด้วย เมื่อคุณป้าหาข้อมูลแล้วก็จะปรึกษากับโชเฟอร์ที่รู้สภาพความถนนลูกรังและความเรียลของสถานที่ท่องเที่ยวไร้โฟโต้ช็อปมาแบ่งปันกันให้พวกเราตัดสินใจอีกที พวกเราทำให้โชเฟอร์วิทยุเถียงกันหนัก(แต่เป็นพวกเดียวกันคือตั้งใจบริการ) จนโชเฟอร์เรียกกรุ๊ปเราว่า ลุงลังทัวร์ เรานั่งอยู่ในรถตู้คันที่มีทั้งมินิกูเกิ้ลและเหรัญญิกของรุ่น จึงเป็นผู้ตัดสินใจก่อน และไปๆมาๆพวกเราก็ตัดสินใจแยกกันเดินทางไปตามสไตล์ของแต่ละคันโดยที่ไม่ได้บาดหมางกันแต่อย่างใด (ดังนั้น ความสามัคคีกับอิสรภาพน่าจะมีอย่างสมดุลบนเหตุผล)
3) เรายอมรับว่าในการสอบภาคปฏิบัติคือเราต้องทำตามกฏระเบียบทุกอย่างมิฉะนั้นจะสอบไม่ผ่าน กฏข้อนึงที่ผู้มาธุดงค์ต้องปฏิญาณก่อนคือจะต้องอยู่ในสถานที่ที่เขาจัดให้ ซึ่งเราก็พอใจไม่ลำบากอะไรเพราะเราเคยเป็นนักเรียนโรงเรียนประจำกินอะไรก็ได้นอนตรงไหนก็ได้ เต๊นท์ก็พอดีตัว ห้องน้ำก็โคตรสะอาดจนเหลือเชื่อว่าวัดกำลังรับคนมาสอบทีเดียว2,000คน แต่บางทีความคล่องตัวของเรา เมื่อได้มาเข้าแถวตักอาหารก่อน "คนมาก่อนได้เปรียบ" แม้เราจะกินอิ่มดีแต่พอล้างจานเสร็จได้เห็นป้าที่เพิ่งสนิทกับเรากำลังรออาหารที่หมดอย่างไม่มีจุดหมายเพียงเพราะเขาเดินช้าและไม่ลัดคิวใครเราก็สะเทือนใจ
3.1) สาขาเรามีผู้เข้าสอบครั้งนี้32คน กิจกรรมครั้งนี้มีคนมาสอบ155สาขา วันหนึ่งทางสถาบันก็จัดเวลาให้แต่ละสาขาถ่ายรูปหมู่กับป้ายข้างเวที แล้วพวกเราก็ไม่ใช่ลูกเสือเนตรนารีแถมแบตเตอรี่โทรศัพท์หมด จึงใช้เวลารวมตัวมากกว่าบางสาขาที่มีไม่ถึง10คน พอคนครบถึงได้ต่อคิว พอถึงคิวก็ดีใจมากรีบเดินเข้าป้าย แต่สต๊าฟกำกับให้เราเข้าไปถ่ายรูปปนกับสาขาอื่น ซึ่งอาจเป็นความจำเป็นเพราะเวลาน้อยและไม่เคยรับคนมากขนาดนี้มาก่อน เราโผล่หน้าขึ้นไปแทรกอยู่หลังสาขาอื่นแล้วออกมาอย่างงงๆ แล้วสาขาเราก็ถูกไล่ออกจากป้ายไป โดยใช้ข้ออ้างประกาศว่าเป็นกฎข้อที่ให้อยู่ในสถานที่ที่เขาจัดให้เท่านั้น ผู้ใหญ่บางคนหัวเสียมากเลยถึอป้ายสาขานำเพื่อนร่วมรุ่นจำนวนหนึ่งไปตระเวนถ่ายรูปหมู่ตามจุดต่างๆกันเอง ข้อนี้ไม่ได้เรียกร้องอะไรแต่เกรงใจคุณลุงที่หัวเสียคนนั้นและคิดว่าการอ้างกฎที่นำมาใช้แต่ผู้อยู่ใต้กฎถูกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกันแบบใครมาก่อนได้เปรียบเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
