15 ธ.ค. 2020 เวลา 14:28 • ศิลปะ & ออกแบบ
Exclusive Talk กับ Drop by Dough
ถึงความสำเร็จของร้านโดนัทคาเฟ่ที่ดังที่สุดในตอนนี้
หากพูดถึงร้านโดนัทที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ นอกจากร้านเฟรนไชส์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศทั้งหลาย ร้านคาเฟ่โดนัทมากสไตล์กับลุคแสนอบอุ่นอย่าง ‘Drop by Dough’ น่าจะเป็นหนึ่งในช้อยส์แรกๆ ที่หลายคนนึกถึง นอกเหนือไปจากการยืนอยู่ในฐานะของคาเฟ่โดนัทชื่อดังกับรสชาติแปลกใหม่ที่ไม่เคยซ้ำใคร เขายังเป็นหนึ่งในเพื่อนที่ไววางใจให้ DINSOR ช่วยสร้างสรรค์ Brand Identity ให้อีกด้วย และในวันนี้เราจะมาคุยกันถึงสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจ แพชชั่น และความน่าสนใจของความเป็น Drop by Dough ไปพร้อมๆ กับพวกเขา
“จริงๆ แล้วคาเฟ่แห่งนี้มันเริ่มมาจากการเดินทาง”
โอ้ต ณรงค์ฤทธิ์ ศรีตลานนท์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งบอกกับเราในทันทีที่พูดกันถึงเหตุผลที่คาเฟ่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้น ‘เหมือนว่าผมและโอ๊ตซึเนี่ยทำเพจท่องเที่ยวมาก่อนในชื่อว่า OATS X Somewhere ทำให้พวกเราได้มีโอกาสเดินทางไปยังที่ต่างๆ เราได้สัมผัสวัฒนธรรมที่หลากหลายทั้งในแง่ของวิถีชีวิตและอาหารการกิน และโดนัทเนี่ยคือของหวานที่เราสัมผัสได้ว่ามันมีความเฉพาะตัวของมันอยู่จริงๆ แค่เมืองใกล้ๆ รสชาติและวัตถุดิบของโดนัทก็มีความแตกต่างกันแล้ว มันสร้างความประทับใจให้กับเรา เลยเป็นเหตุผลที่ว่าหากจะทำอะไรเป็นของตัวเองสักอย่างหนึ่ง คาเฟ่โดนัทก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เราฝันอยากจะทำ’
แต่อีกเช่นกันว่าการทำคาเฟ่โดนัทให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในเมืองไทยที่มีเชนใหญ่ครองตลาดมาอย่างยาวนาน อะไรคือสิ่งที่สร้างความแตกต่างให้กับคาเฟ่แห่งนี้
ส่วน โอ๊ตซึ เฉลิมพล อัครภิญโญสกุล อีกหนึ่งพาร์ทเนอร์ผู้ก่อตั้งอธิบายถึงมุมมองที่เขามีต่อ Drop by Dough คาเฟ่โดนัทที่เขาปั้นมาตั้งแต่ก้าวแรก ‘แน่นอนว่าการทำร้านโดนัทเป็นความฝันของเราทั้งสอง แต่การจะทำให้มันประสบความสำเร็จได้ยังมีปัจจัยที่มากกว่าแค่ความชอบ’ ด้วยความที่ร้านแบบเฟรนไชส์นั้นมีรากฐานที่แข็งแรงกว่าเรา เราเลยต้องหาจุดเด่นอื่นเพื่อมาทดแทน ซึ่งเราพบว่าในประเทศไทยยังไม่มีใครที่ทำโดนัทแบบยูนีคจริงๆ ออกมา ประกอบกับที่เราชอบออกแบบไส้และหน้าของโดนัทด้วยตัวเองอยู่แล้ว มันเลยกลายเป็นสิ่งที่ช่วยให้แบรนด์ฉายแสงโดดเด่นได้อย่างรวดเร็ว
