Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Michael Suwan
•
ติดตาม
15 ธ.ค. 2020 เวลา 02:36 • ประวัติศาสตร์
#เล่าเท่าที่จำได้ 20- le petit prince
"พี่เก้อ.....ซันนี่กำลังจะได้เล่นหนัง" นั่นคือคำพูดแรกตอนที่ ไมเคิลเดินเข้าบ้านมาแล้วเห็นพระเอกกำลังเล่นเน็ตอยู่กับคอมตรงโต๊ะทำงานป๊า "ห่ะ? อะไรนะ เล่นหนัง หมายถึงหนังในโรงนะเหรอ?" นั่นคือไมเคิลถามกลับไปแบบทันที เพราะ "จับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก" "อืม ใช่ " ไปแคสต์มาตอนไหน ไม่เห็นบอกกันเลย แล้วยังไงละ? หนังอะไร หนังกับใคร เล่นบทอะไร คือถามไปเยอะมาก "คือมีคนติดต่อให้ไปแคสติ้ง แล้วก็ได้เล่น นักแสดงในเรื่องส่วนใหญ่ก็หน้าใหม่เกือบทั้งนั้น" อ่อ แล้วเราเล่นบทอะไรละ? "พระเอกอ่ะ" เฮ้ยยย ดี แล้วเล่นกับนางเอกคนไหน? ใคร?? "คือนางเอกใหม่สองคน ยังไม่มีข้อมูลอะไรมาก แค่อยากบอกให้รู้" เฮ้ย ดีใจด้วย ดีใจด้วยจริงๆ นั่นคือประโยคซ้ำๆที่ไมเคิลพูดไปในตอนนั้น แปลกใจ ปนตื่นเต้นไปด้วย
ตอนที่พระเอกเริ่มมีงานภาพยนตร์ครั้งแรกเลย ตอนนั้นไมเคิลก็ยังคงทำงานสองที่เหมือนเดิม กลับดึกเหมือนเดิม อืมเน๊อะ เราไม่ค่อยได้เจอได้คุยกับพระเอกเลยนี่เน๊อะ คือเรียกว่า "ห่างเหินกันไปโดยปริยาย เหมือนอยู่คนละโลก คนละเวลากัน" ตอนไมเคิลกลับมาถึงบ้าน พระเอกหลับแล้ว บางวันพระเอกก็ยังไม่กลับเพราะเล่นดนตรีกับเพื่อนๆตอนกลางคืน ตอนเช้าไมเคิลก็ออกแต่เช้าตรู่ ก็คนละเวลากันอีก ช่วงหนึ่งของการเจริญเติบโตในฐานะ "ผู้ใหญ่เต็มตัว" ของพระเอกเราจึงพลาดไปแบบนึกไม่ถึง อืมเขาโตแล้วจริงๆ เขาไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว เขามีความคิดเป็นของตัวเอง มีแนวทางที่เป็นของตัวเอง ที่ไม่ได้ "เป็นแบบพี่ชายอีกต่อไปแล้ว" ตอนนี้เขากำลัง "จะบิน" ตอนแรกก็ไม่ทันรู้ตัว แต่มันชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเริ่มจับตาดูผลงานของเขาตามลำดับในภายหลัง
วันที่ "เพื่อนสนิท" เปิดตัวที่โรงหนังดัง ไมเคิลก็ "ลางานท๊อปส์" ตอนเย็น เพื่อไปร่วมงานเปิดตัวด้วย อยากเห็นว่าเป็นยังไง ไอ้ความรู้สึกเห็นน้องตนเองอยู่ใน "สปอทไลท์" แบบ "ดาราคนหนึ่ง" มันจะเป็นความรู้สึกแบบไหนกันนะ ตื่นเต้นมาก เลิกงานทีแรกปุ๊บตรงดิ่งไปเลย โดยนัดกับป๊าม้าที่นั่น กล่าวคือต่างคนต่างมา คนเยอะใช้ได้เลย เราเหมือนมดตัวเล็กๆที่ไปยืนชะเง้อดูว่าเมื่อไหร่ "เหล่านักแสดงจะขึ้นเวทีเปิดตัว" พูดง่ายๆว่า "เมื่อไหร่น้องกูจะขึ้นเวทีฟร่ะ?" ไปถึงตั้งแต่บ่ายสามกว่าๆเอง ยังไม่สี่โมงด้วยซ้ำ แล้วก่อนงานจะเริ่มถ้าจำไม่ผิดก็ห้าโมงกว่าๆเกือบครึ่งมั้ง เดินวนเป็น"หนูติดจั่น"เลยไมเคิล ดูอะเลิร์ตตลอดเวลา