4) เมื่อเราพบสัจธรรมว่าเราไม่สามารถหลีกหนีข้อเท็จจริงที่ว่าใครมาก่อนได้เปรียบกว่า (นอกจากว่าจะปล่อยให้โรคระบาดลดประชากรลงหรือใส่ถุงมือดีดนิ้วอย่างธานอสในเพลง ครึ่งจักรวาล) จึงต้องมีคนคอยควบคุมความพอดีของคนที่มาก่อนเสมอ (แม้แต่ในหมู่ผู้เข้าปฏิบัติธรรม) สำหรับกิจกรรมมินิธุดงค์นี้ก็มีพี่เลี้ยงอาสาอยู่หลายทีม (เช่นทีมเต๊นท์ ทีมสะอาด ทีมเก็บตก) เราได้ยินความไม่พอใจต่อผู้รักษากฎระเบียบมาหลายครั้ง เช่น กำลังรับน้ำเต้าหู้ประทังความหิวของศีลแปด (เป็นเรื่องอนุโลมที่น่ารักมาก) แต่ให้ความหวังอยู่ดีๆก็ถูกตัดคิวให้คนก่อนหน้าได้รับเป็นคนสุดท้าย หรือว้ากเก็บตกโหดๆถือโทรโข่งคอยจับป้ายชื่อคนที่ยังกดชัตเตอร์ไม่ทันก่อนเวลาเข้าร่วมกิจกรรมจนเกือบสอบตกเพราะยืนถ่ายรูปวินาทีเดียว เราก็ยังไม่เข้าใจว่าการถูกหมายหัวแบบนี้(โดยที่คนอื่นก็ทำแต่ไม่โดนเหมือนเรา)มันเอาอะไรมาเป็นเกณฑ์ในการวัด? เราต้องมีบุญถึงจะรอดเท่านั้นเหรอ
เราก็รู้นะ ว่าลุงว้ากคนนั้นเขาเสียสละแค่ไหนที่จะต้องคอยถือโทรโข่งมาตะคอกผู้ใหญ่ๆไม้แก่ดัดยากในวัด ซึ่งเสี่ยงที่จะถูกเกลียด(นอกจากมันจะเป็นรสนิยมของเขาเอง)และเป็นบาปมาก ถ้าไม่มีว้ากคนนี้ คนที่ไม่ทำตามกฎระเบียบก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เราว่า ระเบียบแบบทหารศาลเตี้ยมีแต่จะทำให้ความนับถือในตัวผู้คุมกฎแย่ลง ถามว่า แล้วเราจะใช้ระเบียบวินัยแบบไหนกันล่ะ
คำตอบคือ ใช้วินัยสงฆ์เป็นตัวอย่างไง
3.2) ด้วยความแค้น(อย่างพร้อมเพรียงกันเป็นหมู่คณะ)ที่ไม่ได้มีโอกาสถ่ายรูปหมู่เฉพาะหมู่ของตัวเองเหมือนสาขาอื่น สาขาเราเลยตกลงกันว่าจะใช้เวลาที่จะต้องรีบไปรับอาหารของใครของมัน มารวมกันถ่ายรูปกับป้ายข้างเวทีที่เดิม โดยไอเดียการเปลี่ยนชุดก่อนกินข้าวนี้เป็นข้อเสนอของเราเองและพวกผู้ใหญ่ก็เห็นชอบ ดังนั้นในวันสุดท้ายหลังจากสวดมนต์ลาศีลแปดเสร็จ ทางสาขาเราที่ได้นั่งหลังป้ายอยู่แล้วก็แปลงร่างสำเร็จอย่างพร้อมเพรียงกัน มีการนัดแนะเล็กน้อยก่อนที่สาขาอื่นอีกสาขาหนึ่งกำลังจะถ่ายรูปหมู่ในชุดขาวเสร็จ แล้วเราก็รีบเข้าฉากอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ทันที่ตากล้องจะเข้าที่ ทางสต๊าฟก็ขอพื้นที่คืนโดยให้เหตุผลว่าที่ป้ายข้างเวทีนั้น พระภิกษุที่จำเป็นต้องนั่งฉันเช้ากำลังฉันอยู่บนเวที และป้ายที่พวกเราจะถ่ายรูปตรงนั้นกำลังทำให้ฝุ่นตลบขึ้นมารบกวนพระคุณเจ้า สต๊าฟจึงพากันเคลียร์พื้นที่และเรารู้สึกเหมือนถูกตะเพิดอย่างไม่ไยดี เพียงเพราะต้องการแสดงความพร้อมเพรียงเป็นหมู่คณะให้ได้เห็นบ้างเท่านั้น
เรื่องนี้ไม่กล่าวโทษใคร แค่แนะว่าแยกจุดถ่ายรูปไว้ห่างๆสถานที่ฉันภัตตาหารของพระภิกษุในครั้งหน้า