อะไรคือความลับของ Drop by Dough ในการมัดใจกลุ่มลูกค้าที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า Drop by Dough เองนอกจากจะเป็นคาเฟ่โดนัทที่โดดเด่นด้านรสชาติแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เด็กรุ่นใหม่ หรือชาว Café Hopper ต่างแวะเวียนมาใช้บริการกันอย่างไม่ขาดสาย
“เราพยายามเรียนรู้ที่จะเข้าถึงความรู้สึกของคน”
‘ผมคิดว่าส่วนหนึ่งมันคือความสนุกของการตกแต่งร้านและรายละเอียดของงานดีไซน์ที่ตรงกับสิ่งที่พวกเขากำลังมองหานะ ซึ่งตัว Brand Character เองก็ต้องมีความชัดเจนและสื่อสารกับผู้บริโภคได้ตรงจุดด้วยเช่นกัน แต่ทั้งที่ทั้งนั้นการบอกเล่ากันแบบปากต่อปากก็มีผลเช่นกัน’ คุณโอ๊ตกล่าว แต่ทางคุณโอ๊ตสึกลับมีมุมมองที่ต่างออกไปในเรื่องนี้ว่าสำหรับเขาแล้ว การใช้สื่อ Social Media คือตัวแปรสำคัญ เพราะเราปฏิเสธไม่ได้ว่าแพลตฟอร์มนี้เป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพมากในการสื่อสาร ดังนั้นแล้วเขาจึงเลือกที่จะจับทางและ ‘เล่น’ กับความรู้สึกของผู้ใช้งานเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด ซึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือตอนที่เกิดสถานการณ์ Covid-19 ในช่วงนั้นทางร้านเปิดให้บริการไม่ได้ จำเป็นต้องสั่งผ่านทาง delivery อย่างเดียว เราเลยเลือกที่จะโพสต์รูปโดนัทและแก้วกาแฟในกล่อง take away ซะเลย เพื่อสื่อแมสเสจว่าร้านเรามีบริการ delivery นะ คุณสามารถออเดอร์ได้เหมือนเดิม
ร่วมงานกับ DINSOR เป็นอย่างไรบ้าง
‘คือจริงๆ แล้ว Brand Identity ของ Drop by Dough ในตอนแรกเนี่ยพวกเราทำกันเองจนเสร็จแล้วนะ ซึ่งเราเองก็ชอบผลงานนั้นแต่พวกเราไม่รู้ว่ามันคือความชอบที่เราชอบกันอยู่สองคนหรือเปล่า เลยอยากให้ผู้ที่มีประสบการณ์มาช่วยคัดกรองให้อีกขั้นหนึ่ง บวกกับที่โอ๊ตสึเองเห็นความสนุกและความสดใหม่จากผลงานที่ผ่านมาของ DINSOR เลยคิดว่าคงจะดีถ้าหากได้มีโอกาสร่วมงานกัน เพราะรู้สึกว่างานที่ผ่านมาของ DINSOR มันมี behind thinking process อยู่เสมอซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เราสนใจ มันทำให้ผลงานที่ออกมามีเบื้องลึกเบื้องหลังที่มากกว่าแค่ความสวยงามนะ’ ทั้งคู่พิจารณากันอยู่สักระยะก่อนจะบอกกับเราถึงสาเหตุ
