14 ธ.ค. 2020 เวลา 16:02 • สุขภาพ
เศร้า !! นายกรัฐมนตรีคนแรกของโลกที่ตายจาก โควิด-19
นายกรัฐมนตรีวัย 52 ปี นามว่า Ambrose Dlamini ของประเทศ Eswatini หรือชื่อเดิมว่า ประเทศสวาซิแลนด์(Swaziland) ได้เสียชีวิตแล้วที่โรงพยาบาลในประเทศอาฟริกาใต้ด้วยโรคโควิด-19
นับเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของโลก ที่เสียชีวิตจากโควิด-19
โดยเมื่อสี่สัปดาห์ก่อนคือ ราวกลางเดือนพฤศจิกายน 2563 ท่านนายกฯตรวจพบติดเชื้อไวรัสโคโรนาก่อโรคโควิด-19 โดยที่ไม่แสดงอาการ (Asymptomatic Infection)
ต่อมาอีกสองสัปดาห์ คือวันที่ 1 ธันวาคม 2563 เริ่มมีอาการป่วยชัดเจนขึ้น จึงได้ย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งมีคุณภาพดีกว่า
และมีรายงานข่าวว่า นายกรัฐมนตรีตอบสนองต่อการรักษาเป็นอย่างดี
แต่สุดท้ายก็มาเสียชีวิตลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 โดยมีประวัติเคยทำงานธนาคารมานานกว่า 18 ปี และเคยเป็นผู้บริหารระดับสูงของ Telecom Company
ประเทศดังกล่าวนี้มีประชากรเพียง 1.2 ล้านคน
กว่าร้อยละ 39 อยู่ใต้เส้นความยากจนตามคำนิยามของธนาคารโลก
มีรายงานผู้ติดเชื้อ 6714 คน เสียชีวิตไปแล้ว 127 คน
เป็นกรณีตัวอย่างว่า โควิด-19 เป็นโรคที่ไม่เลือกชั้นวรรณะ สามารถติดโรคได้ทุกคนถ้าระมัดระวังไม่เพียงพอ และสามารถทำให้เสียชีวิตได้
แม้รายงานจะบอกว่า มักจะพบการเสียชีวิตในผู้สูงอายุก็ตาม แต่ก็ไม่แน่เสมอไป
นายกรัฐมนตรีวัยหนุ่มคนนี้อายุเพียง 52 ปี ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี แต่ก็เสียชีวิตได้
ดังนั้นทุกคนจึงไม่ควรประมาทว่า ตนเองอายุน้อย สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงดี แล้วจะปลอดภัยจาก
โควิด-19
การป้องกันยังเป็นหลักคิดที่สำคัญ และดีกว่าการรักษาภายหลังอยู่เสมอ
เนื่องจากโควิด-19 เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดใหม่ที่มนุษย์เราไม่เคยรู้จักมาก่อน อยู่ในตระกูลโคโรนา ถือว่าเป็นลำดับที่เจ็ด
จุดเด่นของไวรัสชนิดนี้ ซึ่งสร้างความยากลำบากให้กับมนุษย์ในการควบคุมการป้องกันการระบาดก็คือ ไวรัสนี้สามารถติดต่อกันได้ จากผู้ที่ติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการ
ทำให้ผู้ที่ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ จึงไม่ทราบ และยังรู้สึกว่าตนเองแข็งแรงสบายดี ยังคงทำกิจกรรม ดำเนินชีวิตตามปกติ ทำให้มีการแพร่เชื้อระบาดไปในวงกว้าง
นอกจากนั้น ไวรัสนี้ยังทำให้มนุษย์เกิดความประมาทเ นื่องจากแม้ไม่ป้องกันตนเอง เช่น ไม่ใส่หน้ากาก ไม่เว้นระยะห่างทางสังคม ไม่ล้างมือ แต่บังเอิญอยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการจึงมีเชื้อไวรัสจำนวนไม่มากนัก ก็แพร่มาสู่ตนเอง จนตนเองติดเชื้อแล้ว ก็ยังไม่ทราบ
ทำให้คิดว่า มาตรฐานการป้องกันตัวเองนั้นใช้ได้ ผลวินัยจึงหย่อนยานลงอย่างมาก
ทำให้ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา มีการแพร่ระบาดของไวรัสนี้ไปทั่วโลกกว่า 70 ล้านคน มีผู้เสียชีวิตนับ ล้านคน
และวัคซีนก็ต้องใช้เวลาในการพัฒนา วัคซีนที่มีความหวังก็ยังต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย
โดยวัคซีนสามชนิดแรก ได้แก่ ของสหรัฐสองชนิดคือ บริษัทไฟเซอร์กับบริษัทโมเดิร์นนา และจากอังกฤษหนึ่งชนิดคือจากบริษัทแอสตร้า
วัคซีนที่เริ่มฉีดแล้วอย่างเป็นทางการ คือ ของ
ไฟเซอร์ก็ประสบปัญหามีผู้แพ้อย่างรุนแรงถึงสองราย
ความหวังเรื่องวัคซีน จึงต้องรอทั้งเรื่องความปลอดภัยในการฉีดคนจำนวนมาก และเรื่องประสิทธิภาพที่จะป้องกันได้หรือไม่
เราจึงต้องอยู่กับโควิด-19 ไปอีกนานนับปี และจะต้องเน้นเรื่องการป้องกันมากกว่าการรักษา
ขอให้ทุกคนอยู่รอดปลอดภัยจากโควิด-19 ไปด้วยกันนะครับ
Reference
โฆษณา