พวกเราได้รับการปลอบว่าหลังจากพิธีปัจฉิมนิเทศแล้วทางสต๊าฟจะจัดแจงพื้นที่ให้ถ่ายได้เต็มที่แถมดอกไม้เพิ่มอย่างสวยงาม แต่แม้ว่าการรวมกลุ่มหลังปัจฉิมนิเทศจะง่ายมากเพราะทุกคนยืนแบ่งกลุ่มเหมือนค่ายลูกเสือเนตรนารีอยู่แล้ว แต่สภาพจริงคือกลุ่มที่ถูกย้ายไปอยู่ไกลป้ายจะเข้าถึงป้ายได้ยากมาก เพราะมหกรรมถ่ายรูปทุกสาขาในเวลาเดียวกันค่อนข้างโกลาหลมาก สุดท้ายพวกหัวเสียก็รีบไปขนของขึ้นรถเพราะเดินทางไกล พวกใจเย็นก็ถ่ายรูปร่วมกันที่บริเวณใกล้ๆ ในใจเราก็รู้สึกผิดที่ไม่สามารถแสดงความเป็นหมู่คณะทั้งสาขาได้เสียที
แต่เรื่องที่เราประทับใจก็มีมากกว่านั้น คือ เมื่อกลับจากพิธีปัจฉิมนิเทศไปที่พักปรากฏว่า เต๊นท์ทั้ง2,000อันตรธานหายไปเหลือแต่กระเป๋ารอบๆป้ายสาขาราวกับพริบตา เรานับถือทีมพี่เลี้ยงมากที่จัดการได้รวดเร็วฉับไวขนาดนี้ ซึ่งช่วยให้สะดวกในการรีบขึ้นรถมากเพราะไม่ต้องฝ่าดงเต๊นท์ยุ่บยั่บเลย ก็เป็นการเตือนใจเราว่า รุ่นพี่ที่จบหลักสูตรนี้ก่อนรุ่นเรา เขาสอบที่ดอยอินทนนท์ ซึ่งโหด เหนื่อย และนานกว่าเรามาก ถือว่าเราโชคดีมากที่อยู่ๆนักศึกษาก็เพิ่มเป็นหมื่นจนไปสอบแบบเดิมไม่ได้ เราจึงเกรงใจรุ่นพี่ที่จบจริงอยู่เสมอ (รุ่นพี่ทางวิชา ไม่เกี่ยวกับรุ่นพี่กิจกรรมแบบโซตัส)
เรื่องที่อยากจะเสนอ ต่อสถานการณ์ทางการเมือง ที่เราไม่สามารถไปเข้าร่วมได้ ประเทศเรามีสามสถาบันคือชาติ ศาสนา และมหากษัตริย์ ตอนนี้สถาบันศาสนาให้ที่พึ่งพิงแก่กษัตริย์มากกว่าชาติ โดยเฉพาะในเชิงพลังงาน(พลังจิตอย่างที่หลักสูตรนี้สอน) คนรุ่นใหม่ยังสะสมบารมีทางพลังศาสนาได้ไม่มากพอ ก็เลยมาชวนใครที่ชู3นิ้วด้วยกัน มาสมัครเรียนกัน ถ้าเราแสดงพลัง สมัครเรียนร่วมกัน (รับรองว่าเรียนยังไงก็ไม่กลายเป็นสลิ่ม) แล้วทำให้ผู้ใหญ่ในบ้านเรายอมรับเราได้ เราก็จะมีเครดิตในการแสดงออกมากขึ้น รวมถึงพลังในการคิดการทำสิ่งต่างๆร่วมกัน ก็จะมีมากพอที่จะบรรเทาระบบ "ใครมาก่อนได้เปรียบ" ซึ่งกดขี่คนรุ่นหลังมาอย่างยาวนานลงด้วย
ส่งท้ายนี้ เราขอท้า ว่าถ้าผู้นำ(และประมุข)ของประเทศมีความชอบธรรมจริง สิ่งที่จะสามารถนำมาใช้เป็นเกณฑ์วัดได้ในตอนนี้ก็คือ #ทศพิธราชธรรม จะทำอย่างไรถึงจะตรวจสอบความเป็นธรรมของผู้นำได้ ด้วยการแปลงคุณลักษณะ10ข้อนี้เป็นเกณฑ์ในลักษณะกฎหมาย นอกจากนี้ เรายังเชื่อว่า ถ้าให้คุณเพนกวิน คุณรุ้ง หรือใครๆในกลุ่มเยาวชน มาเรียนหลักสูตรครูสมาธิแข่งกับคุณประยุทธ์ คุณยิ่งลักษณ์ หรือคุณธนาธร ในสาขาเดียวกัน งานนี้เยาวชนรุ่นปัจจุบันทำได้ดีกว่าแน่นอนค่ะ
โฆษณา