‘แน่นอนว่าหลังจากจับมือร่วมงานกัน ระหว่างทางมันก็มีการปรับแก้การปรับจูนซึ่งเป็นสิ่งที่ย่อมต้องเกิดขึ้น เราเข้าใจดี เพราะเราเองก็เคยทำงานที่บริษัทโฆษณาและแบรนด์ดิ้งมาก่อน ดังนั้นเราจึงมองว่ามันคือการค้นหาตัวตนของทั้งทางเราและ DINSOR มากกว่า มันคือการใส่ตัวตนของแต่ละฝั่งลงไปคนละครึ่งเพื่อหาให้เจอถึงภาพที่ตรงกัน เพราะบางครั้งเราไม่สามารถนำเสนอภาพในหัวออกมาได้อย่างตรงไปตรงมาขนาดนั้น ทำให้การอธิบายของพวกเรามักจะออกมาในรูปแบบของคีย์เวิร์ดสั้นๆ เสียมากกว่า แล้วให้ทีมออกแบบไปเวิร์คต่อที ซึ่งก็พูดกันแบบไม่อวยว่าผลลัพธ์ที่ทำร่วมกับ DINSOR ที่ออกมาในตอนนั้นเราก็พึงพอใจกับมัน’
“เพราะเราอยากเห็นอะไรที่มากกว่าไอเดียตั้งต้นของเรา”
โดยคุณโอ๊ตสึเองจะมีหลักการส่วนตัวอยู่อย่างว่า ผลลัพธ์ที่จะผ่านเกณฑ์จะต้องเป็นผลงานที่ทำให้เขาใจเต้นได้ ไม่ใช่แค่ความสวยงามหรือการทำตรงโจทย์เพียงอย่างเดียว ‘สิ่งที่ทั้งผมและโอ๊ตคาดหวังจะได้เห็นคือการแสดงออกถึงตัวตนของแบรนด์ไปพร้อมๆ กับตัวตนของทีมดีไซน์ เพราะอย่างที่บอก หากมันเป็นเพียงการทำงานตามโจทย์โดยไม่ใส่อัตลักษณ์อะไรลงไปเลย แน่นอนว่ามันใช้ได้แหละ แต่มันคงไม่ตอบโจทย์ความคาดหวังของพวกเรา เราอยากเห็นไอเดียสร้างสรรค์ เห็นแนวคิดที่เราคาดไม่ถึง เราอยากจะถูกเซอร์ไพร์ส อยากจะรู้สึกว้าวไปกับผลลัพธ์ที่ได้ถูกต่อยอดจากบรีฟที่ให้ไป และ DINSOR เองก็มอบสิ่งเหล่านั้นให้กับเราได้จริงๆ’
สิ่งที่อยากฝากทิ้งท้ายสำหรับผู้อ่าน
ตอนนี้ Drop by Dough กำลังจะมีสาขาใหม่ที่ใหญ่ขึ้น มีพื้นที่กว้างขึ้น เมนูมากขึ้น และมีรายละเอียดที่อัดแน่นมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา โดยมีกำหนดคลอดในช่วงต้นปีที่กำลังจะมาถึงครับ แต่เรื่องสถานที่เราอยากจะขอเก็บไว้เป็นความลับให้ได้เซอร์ไพร์สกันแล้วกัน
‘ซึ่งเราตั้งใจที่จะใช้ Brand Identity เดิมที่เคยทำร่วมกับทาง DINSOR เหมือนเดิม ส่วนหนึ่งเพราะมันสามารถเอาไปประยุกต์ใช้กับการตกแต่ง การสร้างกิมมิคน่ารักๆ ในร้านได้ค่อนข้างหลากหลาย เช่นเป็นได้ทั้งลายสกรีนติดกระจก บรรจุภัณฑ์ สติกเกอร์ติดรถ รูปตกแต่งในร้าน และอื่นๆ โดยที่ยังคงคอนเซ็ปต์ของความเป็น Drop by Dough อยู่ แต่แน่นอนว่าด้วยพื้นที่ที่กว้างขึ้น โครงสร้างของอาคารเปลี่ยนไป มันก็อาจจะมีบ้างที่ต้องประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับพื้นที่ใหม่ ตามสเกลที่ใหญ่ขึ้น แต่มุมถ่ายรูปสวยๆ ความอบอุ่นเป็นกันเองและบรรยากาศแบบเดิมๆ ของคาเฟ่โดนัทแห่งนี้จะยังคงมีอยู่อย่างครบถ้วนไม่ต่างไปจาก 2 สาขาที่มีอยู่ในตอนนี้อย่างแน่นอน อยากให้ได้รอรับชมกันครับ’
รับชมผลงาน Brand Identity ของ DINSOR เพิ่มเติมได้ที่นี่
โฆษณา