และแล้วการเปิดตัวหนังก็เกิดขึ้น นักแสดงขึ้นไปบนเวที มีการพูดนู่นนี่นั่น พระเอกดูจะ "เกร็งๆ" นิดหน่อย เราก็แอบขำอยู่ในฝูงชน ดูโปสเตอร์แล้ว "หน้าพระเอกมันละอ่อนจังว่ะ 5555" คือมีเรื่องให้ขำได้จริงๆ ป่าป้าม่าม้าตามมาทีหลัง ก็ดูตื่นเต้นมากมายเช่นกัน ม้ายิ่มแฉ่ง ป๊าก็เก็กไปตามเรื่อง แต่ก็พอดูออกว่าแกดู "ภูมิใจในตัวลูกชายคนเล็กมากๆ" ยัง ยังไม่ได้ดูหนัง อย่าเพิ่งรีบตื่นเต้นกันสิ ในใจคิดอย่างนั้นแต่มือไม้เรากลับสั่นเสียเอง
"หนังเรื่องเพื่อนสนิท" ทำให้เราดื่มด่ำไปกับเรื่องราวความรู้สึกยุคสมัยและทุกๆอย่างที่เราแทบทุกๆคนต้องเคยผ่านไอ้ความรู้สึกแบบนี้มาแล้ว เพียงแต่วิธีการเล่าเรื่องเหมือนเล่าสองเหตุการณ์และสองช่วงเวลาที่แตกต่างกันไปพร้อมๆกันเพื่อที่ในที่สุดก็มาบรรจบกัน "ตรงที่น้ำตาซึม" แต่ไม่ได้ เราจะน้ำตาซึมให้ใครเห็นไม่ได้ ครับมันดีจริงๆ ดูจบแล้ว อดไม่ได้ต้องลุกขึ้นยืนปรบมือพร้อมกับคนอื่นๆดังสนั่น "สิ่งที่อยู่ในใจเปี่ยมล้นก็คือ อยากขอบคุณผู้กำกับ ผู้เขียนบท และผู้เกี่ยวข้องกับหนังเรื่องนี้ทุกๆคนที่ เอ็นดูและไว้ใจน้องชายผมให้มารับบทที่ทรงคุณค่านี้" คือพูดอะไรไม่ได้มากว่านี้จริงๆ มันจุกในอก มันทุกๆอย่าง ไม่รู้จะบรรยายอย่างไร คนที่เคยดูหนังเรื่องนี้น่าจะเข้าใจความรู้สึกนะครับ แล้วที่มันมากกว่านั้นก็คือ "ไอ้นี่มันน้องผม" มันกำลัง "โลดแล่นในสิ่งที่เป็นผลงานของตัวมันเองแล้ว มันเป็น Legacy ที่ทิ้งไว้ให้เป็นที่จดจำ" และนี่คือก้าวแรกที่เขาได้ก้าวเดินออกจากโซนหนึ่งไปสู่อีกโซนหนึ่ง เพื่อเข้าสู่เส้นทางที่เขารักที่สุดในเวลาต่อมาก็คือ "การแสดง"
คนเราจะมีความสุขที่สุดเมื่อรู้ว่าเขาต้องการอะไรแล้วไปได้ถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการ แม้ว่าทีแรกเขาอาจจะยังไม่รู้อะไรมาก แต่ในทีสุดจากก้าวแรกนี้เขาก็ได้ค้นพบ "ตัวเอง" เพราะงั้นทุกๆวันที่เขาทำงานนับจากนี้ จึงไม่เหมือนเขากำลังทำงาน หากแต่เขากำลังมีความสุขอยู่กับชีวิตของเขา และนั่นคือสิ่งที่น่าอิจฉาที่สุด และน่ายินดีที่สุดเช่นกัน "พระเอกเจอแล้วว่าเขาต้องการอะไร"
ส่วนคนอื่นๆที่ยังเป็นเหมือนๆกับผม ก็คงต้องตามหากันต่อไปนะครับ ว่า "จริงๆแล้วเราอยากเป็นอะไรจริงๆ และต้องการอะไร" ผมอวยพรให้ทุกๆคนค้นหาและค้นพบมัน และมีความสุขกับมันที่สุด เช่นเดียวกับผมที่กำลังค้นหามันเช่นกัน แม้ว่าจะยังไม่พบ หรือชีวิตนี้อาจจะไม่พบ กระนั้นอย่างน้อยที่สุดสิ่งที่ผมมีความสุขที่สุดในตอนนี้ก็คือ "พระเอกได้พบเส้นทางชีวิตและความสุขของเขาแล้ว"
ขอส่งท้ายตอนนี้ด้วยการที่เช้าวันหนึ่งตอนที่ไมเคิลตื่นขึ้นมาในวันหยุด กำลังเดินลงไปข้างล่างแล้วได้เจอกับพระเอกที่กำลังเดินสวนขึ้นมา พระเอกยิ้มให้แล้ว ชู "รางวัลนำชายยอดเยี่ยมคมชัดลึก" ให้ดู พร้อมพูดว่า"พี่เก้อ ทำได้แล้ว" เฮ้ย ดีใจด้วย สุดยอด วันนั้นน่าจะเป็นวันที่พระเอกภาคภูมิใจที่สุดวันนึง แต่เขาจะรู้หรือไม่ว่า "คนนี้ต่างหากที่ภาคภูมิใจที่สุด และวันนั้นทั้งวันคือวันที่แฮปปี้จริงๆ"
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย